ประวัติ Viggo Mortensen วิกโก มอร์เทนเซน
Viggo Mortensen วิกโก มอร์เทนเซน นักแสดง นักเขียน ผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ นักดนตรี และศิลปินมัลติมีเดียชาวอเมริกัน เกิดและเติบโตในรัฐนิวยอร์ก โดยมีบิดาเป็นชาวเดนมาร์ก และมารดาเป็นชาวอเมริกัน เขายังอาศัยอยู่ในประเทศอาร์เจนตินาในช่วงวัยเด็กด้วย เขาเป็นผู้รับรางวัลรางวัลต่าง ๆ ได้แก่ รางวัลสมาคมนักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 3 รางวัล รางวัลแบฟตา 3 รางวัล และรางวัลลูกโลกทองคำ 4 รางวัล
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังผลงานภาพยนตร์
The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring (2001) อภินิหารแหวนครองพิภพ
ในงานเฉลิมฉลองวันเกิดของ บิลโบ แบ็กกิ้นส์ นั้นเขาได้มอบ แหวนเอก ให้กับทายาทคนสนิทนามว่า โฟรโด แบ็กกิ้นส์ ซึ่งดันเป็นแหวนที่ เซารอน เจ้าแห่งความมืดตามหามาโดยตลอด เพื่อไปเพิ่มพลังอำนาจให้กับเขา ทำให้ แกนดัล์ฟ พ่อมดฝ่ายดีที่มาร่วมงานในวันนั้นด้วย จึงต้องตัดสินใจ รวบรวมพลพรรคแห่งแหวน ที่จะต้องคอยคุ้มกัน โฟรโด และเหล่าผองเพื่อนฮอบบิทของเขา ให้ออกเดินทาง เพื่อคุ้มครองแหวน และนำไปมันไปทำลายทิ้งที่ ปล่องภูเขาไฟในเมาท์ดูมให้สำเร็จ ก่อนที่เหล่าสมุนของ เซารอน จะเข้ามาแย่งชิงมันไป ซึ่งระหว่างทางพวกเขาก็ต้องเผชิญกับบรรดาลูกสมุนชั่วร้ายมากมาย รวมถึงความละโมบภายในจิตใจของคณะเดินทางกันเองที่หวังจะครอบครองแหวนนี
The Lord of The Rings: The Two Towers (2002) ศึกหอคอยคู่กู้พิภพ
The Lord of The Rings: The Two Towers สานต่อการผจญภัยของ โฟรโด้ แบ็กกินส์ (รับบทโดย เอไลจาห์ วู้ด) และผองเพื่อนเพื่อทำลายแหวนที่หายสาบสูญไปนานหลายศตวรรษ โดยพวกเขาวางแผนแยกกันเป็นสามกลุ่มเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ เริ่มตั้งแต่ โฟรโด และ แซม ผู้ต้องเผชิญหน้าภัยอันตรายต่าง ๆ ขณะเดินทางไปยังเมาท์ ดูม ตามมาด้วย เมอร์รี่ และ พิพพิน ผู้ต้องรับมือกับ ออร์ค และโน้มน้าวให้ ชาวเอนต์ มาร่วมมือสู้ศึกศัตรู รวมถึง อารากอร์น กิมลี และเลโกลัส ที่พบเข้ากับกองทัพ ซารุแมน ณ เฮล์มสดีพ
The Lord of The Rings: The Return of The King (2003) มหาสงครามชิงพิภพ
การเดินทางของเหล่าพันธมิตรผู้กล้าแห่งวงแหวน กำลังจะถึงคราวสิ้นสุด พร้อมกับกองกำลังทมิฬแห่งดาร์คลอร์ดเซารอน ที่ตราทัพเข้าสู่ที่มั่นสุดท้าย ไมนาสติริธ ไม่มีครั้งใดที่อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ จะต้องการการกลับมาของราชันย์มากกว่าครั้งนี้ แต่ความสงสัยในโชตชะตาของ อารากอร์น กลับเป็นสิ่งที่กีดกั้นหนทางสู่ราชบัลลังก์
แกนดาล์ฟ (เอียน แมคเคลเลน) ได้พยายามรวบรวมไพร่พล และกองทัพที่แตกสลายขึ้นอีกครั้ง โดยร่วมกับทัพนักรบผู้กล้าของกษัตริย์ ธีโอเดน แห่งโรแฮน (เบอร์นาร์ด ฮิลล์) ทว่าความหาญกล้า และจงรักภักดีจะมากมายสักเพียงไร ก็มิอาจจะต้านทานทัพศัตรูร้าย ที่พรั่งพรูเข้าสู่อาณาจักรในครั้งนี้ได้ และยิ่งหนทางที่ใกล้เข้าสู่ Mount Doom มากขึ้นเท่าใด โฟรโด (อีไลจาห์ วู้ด) และ แซม (ฌอน แอสติน) ก็ยิ่งตกอยู่ในความลำบากมากขึ้นเท่านั้น อำนาจแห่งแหวนเริ่มส่งผลต่อทุกย่างก้าวที่เดินไป กัดกร่อนความเป็นตัวตนที่แท้จริงของโฟรโด ในขณะเดียวกัน ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งของแซมอีกด้วย
ทุกชัยชนะที่ได้มาล้วนแลกด้วยการเสียสละ และแม้ว่าการสูญเสียจะยิ่งใหญ่สักเพียงใด เหล่ากองทัพแห่งพันธมิตร ก็ยังคงเดินหน้าสู่สมรภูมิครั้งยิ่งใหญ่ โดยมีปณิธานร่วมกัน ในการทำให้ ดาร์คลอร์ดเซารอน ไขว้เขว และสร้างโอกาสให้แก่โฟรโด ได้ทำภารกิจอันยิ่งใหญ่ให้สิ้นสุดลง และท่ามกลางการเดินทางฝ่าดินแดนฝ่ายศัตรูที่สุดแสนอันตราย โฟรโดจำต้องเชื่อมั่นในตัวเพื่อนร่วมทางทั้งสอง นั่นคือ แซม และกอลลั่ม (เสียงพากย์โดย แอนดี้ เซอร์คิส) มากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน วงแหวนก็ยังคงทดสอบความสวามิภักดิ์ และมนุษยธรรมของเหล่าผู้กล้าแห่งตำนานต่อไป…
Green Book (2019) กรีนบุ๊ค
เรื่องราวของ ผู้ชาย 2 คน ที่มาจากโลก 2 ใบ หนึ่งคือศิลปินนักเปียโนผิวสีระดับโลก ดร.ดอน เชอร์ลีย์ (มาเฮอร์ชาลา อาลี) อีกหนึ่งคือคนขับรถชาวอิตาเลียนอดีตการ์ดเฝ้าผับ โทนี่ ลิป (วิกโก้ มอร์เทนเซน) ที่ได้มุ่งหน้าสู่ตอนใต้ของอเมริกาในยุค 60’s อันเป็นยุคที่ประเด็นการเหยียดสีผิวยังคงรุนแรงอยู่ เส้นทางการเดินทางครั้งนี้จะสร้างหนึ่งมิตรภาพ ข้ามเส้นแบ่งพรมแดนของสีผิว-ชนชั้น และจะส่งต่อเสียงหัวเราะ คราบน้ำตา สร้างมุมมองใหม่ในการหันมามองเพื่อนมนุษย์ด้วยกันด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป