ดูหนัง The Forever Purge (2021) คืนอำมหิต อำมหิตไม่หยุดฆ่า
สองครอบครัวต้องสู้กับกลุ่มนักฆ่าบ้าเลือดที่หมายจะยึดอำนาจครองประเทศ หลังจากคืนล้างบาปประจำปีลุกลามกลายเป็นสงครามล้างบาง ในปี 2048 แปดปีหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีของชาร์ลีน โรอัน ผู้ก่อตั้งประเทศอเมริกายุคใหม่ (NFFA) ได้รับการเลือกตั้งอีกครั้งและได้สถาปนาการกวาดล้างประจำปีพร้อมกฎเกณฑ์เดิมอีกครั้ง การแบ่งแยกเชื้อชาติและลัทธิชาตินิยมได้เพิ่มขึ้นทั่วประเทศหลังจากการเลือกตั้งซ้ำ และหลายคนนอกพรรครัฐบาลกังวลว่าการกวาดล้างที่กำลังจะเกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศมากกว่าที่ NFFA ตระหนัก คู่รักชาวเม็กซิกัน ฮวนและอาเดลา ข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมายไปยังเท็กซัสเพื่อสร้างชีวิตใหม่ใกล้กับออสติน โดยฮวนทำงานเป็นคนงานในฟาร์มของครอบครัวทักเกอร์ ในขณะที่อาเดลาทำงานในเมือง สิบเดือนต่อมา ในวันก่อนการกวาดล้างในปี 2049 ฮวนและอาเดลาเข้าร่วมกับชุมชนผู้อพยพหลังเขตรักษาพันธุ์ที่มีกำแพงล้อมรอบ โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยติดอาวุธคอยปกป้องพวกเขา เมื่อการกวาดล้างเริ่มต้นขึ้น อาเดลาได้เห็นกลุ่ม Purger ชาตินิยม ซึ่งประกาศตนว่าเป็นกองกำลังชำระล้างการกวาดล้าง (PPF) ที่ตั้งใจจะสังหารผู้คนที่พวกเขาคิดว่าไม่ใช่ชาวอเมริกัน ชุมชนผู้อพยพรอดพ้นจากเหตุการณ์กวาดล้างโดยไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น เมื่อถึงเช้า ฮวนและอาเดลาก็กลับไปทำงาน แต่ทั้งคู่สังเกตเห็นว่าเพื่อนร่วมงานหลายคนไม่ได้รายงานตัวมาทำงาน อาเดลาถูกกลุ่มผู้กวาดล้างตลอดกาลสองคนโจมตี แต่เธอได้รับการช่วยเหลือจากดาริอัส เจ้านายของเธอ ก่อนที่ตำรวจจะจับกุมทั้งคู่ในข้อหาฆ่าผู้ทำร้ายพวกเขา
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Ana de la Reguera อนา เด ลา เรกูเอรา
Tenoch Huerta
Cassidy Freeman
ผู้กำกับ : Everardo Valerio Gout
รีวิว The Forever Purge (2021) คืนอำมหิต อำมหิตไม่หยุดฆ่า
entertainment
หนังอีกหนึ่งเรื่อง…ที่เราคิดว่าเดินทางมาไกล…ไกลกว่าที่คิดเอาไว้มากแล้วตอนนี้ และการเดินทางของหนังเรื่องนี้ก็ยังแผ่ขยายและใส่ไอเดียไปได้อีกอย่างไร้ที่สิ้นสุด และในปีนี้กลับมาอีกครั้งเป็นภาคที่ 4 กับ (คืนอำมหิต: อำมหิตไม่หยุดฆ่า) ที่เป็นการยกระดับความเข้มข้นในทุกๆ ด้าน จากพิธีไถ่บาปเพียงแค่คืนเดียว กลายเป็นฝันร้ายของอเมริกันชนที่อาจจะไม่มีวันสิ้นสุดลง เพราะสังคมที่เสื่อมทรามลงเรื่อยๆ
The Forever Purge เล่าเรื่องราวภายหลังจากที่ทุกกฎบัญญัติได้ถูกทำลายลง กลุ่มโจรฉกรรจ์เดนดินไม่ได้คำนึงถึงข้อกฎหมายใดๆ อีกต่อไป ได้ลงมติและตัดสินใจกันไปเลยว่าจะดำเนินการกวาดล้วงในพิธีไถ่บาป ที่จะไม่ใช่แค่เกิดขึ้นเพียงคืนเดียวก่อนจะรุ่งสาง แต่มันสมควรจะเป็นการไถ่บาปแบบไม่มีวันวันสุด ทุกที่ และทุกเวลา นี่คือจุดเริ่มต้นของหายนะที่สั่นสะท้านไปทั่วแผ่นดินอเมริกา
หนึ่งสิ่งที่ต้องทำใจยอมรับในองค์ประกอบของหนังตระกูล The Purge นั้นก็คงจะเป็นเรื่องความแปลกใหม่ของเนื้อหา ที่แทบจะไม่พบอะไรที่รู้สึกตื่นตาตื่นใจอีกแล้ว เพราะส่วนประกอบต่างๆ ในหนังก็ยังให้ความรู้สึกและอรรถรสเดิมๆ ที่คุ้นกันมาแล้วใน 3 ภาคที่ผ่านมา นี่จึงกลายเป็นหนังที่ยิ่งสร้างก็ยิ่งแผ่วลง แม้ว่าคอนเซ็ปต์โดยรวมของหนังก็มอบความบันเทิงให้กับผู้ชมเป็นหลักดีอยู่แล้ว แต่มันกลับเหมือนดูอะไรซ้ำๆ เดิมๆ วนไปไม่เคลื่อนที่ไปไหน
โดยเฉพาะใน ที่เอาจริงๆ เหมือนจะมีประเด็นที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร เมื่อพิธีไถ่บาปกำลังจะเกิดขึ้นแบบไม่มีที่สิ้นสุด แต่ท้ายที่สุดหนังก็เลือกใช้วิธีเล่าเรื่องแบบง่ายๆ กลายเป็นเนื้อหาไปกองกระจุกอยู่ตรงกลางเพียงหยิบมือ แล้วใช้ตัวละครต่างๆ นำเรื่องเดินไปโดยที่ไม่มีรายละเอียด หรือสร้างมิติใดๆ ออกมาเป็นพิเศษยกระดับและคุณค่าของตัวหนังเลย
ก็นับว่าจริงที่นับภาคนี้ได้เล่นกับความรู้สึกที่อาจจะเสียดสีประเด็นการเมืองอยู่เบาๆ โดยเฉพาะปัญหาสังคมแห่งความเกลียดชังที่เกิดขึ้นจริงกับสังคมอเมริกันในปัจจุบัน ปัญหาแรงงานข้ามชาติที่ลักลอบเข้าประเทศ กลายเป็นประเด็นการเหยียดเชื้อชาติและสีผิวที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หนังได้หยิบประเด็นนี้มาชูเรื่องเป็นหลัก แต่ด้วยความที่มือไม่ถึง…สุดท้ายก็ได้แค่ลูบๆ คลำๆ ประเด็นนี้เอาตัวรอดไปง่ายๆ แบบไร้กึ๋นและไร้รสชาติ