ดูหนัง The Killer (2024) เมื่อนักฆ่ารับจ้างที่น่าเกรงขามปฏิเสธที่จะฆ่าหญิงสาวตาบอดตามคำสั่งของผู้ดูแลการจ้างวาน เธอพบว่าตัวเองถูกไล่ล่าโดยเพื่อนร่วมงานเก่าและนักสืบที่มุ่งมั่น Zee เป็นนักฆ่ามืออาชีพที่อาศัยอยู่ในปารีส เธอทำงานให้กับ Finn ชาวไอริชที่ทำงานให้กับ Jules Gobert เจ้าพ่ออาชญากรรมเป็นประจำ เพื่อกำจัดคู่แข่งของ Gobert ในธุรกิจยาเสพติด วิถีชีวิตที่รุนแรงของเธอทำให้เธอมีสิ่งที่น่าเพลิดเพลินเพียงเล็กน้อย รวมถึงมิตรภาพกับช่างตัดเสื้อชั้นสูงวัยชื่อ Tessier ซึ่งปลอมตัวให้เธอทำงาน การเลี้ยงปลาทอง และการไขปริศนาอักษรไขว้ ในโลกใต้ดิน เธอได้กลายเป็นที่เลื่องลือในฐานะราชินีแห่งความตาย Finn ว่าจ้างให้ Zee ฆ่าสมาชิกแก๊งค้ายาจากมาร์กเซยที่กำลังปาร์ตี้ในไนต์คลับแห่งหนึ่ง Zee กำจัดพวกอันธพาลได้ แต่ Jenn Clark นักร้องสาวชาวอเมริกันที่เข้าไปพัวพันกับการสังหารหมู่ ตกลงมากระแทกท้ายทอยจนเธอตาบอด แม้ว่าจะต้องฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นั่น Zee ก็สงสาร Jenn และไว้ชีวิตเธอ เมื่อรู้เช่นนี้ Finn จึงส่งเธอไปที่โรงพยาบาลที่ Jenn พักอยู่เพื่อทำภารกิจให้เสร็จ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจชื่อเซย์และแจ็กซ์ พาร์ทเนอร์ของเขาพยายามจับกุม “โคโค่” แฟนหนุ่มค้ายาของเจนน์ แต่โคโค่กลับหลบหนีออกมาได้ ทำร้ายแจ็กซ์และจับตัวประกัน ทำให้เซย์ต้องฆ่าเขา เมื่อเขาเสียชีวิต โคโค่กำลังฟังเพลงเดโม่ของเจนน์อยู่ ทำให้เซย์ตามล่าเธอ
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Nathalie Emmanuel นาตาลี แอมานุแอล
Omar Sy
Sam Worthington
Diana Silvers
ผู้กำกับ : John Woo
รีวิว The Killer (2024)
entertainment
สำหรับคนที่โตมากับหนังจีน (ฮ่องกง) อย่างผู้เขียนหรือคนในวัยเดียวกับผู้เขียนขึ้นไปเชื่อเถอะว่าส่วนมากมีหนัง John Woo อยู่ในดวงใจอย่างน้อยหนึ่งเรื่องซึ่งผู้เขียนมีมากกว่าหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในความคลาสสิคจากฝีมือ John Woo ในใจผู้เขียนย่อมต้องมี The Killer (1989) หรือชื่อไทยว่าโหดตัดโหดอยู่ในนั้น แน่นอนเมื่อของมันขึ้นหิ้งคลาสสิคย่อมต้องมีความพยายามเอามาเล่าใหม่ซึ่ง John Woo เคยลองมาแล้วใน Manhunt (2017) ที่ปรับโครงเรื่องเล็กน้อยและแน่นอนว่ายังก้าวไปไม่ถึงระดับที่ของเดิมเป็น จนมาล่าสุดเจ้าของความคลาสสิคก็เอาความคลาสสิคมีรีเมคอีกครั้งที่คราวนี้พยายามคงโครงเรื่องไว้ให้มากที่สุดแต่เปลี่ยนบริบทและรายละเอียดบ้างเพื่อความร่วมสมัยโดยใช้ชื่อเดียวกัน โดยได้ Nathalie Emmanuel (Ramsey จากหนังตระกูล Fast) มารับบทของโจวเหวินฟะส่วน Omar Sy (จอมโจรลูแปง) มารับบทของหลี่ซิ่วเสียนและ Diana Silvers มารับบทของเยี่ยเชี่ยนเหวิน ส่วนผลจะเป็นอย่างไรนั้นไปว่ากันตามนี้
Zee (Nathalie Emmanuel) นักฆ่าสาวเจ้าตำนานเจ้าของฉายาราชินีแห่งความตายได้รับมอบหมายให้ไปสังหารชายห้าคนในคลับจากคนกลางคือ Finn (Sam Worthington) ซึ่งเธอก็จัดการทุกอย่างด้วยดี ทว่าหนึ่งคนที่อยู่ในคลับนั้นเป็นนักร้องสาวชื่อว่า Jenn (Diana Silvers) ที่โดนลูกหลงจนตาทั้งสองข้างมองไม่เห็น แน่นอน Finn ต้องการให้ Zee ไปเก็บงานเพราะจะมีพยานไม่ได้แล้ว Zee ที่โรงพยาบาลเธอก็ได้พบกับเจ้าหน้าที่ Sey (Omar Sy) ตำรวจตงฉินพันธุ์ระห่ำที่กำลังตามสืบคดีค้ายาเสพติดที่มีการปล้นเฮโรอีนมูลค่ามหาศาลของเจ้าพ่อแห่งปารีส Gobert (Eric Cantona) แต่แล้วเมื่อ Zee ไม่ได้เก็บงาน Finn จึงต้องส่งคนอื่นมาทำแทนแต่ Zee ที่มโนธรรมในใจผุดขึ้นมาบอกให้ไปช่วย Jenn และคุ้มครองเธอ ทว่า Jenn กลับไปพัวพันกับการปล้นยาเสพติดครั้งนั้นทำให้ Finn ปล่อยเธอไว้ไม่ได้แต่อุปสรรคที่ขวางเขาไว้คือ Zee แล้ว Zee จะทำอย่างไรเมื่อต้องปกป้อง Jenn และทางเจ้าหน้าที่ Sey ก็สืบคืบหน้าเข้ามาใกล้เธอเต็มที่
คนวิจารณ์หนังไม่เป็น Part 2
ซี นักฆ่าสาวที่หักหลังองค์กรนักฆ่าของเธอเพื่อปกป้องเด็กสาวตาบอดคนหนึ่งที่กำลังถูกคนในองค์กรตามล่า โดย เซย์ นายตำรวจผู้รับผิดชอบในคดีดังกล่าวที่ออกตามล่า ซี ก่อนที่ทั้งคู่จะต้องจำใจร่วมมือกันต่อสู้ปะทะกับเหล่ามือสังหารที่ถูกส่งมาฆ่าเด็กสาวตาบอดคนนั้น!
หนังแอคชั่นเรื่องใหม่จากฮอลลีวูดที่เป็นการรีเมคจาก “โหดตัดโหด (1989)” หนังแอคชั่นจากฮ่องกงในตำนานของจอห์น วู โดยฉบับใหม่นี้ก็จอห์น วูนี่แหละที่รับหน้าที่กำกับเหมือนเดิม โดยหยิบแค่โครงเรื่องเดิมของนักฆ่ากับตำรวจมาใช้แล้วปรับเปลี่ยนเซ็ตติ้งและเส้นเรื่องใหม่หมดเลย (ใหม่แม้กระทั่งตอนจบหนังด้วย)
หลังจากทำใจได้ระยะหนึ่งแล้วว่าจอห์นวูอาจจะไม่กลับมาพีคเท่ายุคโหดตัดโหด, ทะลักจุดแตก, โหดเลวดี หรือแม้แต่ยุคฮอลลีวูดอย่าง face/off, hard target ได้อีกแล้ว หลังความล้มเหลวของเขาใน manhunt, silent night ทว่า the killer ฉบับยกเครื่องใหม่นี้กลับออกมาสนุกอย่างน่าตกใจ หนังดึงเสน่ห์ความเป็นหนังจอห์นวูที่เขาขาดหายไปนานแสนนาน กลับมาโลดแล่นอยู่ในหนังเรื่องนี้อีกครั้ง
ฉบับใหม่นี้ยังคงเล่าเรื่องราวของมิตรภาพที่เกิดขึ้นจากดงกระสุนระหว่างตำรวจกับนักฆ่าที่ต่างฝ่ายต่างต้องทำหน้าที่ของตน แม้ลึกๆแล้ว พวกเขากลับมีเคมีบางอย่างที่ควรเป็น “เพื่อน” กันได้ ซึ่งต้นฉบับเขาเล่าออกมาได้ดราม่ากินใจมากๆ ความสัมพันธ์ลูกผู้ชายที่ผู้ชายด้วยกันเองเข้าใจได้ดีที่สุด มิตรภาพที่เกิดขึ้นช้าไปจนนำมาสู่โศษนาฎกรรมที่เส้นแบ่งระหว่างหน้าที่และการงานเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่ฉบับใหม่นี้ หนังกลับสร้างความแตกต่างให้มันมีความเป็นโทนเบาสมองขึ้น มีความเป็น buddy-cop คู่หูไปเลย ซึ่งมันเวิร์ค! พอมันเลือกที่จะไม่ย่ำกับที่ แล้วหาทิศทางใหม่ๆมาเป็นแบบนี้แล้วซื้อเลย กลายเป็นว่าเราสนุกกับเคมีระหว่าง Nathalie Emmanuel กับ Omar Sy ที่ถ่ายทอดความโบรแมนซ์แบบกวนๆ แต่ลึกๆก็มีแอบห่วงใย ปกป้องซึ่งกันและกัน ตำรวจที่ยอมปล่อยนักฆ่าให้หนีได้หลายครั้ง ตำรวจที่เอาแซนวิสมานั่งกินกับนักฆ่าระหว่างสืบสวน แต่พูดคุยราวกับเพื่อนที่เพิ่งคบกันได้ไม่นาน ด้วยสายตาและท่าทางที่ดูยังไงๆก็แอบรักกันแหละ (ในเชิงของเพื่อน)
โดยเฉพาะ Nathalie ที่สวมบทนักฆ่าในแบบของตนเองได้ดีโดยไม่จำเป็นต้องกระทำความเป็น “โจวเหวินฟะ” เลย จากปกติเราเฉยๆกับนักแสดงคนนี้มาตลอดทั้งใน Game of Thrones หรือหนังชุด Fast แต่เรื่องนี้เธอเฉิดฉายมากๆทั้งแอคชั่นสตาร์จับปืนยิงแหลก ความเซ็กซี่สวยงามกับลวดลายลีลาการเตะต่อยสุดพริ้วไหว หรือจะพาร์ทความเป็นตัวละครนักฆ่าในโหมดการใช้ชีวิตก็เป็นสาวเท่คูลๆที่ชอบแหย่เล่นหน้าเล่นตากับนายตำรวจตัวเอกของเรื่อง ราวกับกำลังดูหนังแอคชั่นพลังหญิงฮ่องกงเท่ๆยุค 90’s เลย
ส่วนถามว่าฉากแอคชั่นเป็นไง? โอ้โห สะใจมากๆ ใครคิดถึงจอห์นวูคนที่ให้ตัวละครจับปืนกระบอกคู่ยิงคนร้ายรัวๆแล้วละก็ เรื่องนี้เขากลับมาทำแบบนี้แล้วครับ! สโลว์โมชั่นเท่ๆ นกพิราบบินว่อน สาดกระสุนไม่นับแม็กกาซีน กระโดดลอยตัวยิงคน ระเบิดระเบ้อ เลือดสาดตัวพรุนไปมา ทั้งฉากเปิด ฉากในโรงพยาบาล หรือโดยเฉพาะองก์สามกับซีนสู้บนสุสานที่เดือดดาลมากๆ มันส์ระห่ำฉิบหายมากจริงๆ
แล้วที่สำคัญคือหนังมันก็ยกระดับตัวเองจากการเป็นงานสตรีมมิ่ง (peacock) ให้ดูเป็นความเป็น cinematic มากพอสมควร หนังมีกลิ่นอายความเป็นหนังฟิวชั่นระหว่างความ heroic bloodshed แบบฮ่องกงยุค 80’s ผสมเข้าความเป็นหนังฝรั่งเศสทั้งยุค eurocrop ไม่ก็หนังลุคเบซงช่วงพีคๆ คลอด้วยเพลงประกอบฝรั่งเศสเพราะๆ แถมมีการเคลื่อนกล้อง/การตัดต่อที่สมูธลื่นไหลราวกับกำลังดูหนัง brain de palma เลย โคตรปราณีตวิจิตร stylish มากๆ
แม้ความสนุกของเรื่องนี้จะเป็นในระดับพวก mission: impossible 2, broken arrow ซะมากกว่า อาจจะไม่ได้ไต่แรงค์สูงๆมาก และโหดตัดโหดต้นฉบับมันก็มาสเตอร์พีซไปทุกส่วนแล้ว แต่ the killer ฉบับใหม่ก็ถือว่าเป็นงานหนังจอห์นวูยุคหลังๆที่เราไม่ได้สนุกขนาดนี้มานานมากแล้ว เป็นการปรับเปลี่ยนทิศทางใหม่ที่กล้าหาญแต่ดี สนุก กลมกล่อม บันเทิง ครบรสสุดๆ และดีที่สุดของจอห์นวูในรอบ 10-20 ปีมานี้เลย