ดูหนัง The Call of the Wild (2020) เสียงเพรียกจากพงไพร
เรื่องราวของ บั๊ค สุนัขใจดีที่ชีวิตในเมืองอันสงบสุขของเขาพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อเขาต้องย้ายถิ่นฐานจากบ้านในแคลิฟอร์เนียอย่างกระทันหัน ไปสู่พื้นที่ป่าอันแสนวิจิตรในยูคอน แคนาดา ในช่วงตื่นทองของปี ค.ศ. 1890 ด้วยความเป็นสมาชิกใหม่ของทีมสุนัขลากเลื่อนส่งจดหมาย จนกลายมาเป็นจ่าฝูง บั๊ค ได้พบกับสุดยอดการผจญภัยสุดยิ่งใหญ่ของชีวิต กับการค้นพบจุดยืนที่แท้จริงในโลกนี้และกลายเป็นนายของตัวเอง ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19บัค สุนัขพันธุ์ผสมระหว่างเซนต์เบอร์นาร์ดและสก็อตช์เชพเพิร์ดตัวใหญ่ที่อ่อนโยน ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับนายจั๊ด มิลเลอร์ ในเมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนียคืนหนึ่ง บัคถูกจับตัวไปและถูกส่งไปที่ยูคอนบนเรือบรรทุกสินค้า ระหว่างการเดินทาง ลูกเรือคนหนึ่งตีเขาด้วยกระบองเพื่อลงโทษ เมื่อมาถึงอลาสก้าจอห์น ธอร์นตัน นักสำรวจชายแดนทำฮาร์โมนิกาของเขาหล่น ซึ่งบัคเก็บคืนให้เขา ไม่นานหลังจากนั้น บัคก็ถูกขายให้กับเพอร์โรลต์และฟรานซัวส์ หุ้นส่วนของเขาเพื่อใช้สุนัขลากเลื่อนเพื่อส่งจดหมายข้ามยูคอน เพอร์โรลต์หวังว่าบัคจะสามารถเดินทางไกลไปยังคลังไปรษณีย์ได้ก่อนเส้นตาย บัคได้ทำความรู้จักกับสุนัขตัวอื่นๆ ได้แก่ ดอลลี่ ไพค์ โจ บิลลี่ ดับ เดฟ และซอลเล็กส์ รวมถึงจ่าฝูง สุนัขฮัสกี้ชื่อสปิตซ์
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Harrison Ford แฮร์ริสัน ฟอร์ด
Omar Sy
Dan Stevens
ผู้กำกับ : คริส แซนเดอร์ส
รีวิว The Call of the Wild (2020) เสียงเพรียกจากพงไพร
beartai
หนังตามติดชะตากรรมอันพลิกผันของ บั๊ก สุนัขพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ด สก็อตคอลลีย์ จากหมาเอาแต่ใจของนายอำเภอที่ถูกลักพาตัวจากบ้านหลังใหญ่แสนสุขสบายกลายเป็นสุนัขลากเลื่อนส่งจดหมาย และสุดท้ายก็ได้ผูกสัมพันธ์กับ จอห์น ธอร์นตัน (แฮริสัน ฟอร์ด) ชายชราที่เคยสูญเสียลูกชายสุดที่รัก และการได้มาเจอบั๊กก็ทำให้เขากล้าลุกขึ้นมาใช้ชีวิตอีกครั้งจนนำไปสู่การผจญภัยเพื่อค้นหาทองคำในตำนาน ทว่ายังมี ฮาล (แดน สตีเฟนส์) นักเดินทางแสวงโชคที่ความโลภทำให้เขากล้าทำทุกอย่างเพื่อกำจัดทุกคนและทุกตัวที่มาขวางทางรวยของเขา
เชื่อว่างานยากในการเอา The Call of The Wild วรรณกรรมทรงคุณค่าระดับหนังสืออ่านนอกเวลาที่อยู่ในใจนักอ่านมานานแสนนานตั้งแต่ปี 1903 คงไม่พ้นการต้องเดาทิศทางลมในการดัดแปลงเรื่องราวให้เอาใจคนดูยุคนี้ ซึ่งทำได้อย่างยากลำบาก เพราะในขณะที่เนื้อหาในหนังสือเฝ้าติดตามการเปลี่ยนแปลงและชะตากรรมอันพลิกผันของบั๊ก เจ้าหมาตัวโตที่มีทั้งความน่าตื่นตาตื่นใจและสัจธรรมชีวิตที่ไม่ได้มีแต่ด้านสว่างมาสื่อสารกับเยาวชนให้เห็นความจริงของชีวิต และแน่นอนว่าการที่มันกลายเป็นหนังมาหลายรอบก็ยิ่งทำให้ความซ้ำและช้ำของเรื่องราวที่หามุมเล่าใหม่ได้ยากเต็มที แต่สำหรับการดัดแปลงล่าสุดหลังดิสนีย์ซื้อฟอกซ์ ถือปฐมฤกษ์เปลี่ยนชื่อเป็น Twentieth Century Studio ตัวหนังเลือกทำเป็น ไลฟ์แอ็กชันที่ผสานคนจริงเข้ากับน้องหมาที่เป็นซีจี และยังดัดแปลงเรื่องราวให้สั้นลงเหลือเป็นหนัง 100 นาทีอี๊ก
ณ ตอนนี้ เรายังคงหาข้อมูลไม่ได้ว่าบทภาพยนตร์ตอนแรกถูกเขียนมาเล่าเรื่องราวในแต่ละพาร์ตของเจ้า บั๊ก ยังไง แต่สำหรับหนังในฉบับที่เสร็จออกมา ปัญหาประการแรกเลยคือมันไม่สามารถแบ่งสัดส่วนการเล่าเรื่องให้พอดีและทำให้เราเข้าใจ เห็นใจหรือเอาใจช่วยเจ้าบั๋กหรือกระทั่งธอร์นตันได้เลย โดยหนังเลือกไปใช้การเล่าเรื่องเรียงลำดับเวลาแบบเดียวกับนิยายแต่ขลิบทุกอย่างให้สั้นลงราวกับดูคลิปยูทูบแล้วกดเลื่อนให้มันจบเร็วขึ้นเพื่อหวังเอาใจคนดูยุคใหม่ที่ไม่อดทนกับการเล่าดรามาให้ยืดยาว
ผลลัพธ์คือนอกจากความต่อเนื่องทางอารมณ์ไม่ได้แล้ว ทิศทางของหนังยังสะเปะสะปะ เพราะมันเริ่มเรื่องราวกับหนังคอเมดีน้องหมาสุดป่วนตอนอยู่กับนายอำเภอ ไปสลับกับดราม่าชีวิตหมาบัดซบอยู่ราว 5 นาทีหลังถูกขโมย และอยู่ ๆ ก็กลายเป็นน้องหมาผจญภัยกลายเป็นหมาลากเลื่อนหลังได้เจอกับคู่รักไปรษณีย์ชาวแคนาดา (ที่ดูมีเรื่องมีราวที่สุดแล้ว)แล้วอยู่ดี ๆ เจ้าบั๊กก็ได้มาขโมยขวดเหล้าธอร์นตันอย่างงง ๆ แล้วโดนฮาลตามล่าเพื่อหวังให้คนน้ำตาแตกกับชะตากรรมสุดท้ายที่หนังเลือกดัดแปลงและตัดจบให้สั้นกว่าฉบับนิยาย
VIDEO