ดูหนัง The Gorge (2025)
เจ้าหน้าที่สายลับฝีมือเยี่ยมสองคน สนิทกันจากระยะห่างเมื่อถูกส่งตัวไปเฝ้าหอประจำการณ์สองฟากฝั่งของโกรกธารปริศนา เมื่อเจอเรื่องเลวร้ายจากเบื้องลึกทั้งสองจำต้องร่วมมือกันจึงจะรอดจากสิ่งที่อยู่ในนั้นได้ มือปืนชั้นยอดสองคนได้รับภารกิจเหมือนกัน นั่นคือเดินทางไปยังสถานที่ที่ไม่เปิดเผยและเฝ้ายามฝั่งตะวันตกและตะวันออกของหุบเขาลึกเป็นเวลาหนึ่งปีโดยห้ามติดต่อกับโลกภายนอกหรือคู่หูของพวกเขาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เลวี เคน อดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯและปัจจุบันเป็นผู้รับเหมาเอกชนยอมรับข้อเสนอในการเฝ้ายามหอคอยฝั่งตะวันตก ดรัสซา เจ้าหน้าที่ลับ ชาวลิทัวเนีย ที่มักถูก เครมลินจ้างงานตกลงที่จะเฝ้ายามฝั่งตะวันออก
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Miles Teller ไมลส์ เทลเลอร์

Anya Taylor-Joy

Sigourney Weaver

ผู้กำกับ : สก็อตต์ เดอริกสัน
รีวิว The Gorge (2025)
entertainment
ในช่วงฤดูกาลที่ความรักอบอวลอยู่เช่นนี้ ถ้าจะมีหนังสักเรื่องที่ขมวดทุกหมวดประเภทหนังที่ดูจะไปด้วยกันไม่ได้เข้าเอาไว้ในเรื่องเดียว ก็น่าจะเป็นหนังที่ชื่อว่า เรื่องนี้ เพราะนี่คือหนังที่มีความหลากหลายใน Genre เป็นอย่างมาก เพราะมันถูกระบุว่าเป็นหนังโรแมนติกดรามาผสมผสานการต่อสู้เอาชีวิตรอดที่ต้องผจญไปกับสถานการณ์อันคาดเดาไม่ได้ ด้วยกลิ่นอายความไซไฟสยองขวัญสอดแทรกเข้าร่วมด้วย เรียกได้ว่าเก็บได้ทุกเม็ดในหนังเรื่องเดียวจริง ๆ
ลีวาย กับ ดราซา เจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี พวกเขาได้รับมอบหมายภารกิจเฝ้าหอคอยอยู่คนละฟากฝังหุบเขาที่กว้างใหญ่และลึกลับ เพื่อปกป้องโลกจากภัยบางอย่างที่แอบซ่อนอยู่โดยที่พวกเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าคืออะไร ทั้งสองผูกพันกันและกันจากระยะไกลทั้งที่เป็นสิ่งต้องห้าม แต่เมื่อภัยคุกคามต่อมนุษยชาติได้เผยตัวตนออกมา ทั้งคู่ต้องร่วมมือกันทดสอบความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายและจิตใจ เพื่อทำการปกปิดความลับของหุบเขาแห่งนี้ก่อนที่จะสายเกินแก้
Apple TV+ ที่ค่อนข้างเจ็บตัวไปพอสมควรกับความพยายามสร้างคอนเทนท์ที่แตกต่างเสิร์ฟเข้าฉายโรงหนังและสตรีมมิง ไอเดียและความทะเยอทะยานของพวกเขาถือว่าใช้ได้ แต่ทว่าบางครั้งมันอาจจะยังไม่ตอบโจทย์เพียงพอในแง่จะเป็นหนังเชิงพาณิชย์ที่เจาะกลุ่มคนดูวงกว้าง เช่นเดียวกับใน ที่ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี ที่ไม่ดันทุรังส่งไปฉายโรงหนัง เพราะอาจจะต้องเจ็บตัวซ้ำแล้วซ้ำเหล่าอีกเป็นแน่
นี่คือผลงานใหม่ของผู้กำกับ “สก็อต เดอร์ริคสัน” (จาก Doctor Strange และ The Black Phone) ที่แค่เห็นชื่อเขาเราก็พอจะรู้สึกอุ่นใจได้เบา ๆ เพราะเขาว่าคือนักสร้างหนังที่เต็มไปด้วยลีลาน่าสนใจ ซ้ำยังถือว่ามีความแพรวพราวในงานสร้างหนังสยองขวัญมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สเกลงานหนังเรื่องนี้ถือว่าเหมาะเจาะกับเขากำลังพอดี และเขาก็รับมือได้ดีเช่นเดียวกัน ด้วยการหยิบเอาลีลางานถนัดเกี่ยวกับการสร้างบรรยากาศชวนลึกลับน่าค้นหา แฝงไปด้วยความวังเวงชวนสยอง
โดยในครั้งนี้ได้มาผนวกเข้ากับความเป็นแอคชันโรแมนซ์เสริมเข้าไป ถึงแม้ว่าบรรยากาศที่สร้างออกมาจากจะค่อนข้างกำลังพอดี แต่รู้สึกว่าตัวหนังค่อนข้างมืดหม่นและแสงน้อยเกินไปสักหน่อย ทำให้ฉากบางฉากแทบจะมองจับใจความไม่ทัน ถึงขั้นต้องขอปรับแสงหน้าจอให้สว่างขึ้นกันเลยทีเดียว แต่ก็นับว่าเป็นการสร้างโทนของหนังที่ค่อนข้างมีเสน่ห์ และเป็นลูกเล่นที่มีประสิทธิภาพต่อผู้ชมได้เป็นอย่างดี นับว่างานสร้างของเขาค่อนข้างผ่านฉลุยไปได้