ดูหนัง The Life of Buddha (2007) ประวัติพระพุทธเจ้า
ย้อนหลังไปกว่า 2,500 ปี เจ้าชายสิทธัตถะประสูติ ณ สวนลุมพินี โหรได้ทำนายว่าถ้าเจ้าชายไม่ได้เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ก็จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระเจ้าสุทโธทนะผู้เป็นบิดาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้พระราชกุมารผันความสนพระทัยไปออกผนวช แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าชายก็ได้พบความจริงว่ามนุษย์นั้นจะอย่างไรก็ไม่พ้นความทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย จึงตัดสินใจช่วยมนุษย์ให้พ้นทุกขเวทนานี้ โดยหนีออกจากพระราชวังไปออกผนวช เจ้าชายสิทธัตถะต้องพบกับอุปสรรค ต้องทดลองทรมานตนหลายรูปแบบ ต้องพบกับมารที่มาผจญกว่าจะได้ตรัสรู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อพบกับภารกิจอันยิ่งใหญ่ ในการช่วยเหลือมนุษย์โลกให้พ้นทุกข์
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Sarut Wijittranon ศรุต วิจิตรานนท์
Komgrit Triwimol / คมกฤต ไตรวิมล

ผู้กำกับ กฤษณะมาน วัฒนนารงค์
รีวิวหนัง The Life of Buddha (2007) ประวัติพระพุทธเจ้า
10 / 10 วิธีการเข้าใจพระพุทธเจ้าอย่างรวดเร็ว
สารคดีนี้เป็นวิธีที่ดีในการทำความเข้าใจพระพุทธเจ้าอย่างรวดเร็ว มีการใช้เงินจำนวนมากถึง 4 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับโครงการนี้ สำหรับฉัน พระพุทธเจ้าเป็นปริศนามาโดยตลอด สาเหตุหลักๆ ก็คือคำสอนที่ซับซ้อนมาก (หรือการแปล) ซึ่งจะไม่สมเหตุสมผลหากคุณไม่รู้จักชีวิตที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า ฉันอยากให้ผู้มาใหม่ที่ต้องการทำความเข้าใจพระพุทธศาสนาดูสารคดีนี้ก่อนจะเรียนรู้เนื้อหาขั้นสูง คุณจะได้ความรู้และความสนใจในระดับที่สูงขึ้น สารคดีนี้ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและนำเสนอมุมมองที่เปิดกว้างเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและชีวิตของพระพุทธเจ้า
การผลิตภาพยนตร์เริ่มขึ้นในปี 2547 โดยเป็นโครงการส่วนตัวของวัลลภา พิมพ์ทอง นักธุรกิจชาวไทย ซึ่งประสบปัญหาทางการเงินและความล่าช้า ในตอนแรก วัลลภาพยายามหาการสนับสนุนและความเชี่ยวชาญจากหน่วยงานของรัฐบาลไทย แต่ไม่ได้รับเงินทุน และวัลลภาก็เข้าไปพัวพันกับคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับการผลิตภาพยนตร์ วัลลภายังคงหาทุนสร้างภาพยนตร์ด้วยตัวเอง และในตอนแรกประเมินต้นทุนการสร้างภาพยนตร์ไว้ที่ 50 ล้านบาท แต่ต้นทุนกลับเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เธอจึงขายรถยนต์ ที่ดิน และทรัพย์สินส่วนตัวเพื่อสร้างภาพยนตร์
วัลลภาเล่าว่า นักธุรกิจรายหนึ่งเสนอซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ในราคา 200 ล้านบาท แต่เธอปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว“เป้าหมายสูงสุดของฉัน หลังจากฉายภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์แล้ว คือการแจกสำเนาฟรีให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ หากฉันขายโครงการนี้ให้กับบริษัท นั่นคงเป็นไปไม่ได้” เธอกล่าวในการสัมภาษณ์
นักวิจารณ์ภาพยนตร์ ของหนังสือพิมพ์ Bangkok Postคง ฤทธิ์ดี กล่าวว่า The Buddhaเป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาดี แต่ขาดความลึกซึ้ง และน่าจะดึงดูดเด็กๆ เป็นหลัก “นั่นหมายความว่า The Buddhaสะท้อนถึงบรรยากาศการบูชาสถาบันของชาติ และความเฉยเมย หรือแม้กระทั่งความไม่รู้ ต่อวิธีที่สังคมสมัยใหม่บิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้าจนไม่บริสุทธิ์เท่ากับความหมายดั้งเดิม” นัก วิชาการ ด้านภาษาบาลีได้เขียนวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องนี้ในเว็บไซต์ Prachataiโดยวิพากษ์วิจารณ์และคร่ำครวญถึงความไม่เที่ยงตรงทางประวัติศาสตร์หรือแม้แต่ความสอดคล้องของเนื้อเรื่องในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว