ดูหนัง The Moon (2023) ปฏิบัติการพิชิตจันทร์ เรื่องราวของชายผู้ถูกทิ้งไว้บนห้วงอวกาศเนื่องอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง และชายอีกคนหนึ่งบนดาวโลกที่พยายามช่วยเหลือเขากลับมา เมื่อภารกิจสำรวจดวงจันทร์ครั้งที่สองของเกาหลีเจอหายนะ การนำตัวผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวกลับสู่โลก จึงต้องพึ่งชายผู้ถูกกล่าวโทษว่าทำให้ภารกิจแรกล้มเหลว นำเสนอเรื่องราวของภารกิจสำรวจดวงจันทร์ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความหวังปนกับความกลัว ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทอดเรื่องราวของ ฮวังซอนอู นักบินอวกาศที่ต้องเผชิญหน้ากับความโดดเดี่ยวและความท้าทายอันยิ่งใหญ่บนดวงจันทร์
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
Kim Yong-hwa ⭐ Filmment 🤩 คะแนน: 6/10 ดาว ทุกครั้งที่ผู้ชมอย่างเราพูดถึงการพัฒนาของวงการภาพยนตร์ไทย อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของประเทศเกาหลีนั้นมักจะถูกหยิบยกมาเป็นตัวอย่างหรือกระทั่งหมุดหมายในการไปให้ถึงอยู่เสมอ ในฝั่งภาพยนตร์สายรางวัลนั้นผลงานชื่อดังอย่าง Parasite ได้สร้างปรากฏการณ์ด้วยการคว้ารางวัลออสการ์มาครองได้ถึง 4 ตัว ในขณะที่ฟากของภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์ก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันนี้พวกเขาสามารถส่งภาพยนตร์แอ็คชั่นไซไฟอย่าง – ปฏิบัติการพิชิตจันทร์ เข้าฉายในระบบ IMAX ได้สำเร็จแล้ว และหากมองไปยังภาพยนตร์ที่มีฉากหลังเป็นดวงจันทร์และอวกาศเหมือนกันอย่าง Gravity, Interstellar หรือ The Martian งานสร้างของภาพยนตร์เรื่อง สามารถก้าวขึ้นไปแตะในระดับเดียวกับผลงานข้างต้นของฮอลลีวูดได้อย่างไร้ข้อกังขาแล้วครับ งาน Production ของภาพยนตร์นั้นยอดเยี่ยมในทุกภาคส่วน ชัดเจนที่สุดต้องยกให้งานด้านภาพ ที่สามารถเนรมิตความอ้างว้างของอวกาศ, จำลองสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง, นำเสนอความล้ำสมัยของสถานีอวกาศ และถ่ายทอดสารพัดภัยพิบัติบนดวงจันทร์ออกมาได้อย่างตื่นเต้นตระการตาครับ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการกำกับศิลป์ที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการออกแบบงานสร้างที่สามารถผสมผสานฉากจำลองเข้ากับงานเทคนิคพิเศษทางคอมพิวเตอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม รวมถึงการตัดต่อและการบันทึกเสียง ที่จับมือกันสร้างบรรยากาศอันยอดเยี่ยมในโรงภาพยนตร์ได้อย่างน่าชื่นชม ทำให้ฉากการเอาตัวรอดจากฝนดาวตกของ เป็นหนึ่งในซีเควนซ์ที่ลุ้นระทึกและน่าตื่นตะลึงมากที่สุดของเรื่องได้อย่างน่าภาคภูมิใจครับแต่หากมองกันถึงโครงสร้างของเนื้อหาแล้ว บทภาพยนตร์ของ ยังมีปัญหาอยู่พอสมควรครับ โดยหลักแล้วผมไม่สามารถเชื่อหรือคล้อยตามไปกับความบังเอิญของเรื่องราวได้ครับ ด้วยความที่ทุกตัวละครหลักของเรื่อง ถูกบังคับให้มีปูมหลังหรือความสัมพันธ์ร่วมกัน พันผูกจนซับซ้อนเพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างดราม่าในช่วงเวลาสำคัญของเรื่อง หากแต่ปูมหลังเหล่านั้นกลับเป็นเรื่องราวที่ผิดที่ผิดทางและขาดความรัดกุมอย่างเห็นได้ชัด เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญของภาพยนตร์ การขมวดความจริงทุกอย่างของเรื่องเข้าด้วยกันเพื่อหวังสร้างความเข้มข้น กลับไม่สามารถสร้างอิทธิพลเชิงอารมณ์ได้มากอย่างที่ภาพยนตร์ต้องการ จนกลายเป็นบทสรุปที่กำปั้นทุบดินและคลี่คลายได้เบาบางจนเกินไป ภาพยนตร์ขับเคลื่อนเรื่องราวส่วนใหญ่ด้วยอุปสรรคและความยากลำบากที่เกิดขึ้น จากการดิ้นรนเอาชีวิตรอดของตัวละคร แม้จะสามารถมอบความตื่นเต้นกระตุ้นจังหวะชีพจรของผู้ชมได้เป็นระยะ แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นการพายเรืออยู่ในอ่าง และสร้างสถานการณ์เดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเรื่องราวไม่เดินไปข้างหน้า เมื่อบ่อยครั้งเข้าจึงเริ่มกลายเป็นความจำเจและลดระดับความน่าตื่นเต้นลงไปเรื่อยๆ ภาพยนตร์มีการสร้างเงื่อนไขบางอย่างของตัวละครเอาไว้ แต่พอถึงช่วงเวลาที่จะสามารถหยิบเงื่อนไขเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ ภาพยนตร์ก็กลับละทิ้งมันไปเสียเฉยๆ ราวกับเงื่อนไขเหล่านั้นไม่เคยถูกพูดถึงมาก่อนเลยครับอย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์มีการสอดแทรกประเด็นที่น่าสนใจลงไปในเรื่องด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การรับมือกับสื่อภายใต้ภาวะที่ประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤต, ภาวะสงครามเย็นและการแข่งขันระหว่างประเทศ รวมถึงการเอาชนะด้วยวิธีการที่ทั้งสะอาดและสกปรก นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังพูดสารที่เป็นสากลอย่างความเท่าเทียมและการเป็นส่วนหนึ่งของประชากรโลกร่วมกันอีกด้วย แต่ถึงกระนั้นก็นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายครับ ที่ประเด็นเหล่านั้นกลับโดนแตะเพียงผิวเผิน จนบางครั้งมันกลายกลับเป็นมุกตลกที่ดูหลงทิศไปอย่างไม่ตั้งใจด้วยซ้ำครับ อย่างที่ได้กล่าวไปครับว่า ภาพยนตร์เรื่อง ปฏิบัติการพิชิตจันทร์ เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์เกาหลี ที่สามารถยกระดับคุณภาพงานสร้างของตัวเองจนทัดเทียมกับสากล และพาผลงานของพวกเขาเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ระดับ IMAX ซึ่งเป็นระบบที่ได้รับการกล่าวขานว่าสมบูรณ์แบบที่สุดได้อย่างไม่อายใครครับ แม้จะยังมองเห็นแผลอยู่บ้าง แต่ด้วยความยิ่งใหญ่ตระการตาของภาพยนตร์แล้ว การตีตั๋วไปรับชมภาพยนตร์ในระบบ IMAX ก็ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอยู่ดีครับ #ประเด็นตกผลึกประเด็นตกผลึกในวันนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์นะครับ หากใครยังไม่ได้รับชมสามารถข้ามไปก่อนได้เลยครับ โดยประเด็นตกผลึกจากภาพยนตร์เรื่อง ที่ผมจะชวนผู้อ่านทุกท่านมาคุยกันในวันนี้ก็คือชีวิตของมนุษย์ คือสิ่งที่สำคัญกว่าสถานะทางการเมืองภาพยนตร์เริ่มต้นด้วยการฉายภาพของการแข่งขันกันของประเทศมหาอำนาจ ขั้วหนึ่งคือสหรัฐฯ ซึ่งมีองค์กรนาซ่าอยู่ในมือ อีกขั้วหนึ่งคือประเทศที่ถูกขับออกจากสถาบันอวกาศนานาชาติอย่างเกาหลี ทำให้พวกเขาไม่สามารถแบ่งปันเทคโนโลยีหรืองบประมาณซึ่งกันและกันได้อีกต่อไป นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันและกลายเป็นแรงผลักดันของทั้ง 2 ประเทศ ในการพัฒนาโครงการส่งมนุษย์ขึ้นสู่ดวงจันทร์ให้สำเร็จให้ได้ หมุดหมายดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นชัยชนะสำหรับวงการวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่มันยังรวมถึงการเปลี่ยนขั้วอำนาจของการเมืองโลก ด้วยองค์ความรู้ด้านทรัพยากรและพลังงานที่อาจจะถูกค้นพบได้บนดวงจันทร์นั่นเอง ซึ่งก็เป็นประเทศเกาหลีที่ชิงลงมือก่อน พวกเขาส่งยานอวกาศขึ้นสู่น่านฟ้าและพุ่งออกจากชั้นบรรยากาศของโลกได้สำเร็จ แต่ทันทีที่ภารกิจเกิดความผิดพลาด จนทำให้นักบินอวกาศเกิดเสียชีวิต เหลือเพียงแต่ฮวังซอนอูที่รอดชีวิตอยู่เพียงลำพัง ผู้มีอำนาจในเรื่องแต่ละคนนั้นล้วนแสดงจุดยืนที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนครับ เริ่มจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ ซึ่งดูก็รู้ว่าเขาไม่ได้มีความรู้อะไรที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่เขามีทักษะในการรับหน้าและควบคุมความเสียหายต่อสื่อมวลชนมากที่สุด หลังจากฮวังซอนอูนั้นขาดการติดต่อไปนานหลายชั่วโลก ทำให้เขาตัดสินใจออกแถลงการณ์ยืนยันการเสียชีวิตในทันที แต่หลังจากนั้นความจริงกลับเปิดเผยว่าฮวังซอนอูนั้นยังมีชีวิตอยู่ สิ่งแรกที่เขาทำไม่ใช่การสั่งเดินหน้าภารกิจกู้ชีวิตของฮวังซอนอู แต่กลับเป็นความกังวลในการตอบคำถามกับสื่อ ซึ่งย่อมแสดงให้เห็นถึงความโลเลและไม่เป็นมืออาชีพของประเทศเกาหลี นั่นก็เพราะภารกิจหลักของเขาไม่ใช่การช่วยผู้รอดชีวิต หากแต่เป็นการรักษาภาพลักษณ์ของทั้งตัวเองและประเทศมากกว่า ในขณะที่มุนยอง เจ้าหน้าสาวผู้ควบคุมยานอวกาศของนาซ่า ก็ตกอยู่ในสภาวะที่กดดันไม่แพ้กันครับ เพราะจากสถานการณ์ที่วุ่นวายของประเทศเกาหลี ก็ยิ่งทำให้ชัยชนะของสหรัฐฯ นั้นเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ด้วยความสามารถของมุนยองนั้นได้พาให้เธอมาอยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพ และกำลังจะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการของนาซ่าในไม่ช้า แต่ทันทีที่เธอรับรู้เรื่องราวของฮวังซอนอู เธอตัดสินใจยื่นมือเข้าไปช่วยเขาอย่างสุดตัว แม้ว่ามันจะแลกมากับการผิดวินัยขั้นร้ายแรงของนาซ่า และทำให้เธอต้องเสียทุกอย่างที่สร้างมากับมือก็ตามครับ สาเหตุที่เธอตัดสินลงมือช่วยฮวังซอนอูนั้นไม่ใช่การที่เธอเป็นคนเกาหลีเหมือนกันครับ หากแต่เป็นเพราะเธอมองฮวังซอนอูในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ที่เป็นประชากรของโลกใบนี้เช่นเดียวกันกับเธอ นั่นจึงทำให้กำแพงเรื่องการเมืองหรือสงครามเย็นระหว่างทั้ง 2 ประเทศนั้นถูกละวางลงในทันที ส่วนตัวละครที่นำเสนอประเด็นดังกล่าวได้เด่นชัดที่สุดก็คือ คิมแจกุก อดีตผู้อำนวยการการบินของสถานีอวกาศเกาหลี ที่ถูกเรียกตัวกลับมาทำภารกิจนี้แบบเร่งด่วนครับ เนื่องจากเมื่อ 5 ปีก่อนนั้นประเทศเกาหลีนั้นได้รับแรงกดดันจากการแข่งขันกับสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก จนทำให้พวกเขาตัดสินใจส่งยานอวกาศของตัวเองขึ้นสู่น่านฟ้า ทั้งๆ ที่คิมแจกุกเองนั้นรู้ดีครับว่า ยานอวกาศลำนั้นมีความผิดพลาดด้านวิศวกรรม และมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ แต่เนื่องจากในวันนั้น เขามองสถานะทางการเมืองของประเทศอยู่เหนือชีวิตของมนุษย์ และถูกกดดันจากรัฐบาลไม่ให้เลื่อนโครงการออกไปอีกแล้ว จนทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งยานอวกาศลำนั้นออกไปเป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศ และแน่นอนครับว่าการสตาร์ทเครื่องยนต์ในวันนั้นก็ได้กลายมาเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของประเทศเกาหลีเสียเอง เพราะความถวิลหาในชัยชนะและอำนาจการปกครอง จนมองข้ามชีวิตของมนุษย์คนหนึ่งไปอย่างไม่ใยดีครับ ⭐ cbrites 🤩 คะแนน: 6/10 ดาว เอฟเฟกต์พิเศษระดับสูง การถ่ายภาพ เสียง การตัดต่อ การออกแบบงานศิลป์ ล้วนแต่เสียเปล่าไปกับบทที่ห่วยแตกมาก เป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจ แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสร้างภาพยนตร์ที่ดีได้ด้วยบทที่ห่วยแตกเช่นนี้ ไม่ว่าองค์ประกอบอื่นๆ จะดีแค่ไหนก็ตาม ฉันจะไม่บอกรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อหลีกเลี่ยงการสปอยล์ ฉันไม่สามารถพูดถึงการแสดงได้มากนัก เนื่องจากตัวละครมีลักษณะซ้ำซากจำเจมากเกินไป คงไม่ยุติธรรมเลยที่จะโทษนักแสดง เพราะพวกเขาทำในสิ่งที่บทบาทต้องการ ซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไร เมื่อพูดเช่นนั้นแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีมูลค่าความบันเทิงในระดับหนึ่ง แต่ควรชมในโรงภาพยนตร์มากกว่าเพราะภาพที่สวยงามฉันมั่นใจว่าภาพยนตร์เกาหลีสามารถทำได้ดีกว่าในด้านการเขียนบท เพราะมีภาพยนตร์ดีๆ มากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ⭐ ramseygiancarlo 🤩 คะแนน: 5/10 ดาว ผมอยากจะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวละครเอกในบทนักบินอวกาศ ผมคิดว่าเขาเป็นนักบินอวกาศที่ไม่ฉลาดและชาญฉลาดมากนัก และผมไม่เห็นว่าเขามีความเป็นมืออาชีพในการรับมือกับเหตุการณ์ใดๆ ที่อาจเกิดขึ้น ผมมองว่าเขาเป็นนักบินอวกาศที่เพิ่งได้รับการฝึกมาเมื่อวานนี้ ในความคิดของผม นักบินอวกาศจะตัดสินใจอย่างรวดเร็วและชาญฉลาดเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่แสดงถึงความเป็นมืออาชีพของเขา แต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ นักบินอวกาศไม่ได้ตื่นตัวและคิดช้าเกินไป ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าผมจะรู้ว่านี่เป็นภาพยนตร์ที่แต่งขึ้น แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ก็ไม่ควรมีความสมเหตุสมผล ตลอดทั้งเรื่อง นักบินอวกาศไม่ได้ถูกแสดงให้เห็นว่ากินหรือดื่มอะไรในขณะที่อยู่บนดวงจันทร์เพื่อรักษาสติและสุขภาพของเขา ⭐ tkdlifemagazine 🤩 คะแนน: 6/10 ดาว หากคุณกำลังมองหาภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาทางวิทยาศาสตร์ที่อิงตามหลักการของการเดินทางและสำรวจอวกาศในยุคปัจจุบัน นี่ไม่ใช่ภาพยนตร์สำหรับคุณ หากคุณกำลังมองหาภาพยนตร์แนวไซไฟผจญภัยที่สนุกสนานสุด ๆ พร้อมบรรยากาศดราม่า เรื่องนี้เหมาะสำหรับคุณ หน่วยงานอวกาศของเกาหลีกำลังมองหาวิธีส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์ และกอบกู้ภารกิจที่ล้มเหลวและร้ายแรงก่อนหน้านี้ในการผจญภัยในอนาคตนี้ สถานการณ์ทำให้มีนักบินอวกาศหนุ่มเพียงคนเดียวติดอยู่ และภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความพยายามในการช่วยชีวิตเขา ตัวละครมีเสน่ห์ เรื่องราวสนุกสนาน เอฟเฟกต์น่าตื่นเต้น นี่เป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกจากผู้สร้างภาพยนตร์ชาวเกาหลีที่ยอดเยี่ยม ⭐ Desdecardo78 🤩 คะแนน: 6/10 ดาว ก่อนอื่น ฉันสงสัยดาราที่ไร้ค่าเหล่านี้ ทั้งคู่ไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้หรือเป็นหุ่นยนต์ การแสดงนั้นเกินมาตรฐานไปนิดหน่อย ฉากแอ็กชั่นสามารถดึงดูดความสนใจของคุณได้ เอฟเฟกต์ค่อนข้างดี ไม่มีอะไรให้บ่นมากนักนอกจากดราม่าที่เพิ่มเข้ามาเพื่อยืดเวลาฉายและให้เวลาออกจอกับไอดอลเกาหลีมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดช่วงเวลาที่น่าเขินอายบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่ได้ทำลายพล็อตเรื่องหรือเรื่องราว เพียงแต่ผู้ชมชาวอเมริกันไม่คุ้นเคย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าใจการปล้นที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ AAA ของเกาหลีเรื่องนี้จำเป็นต้องดูในจอใหญ่จริงๆ เพื่อจะเข้าใจขอบเขตของภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างสมบูรณ์ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียภาพบางส่วนในโทรทัศน์ และภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องพึ่งพาภาพเหล่านั้นโดยรวมแล้วเป็นภาพยนตร์ธรรมดาแต่ดีกว่าค่าเฉลี่ยสำหรับภาพยนตร์เกาหลี เป็นภาพยนตร์ไซไฟที่น่าเบื่อหน่าย ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่สำคัญมากนัก ⭐ daisukereds 🤩 คะแนน: 4/10 ดาว เรื่องราวนี้หมุนรอบความพยายามครั้งที่สองของเกาหลีในการไปดวงจันทร์ (ในปี 2029) หลังจากความพยายามครั้งก่อนล้มเหลว ครั้งนี้ทุกอย่างก็ไม่ดีเช่นกัน.. และชายคนหนึ่ง (ที่ไร้ความสามารถ?) ถูกทิ้งไว้และต้องเอาชีวิตรอดโดยใช้ทรัพยากรของดวงจันทร์จนกว่าจะได้รับการช่วยเหลือ เปลวสุริยะ ฝนดาวตกกะทันหัน และอีกมากมายอาจเกิดขึ้นได้ นี่คือสิ่งที่ Jay จาก RedLetterMedia อาจเรียกว่า “ภัยพิบัติทางธรรมชาติ”ฉันคาดหวังมากกว่านี้จากภาพยนตร์เรื่องนี้เนื่องจากระดับคุณภาพของการผลิตและภาพ และการเห็นรีวิวคะแนน 9 และ 10 มากมายจากบัญชีที่ไม่ได้รีวิวอะไรอย่างอื่นเลยก็บอกอะไรได้มากเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยส่วนตัวแล้ว ฉันพบว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มีเสน่ห์ บุคลิกภาพ และขาดการมีส่วนร่วมเลย แน่นอนว่ามี “สิ่งต่างๆ” เกิดขึ้นมากมาย และความตึงเครียดมักจะสูงเกือบตลอดเวลา (เช่นเดียวกับภารกิจอวกาศทั้งหมด) แต่จังหวะที่ช้าและการพัฒนาที่น่าเบื่อทำให้ระยะเวลา 2 ชั่วโมงแทบจะกลายเป็นภาระ แทบไม่มีใครโดดเด่นและไม่มีใครให้เกาะติด ไม่มีอะไรช่วยได้นอกจาก “การมีส่วนร่วมของรัฐบาล” ที่เข้ามาแทรกแซงจนกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายอีกชั้นหนึ่ง และปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลก็ทั่วไปมากไม่เป็นไรถ้าคุณชอบหนังอวกาศ แต่ฉันเบื่อมากตลอดเวลานักแสดง
Doh Kyung-soo โด คยองซู
Sol Kyung-gu ซอล คยองกู
Kim Hee-ae คิม ฮี-เอผู้กำกับ
รีวิว The Moon (2023) ปฏิบัติการพิชิตจันทร์