ดูหนัง Wind River (2017) ล่าเดือด เลือดเย็น
เรื่องราวเกี่ยวกับปริศนาของเหตุฆาตกรรมหญิงสาวชาวอินเดียนแดงที่เธอได้เสียชีวิตอยู่ท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บในวินด์ริเวอร์เขตสงวนของชาวอินเดียนแดงรัฐไวโอมิ่ง โดยผู้ที่พบศพของเธอเป็นคนแรกก็คือ คอรี่( เรนเนอร์ ) เจ้าหน้าที่ป่าไม้ของเขตสงวนในระหว่างที่เขากำลังตามล่าสิงโตอยู่ เขาจึงวิทยุไปหา เบน ( กรีน ) หัวหน้าตำรวจชาวอินเดียนแดงในเขตสงวน เบนจึงเข้ามาในสถานที่เกิดเหตุพร้อมกับ เจน( โอลเซ่น ) FBI หน้าใหม่ที่ได้รับคำสั่งให้มาดูแลคดีนี้ และเนื่องจากเหตุขัดข้องทางกฎหมายในบางประการจึงทำให้เจนไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากส่วนกลางได้ทำให้เธอต้องทำงานเพียงลำพังโดยมีเพียงตำรวจท้องถิ่นเท่านั้นที่ช่วยเหลือ เธอจึงขอให้คอรี่มาช่วยในการตามล่าหาตัวฆาตกร เนื่องจากคอรี่มีความชำนาญในพื้นที่นี้เป็นอย่างดี ในช่วงฤดูหนาวที่เขตสงวนอินเดียนแดงวินด์ริเวอร์เจ้าหน้าที่ Cory Lambert จากสำนักงานประมงและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐฯ ค้นพบศพแช่แข็งของ Natalie Hanson วัย 18 ปีจาก ชนเผ่า Northern Arapahoเจ้าหน้าที่พิเศษ FBI Jane Banner เดินทางมาเพื่อสืบสวนคดีฆาตกรรม ที่อาจเกิดขึ้น Banner ได้รับทราบจาก Martin พ่อของ Natalie ว่าลูกสาวของเขาคบกับแฟนใหม่ซึ่งเขาไม่ทราบชื่อ
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Jeremy Renner เจเรมี เรนเนอร์
Elizabeth Olsen
Graham Greene
ผู้กำกับ : เทย์เลอร์ เชอริดาน
รีวิว
beartai
ผลงานของผู้กำกับ เทย์เลอร์ เชอริแดน ส่วนใหญ่คือการเขียนบทซึ่งมีผลงานโดดเด่นระดับเข้าชิงออสการ์อยู่ 2 เรื่องได้แก่ Sicario (2015) ที่กล่าวถึงการตามล่าหัวหน้าค้ายาในชายแดนเม็กซิโก และ Hell or High Water (2016) ที่กล่าวถึงคู่พี่น้องที่ยอมเป็นโจรเพื่อพิทักษ์ที่ดินมรดกสุดท้ายของพวกเขาในเท็กซัสตะวันตก และพอถึงผลงานกำกับจากบทตัวเองอย่าง ก็สังเกตได้ไม่ยากว่า เชอริแดน ยังคงให้ความสนใจกับประเด็นการเมืองของคนชายขอบที่คราวนี้การเลือกเล่าเรื่องใน วินด์ริเวอร์ แหล่งอาศัยของชาวอินเดียนแดงที่ต้องทนกับสภาพความหนาวเหน็บระดับที่ตัวละครต่างเรียกที่นี่ว่า “นรกแช่แข็ง” โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่การตายของเด็กสาวชาวพื้นเมือง แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ โดดเด่นจากหนังสืบสวนสอบสวนที่สร้างกันมาจนเกร่อคงหนีไม่พ้นการพูดถึงระบบราชการที่มีความซับซ้อนและบ่อยครั้งที่ความยุติธรรมก็อาจละเลยหรือหลงลืมชาวพื้นเมือง ตามที่หนังให้ข้อมูลในเครดิตท้ายเรื่องว่ามีชาวอินเดียนแดงที่หายสาบสูญไปเป็นจำนวนมากโดยมีฉากหลังเป็นเมืองที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลนและมีสภาพอากาศหนาวเหน็บก็ยิ่งทำให้คนดูสัมผัสได้ถึงความคลุมเครือทั้งจิตใจมนุษย์และเส้นแบ่งระหว่างความยุติธรรมกับจรรยาบรรณที่ดูจะพร่าเลือนยิ่งนัก
โดยสิ่งที่ต้องชื่นชม เทย์เลอร์ เชอริแดนในฐานะผู้กำกับที่แม้จะมีผลงานกำกับไม่มากแต่ กลับถูกถ่ายทอดออกมาอย่างกลมกล่อมมีจังหวะจะโคนและไม่น่าเบื่อ แม้สาระสำคัญของมันถือว่าหนักหน่วงและมุ่งวิพากษ์ระบบยุติธรรมในเชิงปฏิบัติ ทั้งการที่ต้องรอ FBI มาถึงที่เกิดเหตุเพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายศพและส่งนิติเวชเพื่อชันสูตรศพ ซ้ำร้ายเมื่อถึงขั้นตอนนิติเวชแล้วเจ้าหน้าที่ FBI อย่าง เจน ยังต้องเถียงกับเจ้าหน้าที่นิติเวชเรื่องสาเหตุการตายที่มีผลต่อการขอกำลังเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมที่แสดงให้เห็นความพร่าเลือนของ ‘เส้นแบ่ง’ อันเป็นปัญหาของภาครัฐที่บกพร่องในการมอบความยุติธรรมให้กับชนกลุ่มน้อย ทำให้หลายครั้งตัวละครเองก็ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างถูกต้องตามจรรยาบรรณกับความยุติธรรมที่อาจต้องลัดขั้นตอนบ้างเมื่อเข้าใกล้ความจริงอันฟอนเฟะ และทีละน้อยผู้ชมก็ค่อยๆเปลี่ยนจากผู้สังเกตการณ์กลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปโดยปริยาย นอกจากนี้ตัวหนังยังแอบซ่อนสัญลักษณ์กับการเล่นกับ “ประตู” สัญลักษณ์ของการเปิดเผยเปิดโปงและปิดกั้นได้อย่างแยบคายตั้งแต่ประตูแรกคือบ้านที่ เจน เข้าไปสวมชุดกันหนาวของลูกสาวคอรี่ที่ล่วงลับ หรือแม้แต่ประตูของเหล่าผู้ร้ายที่ไม่มีวันรู้เลยว่าพวกเขาจะได้ไปเจอมัจจุราชตอนไหน ซึ่งถูกถ่ายทอดอย่างโน้มน้าวชักจูงและลุ้นระทึกแบบแทบลืมหายใจ