ดูหนัง Still Time (2023) อย่ารอให้เวลาติดปีก
ดันเต้เผลอจูบอลิซและทั้งคู่ก็หมั้นกัน หลังจากงานปาร์ตี้เซอร์ไพรส์ฉลองวันเกิดอายุครบ 40 ปีของเขา เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในอีกหนึ่งปีต่อมาโดยจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เพียงแต่เขาจะพบว่าอลิซตั้งครรภ์… เขารู้สึกว่าเวลาผ่านไปเร็วเกินไปและเขาเริ่มลืมช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดบางช่วงในชีวิตของเขาไป ดันเต้จูบคนแปลกหน้าด้วยความรักและกะทันหันในคืนส่งท้ายปีเก่า โดยเข้าใจผิดว่าเธอคือเฟเด้ คู่เดตของเขา เนื่องจากพวกเขาแต่งตัวเหมือนกัน เฟเด้ตบเขาและจากไป อลิซและดันเต้เริ่มสนใจและย้ายมาอยู่ด้วยกัน เธอเป็นจิตรกรในขณะที่เขาไม่อยู่และยุ่งอยู่กับงาน อลิซและเพื่อนๆ จัดงานวันเกิดอายุครบ 40 ปีของดันเต้ในเดือนตุลาคม 2010 ที่บ้านของพวกเขา ซึ่งเขาไปสายมากเพราะงานและไปเยี่ยม พ่อที่ป่วยเป็น โรคสมองเสื่อม ในงานปาร์ตี้ วาเลริโอ เพื่อนเก่าแก่ของดันเต้ให้ตั๋วเครื่องเล่นรถไฟเหาะที่พวกเขาใฝ่ฝันมาตลอดแก่เขา ดันเต้ไม่มีเวลาเพราะเขาวางแผนที่จะมุ่งเน้นทศวรรษหน้าในการทำงาน เมื่อเขาเป่าเทียนบนเค้กวันเกิด เขาก็อธิษฐานและงานปาร์ตี้ก็จบลงอย่างกะทันหัน
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Edoardo Leo เอโดอาร์โด ลีโอ
Barbara Ronchi
มารีโอ สเกกเลีย
ผู้กำกับ : อเลสซานโดร อาโรนาดีโอ
รีวิว Still Time (2023) อย่ารอให้เวลาติดปีก
playinone
หนังอิตาลีทุนต่ำฟอร์มเล็กจาก Netflix ที่พล็อตคอนซ็ปต์ของเรื่องเรียบง่าย ว่าด้วยเรื่องชายที่บ้างานจนไม่มีเวลาให้ครอบครัว แต่แล้วเขากลับตื่นนอนแล้วข้ามเวลามาปีต่อปีมาเรื่อยๆ แบบหยุดไม่ได้ ซึ่งไอเดียนี้ก็ดูคล้ายๆ พวกแนวหนังไซไฟวนลูปเวลา แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ไซไฟ ดังนั้นจึงไม่มีคำอธิบายที่มาของการสคิปข้ามเวลาของตัวเอกแต่อย่างใด รวมถึงตอนจบก็ไม่ใช่การย้อนเวลาหรือมีปาฏิหาริย์ไปแก้ไขเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาได้ ซึ่งทั้งหมดถูกเล่าเรื่องแบบเรียบง่ายและจบแบบซิมเปิลธรรมด๊าธรรมดามาก
แต่สิ่งที่เรื่องนี้ทำได้ดีและโดดเด่นมากก็คือการตัดฉากร้อยเรียงเล่าเรื่องแบบเรียบง่าย แต่ค่อยๆ มีพัฒนาการฉายภาพสะท้อนปัญหาสังคมปัจุบันเรื่อง Work-Life Balance หัวหน้าครอบครัวที่อ้างว่าทำงานเพื่อครอบครัว แต่จริงๆ เป็นความเห็นแก่ตัวทำเพื่อตัวเอง โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัวว่ามันเป็นความผิดพลาด โดยมีหัวใจของเรื่องว่า “เวลานั้นมันแสนสั้น แปบๆ ชีวิตก็ก้าวกระโดดพาเราไปไหนต่อไหน” ตามชื่อเรื่องเลยคือ อย่ารอให้เวลาติดปีก ซึ่งปัญหานี้เป็นสิ่งที่พบเจอได้มากมายกับชีวิตคู่ในปัจจุบันจนส่งผลทำให้ชีวิตครอบครัวเลวร้ายลงเรื่อยๆ ซึ่งตัวเรื่องนำเสนอมันในแง่ที่ค่อยๆ เลวร้าย แล้วตัวเอกก็ยังเอ๋อไม่รู้สำนึกว่าผิดตรงไหน ก่อนที่เวลาจะสคิปกระโดดไปเรื่อยๆ แล้วค่อยๆ เรียนรู้เข้าใจวิธีแก้ไขในท้ายที่สุด
แม้ประเด็นของเรื่องจะดูหนักๆ แต่ตัวเรื่องจริงกลับตลกเรียกเสียงฮาได้ตลอดเวลาที่มีการสคิปของเวลา เมื่อตัวเอกต้องรับมือกับสิ่งที่เปลี่ยนไปฉับพลัน โดยที่เขาไม่รู้ตัวว่าไปทำเรื่องแบบนั้นไว้ตอนไหน (เพราะโดนสคิปเวลามา 1 ปีตลอดทุกวัน) ซึ่งมุกตลกเหล่านี้ล้วนเป็นธรรมชาติมากด้วย ทำให้เรื่องราวชีวิตสคิปไทม์ของตัวเอกดูทั้งขำขันและน่าเศร้ากับปัญหาชีวิตที่พบเจอไปพร้อมกัน