ดูหนัง The Hater (2020) เดอะ เฮทเตอร์
หนุ่มใจคดประสบความสำเร็จในโลกดำมืดของการใส่ร้ายป้ายสีผ่านสื่อโซเชี่ยล แต่ตัวตนเสมือนที่เต็มไปด้วยพิษสงกลับส่งผลร้ายมายังชีวิตจริงอย่างรวดเร็ว โปแลนด์ปี 2020 กำกับโดย Jan Komasaและเขียนบทโดย Mateusz Pacewiczเนื้อเรื่องเกี่ยวกับนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ถูกไล่ออกจากวอร์ซอซึ่งพยายามควบคุมอินเทอร์เน็ต ทำให้เกิดความเกลียดชังและความรุนแรงอย่างแพร่หลาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายรอบปฐมทัศน์เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2020 ในโปแลนด์และได้รับรางวัลภาพยนตร์สารคดีนานาชาติยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์ Tribeca
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง
Maciej Musialowski
Vanessa Aleksander
Danuta Stenka
ผู้กำกับ : Jan Komasa
รีวิวหนัง The Hater (2020) เดอะ เฮทเตอร์
Kanin The Movie
สนุกสุดขีดมาก ๆ ในเลเวลท็อปลิสต์ 2020 แน่ ๆ จริงอยากให้หยุดตั้งแต่ตรงนี้เพื่อไปดูก่อน และค่อยกลับมาอ่าน เพราะคิดว่าถ้ารู้เยอะจะไม่สุดตีนเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไร ในบทความจะพยายามเล่าตัวเรื่องน้อย ๆ และไปเน้น ๆ ในเรื่องคุณค่าของหนังแทน – The Hater เป็นหนังสัญชาติโปแลนด์เล่าเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเพราะคัดลอกงาน (ประเด็นคือเรียนคณะนิติศาสตร์ 555) ชีวิตเขาไม่ได้ดีนัก ถูกเลี้ยงดูและส่งเสียโดยป้ากับลุงที่เขาพยายามโกหกอยู่เสมอว่าความเป็นอยู่ดี แต่เรื่องของเรื่องคือ ท่ามกลางความรู้สึกที่ถูกเกลียดชัง ถูกทำให้เป็นตัวตลก หน้าไหว้หลังหลอก เขาได้รับข้อเสนอให้ทำงานในบริษัทพีอาร์แห่งหนึ่ง ที่เป้าหมายสำคัญไม่ใช่การประชาสัมพันธ์บุคคล แต่เป็นการทำลายตัวตนใครสักคนตามที่ลูกค้าจ้างมา
จริง ๆ แล้วบริษัทพีอาร์ดังกล่าวก็คือหน่วยปฏิบัติการ IO หรือ Information Operation นั่นเอง โดยหนังจะพาเราเข้าไปสู่แวดล้อมการทำงานว่าพวกนี้มีระบบ และกระบวนการอย่างไรในการทำลายชื่อเสียงของคนที่ได้รับว่าจ้างมา ตั้งแต่การหาช่องโหว่บุคคลเหล่านั้นผ่านคอนเทนต์ ข่าว หรืออะไรก็ตามที่เป็นสาธารณะ, การสร้างข่าวปลอม (Fake News) เพจปลอม คอนเทนต์ปลอม ขึ้นมาชักนำผู้คนผ่านทาง Social Media ต่าง ๆ หรือกระทั่งการดักฟัง บันทึกเสียงเป้าหมายเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเผด็จศึก – ฟังดูอาจจะไม่ว้าว แต่ระหว่างดูเราจะพบว่าเห็นถึงความจริงที่เข้มข้นของมันมาก ๆ นี่คืออุตสาหกรรมความเกลียดชังที่อาจจะฟังดูบ้าบอแต่ไม่ได้ไกลตัวเราเลย โดยเฉพาะในโลกทุกวันนี้ที่เราสามารถเข้าถึงความเกลียดชังกันได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะในสื่อใด ๆ ก็ตาม หนังเรื่องนี้เป็นการตั้งคำถามกับผู้ชมว่าการสาดใส่ความเกลียดที่เรากำลังกระทำอยู่ มันเกิดขึ้นเพราะความรู้สึก หรือการรับรู้ของเราจริง ๆ หรือเป็นเพราะเราเองคือเบี้ยตัวหนึ่งในอุตสาหกรรมนี้โดยไม่รู้ตัว
ซึ่งพอดูมันจะมีความตลกร้ายแสบ ๆ เหี้ย ๆ อยู่ตลอดทั้งเรื่อง พวกดีเทลแต่ละส่วนที่พระเอกทำ มันทำให้เราเห็นว่า เออ มนุษย์ทุกวันนี้ถูกควบคุมได้ง่ายมาก ๆ ผ่านเพจที่เราก็ไม่รู้ว่ามันจริงเท็จมากแค่ไหน เพียงแต่เพราะเขาทำให้เรารู้สึกว่าเราคิดแบบเดียวกับเขา เขาสนับสนุนความคิดเรา แล้วหลังจากนั้นเราก็ถูกชักจูง พาเข้าสู่สถานการณ์ที่รุนแรงมากขึ้น เสียสติมากขึ้น พอหนังมันไล่ ๆ ระดับสเกลเราก็จะยิ่งรู้สึกว่า เห้ย แม่งบ้าไปแล้ว แต่ถามว่ามันทำให้รู้สึกจริงไหม ก็จริงมาก ๆ เลย โดยเฉพาะไอ้การเปิดเพจที่เป็นการบ่มเพาะความเคียดแค้นเกลียดชังทางการเมืองนี่มันชัดเจนมาก ๆ คอนเทนต์ทุกอย่างเป็น Hate Speech เป็นความเกลียดชังที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
ประเด็นหลักในหนังคือการต่อสู้กันทางการเมืองผ่านปฏิบัติการ IO แต่ดู ๆ ไปก็รู้สึกว่ามันโจ๊กมาก ๆ ตรงที่ทุกอย่างเป็นความตื้นเขิน ตัวละครไม่ได้เข้าใจในการเมืองจริง ๆ พวกเขาแค่ใช้งานมันในการสร้างอำนาจทางการต่อสู้ ทำลายล้างเป้าหมายเฉย ๆ มันเลยจะมีความกลวงเปล่าอยู่ตลอดเรื่อง นี่ไม่ใช่หนังการเมือง แต่เป็นหนังที่พูดถึงคนที่หยิบยืมใช้การเมืองเป็นเครื่องมือในการสร้างผลประโยชน์ก็เท่านั้น มันเลยออกมาแสบมาก ๆ เพราะสิ่งที่หนังกำลังสื่อสารไม่ใช่แค่กับกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังอุตสาหกรรมนี้ แต่ยังรวมไปถึงเราที่เป็น User คอยแจกจ่ายแผ่ขยายความเกลียดดังกล่าวให้กว้างขวางออกไปมากกว่าเดิม
ประเด็นตัวละครเอกก็ดี ผูกเข้ากับเรื่องธุรกิจได้อย่างลงตัว มันพูดถึงความเกลียดชัง ความเคียดแค้น แต่ลึก ๆ กลับแสวงหาความรัก การยอมรับ การมีคุณค่า ชอบบทสรุปของหนังมาก ๆ อยู่ในระดับที่เดือดสุดยอด เอาจริง ๆ คิดว่าถ้ามีหนังฮอลลีวู้ดแบบนี้มันจะ Controversy ไหมนะ แต่พอเป็นหนังยุโรปมันโดดเด่นในความเยือกเย็น ซึ่งเราชอบมากกว่าพอสมควร ความนิ่ง ความช้า แต่รุนแรงภายใน สำหรับเรามันทำงานกับความเครียดได้มากกว่า
เป็นหนึ่งในโปรแกรม Netflix ประจำปีนี้ (ที่ไม่รู้ว่าขึ้นแนะนำในหน้าจอใครบ้าง 555) อยากให้เพื่อน ๆ ไปดูกัน หนังเข้ากับบริบทยุคโซเชียลมีเดียอย่างที่สุด สามารถเล่าชีวิตและโลกทุกวันนี้ได้อย่างเจ็บแสบ โดยที่มีความทะเยอทะยานในการพาตัวเองไปสู่จุดหมายที่ใหญ่โตมโหฬารในเลเวลที่ไม่คาดคิด โดยที่คนทำก็สามารถประคับประคองเรื่องเล่าตัวเองออกมาได้ ผ่านเส้นเรื่องขอชายหนุ่มที่ยังเป็นแกนกลางสำคัญ – หนังสนุกมาก ๆ แต่จริง ๆ อยากเห็นเหมือนกันว่าหน่วย IO ไทยเขาทำงานกันยังไง วิธีเก็บข้อมูล เสนอไอเดีย ปฏิบัติการต่าง ๆ มันใช้อะไรบ้าง แต่คิดว่าคงไม่ได้เท่แบบในหนังแน่นอน พระเอกหลัง ๆ นี่จะกลายเป็นเอ็ดเวิร์ด Twilight อยู่แล้ว 555