ดูหนัง Shooter (2007) คนระห่ำปืนเดือด เรื่องราวของ “บ็อบ ลี สแว็กเกอร์” (มาร์ก วอห์ลเบิร์ก) อดีตพลแม่นปืนแห่งนาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่ถูกเรียกตัวเพื่อหยุดยั้งแผนลอบสังหารประธานาธิบดี แต่เขากลับถูกหักหลังและถูกป้ายความผิดว่าเป็นผู้ลอบสังหารเสียเอง
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง
Mark Wahlberg
Michael Peña
Rhona Mitra
Danny Glover
ผู้กำกับ
Antoine Fuqua
รีวิวหนัง Shooter (2007) ดูหนังออนไลน์
เปิดฉากมาก็เริ่มต้นด้วยการยิงกัน เป็นการสร้างการเริ่มต้นเรื่องได้สนุกมันไม่น้อย กับการซุ่มยิงของสไนเปอร์ ที่ถูกทิ้งหลังจากปฏิบัติภารกิจสำเร็จ ทำให้พวกเขาต้องตกเป็นเป้าของศัตรู เป็นฉากการกระหน่ำยิงที่ระทึกใจของฝ่ายศัตรู กับ บ๊อบ ลี สแว็กเกอร์ (สไนเปอร์) และ ดอนนี่ (คนชี้เป้า) ก่อนที่ความเศร้าโศกเสียใจจะตามมา เมื่อ ดอนนี่ ถูกยิง ทำให้ บ๊อบ ลี สแว็กเกอร์ต้องเกษียณตัวองและเก็บตัวอยู่ในป่า
ที่เกริ่นนำมานั้น เป็นการเปิดฉากที่ระทึกใจของหนังเรื่อง Shooter คนระห่ำปืนเดือด ที่ออกฉายในปี 2007 ซึ่งเป็นหนังที่กำกับโดย อองตวน ฟูควา แสดงนำโดย มาร์ค วาห์ลเบิร์ก (บ๊อบ ลี สแว็กเกอร์) , เคท มาร่า, ไมเคิล พีน่า และ แดนนี่ โกลเวอร์
ซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นหนังแอ็คชั่นสุดมัน โดยมีจุดเด่นที่การเล่าเรื่องที่เข้มข้นระทึกใจ ในฉากการไล่ล่า และวางแผนตลบหลัง รวมทั้งยังมีฉากบู๊แอ็คชั่นที่ยิงกันสนั่น เป็นการเล่าถึงความเก่งกาจของ สแว็กเกอร์ สไนเปอร์มือฉกาจ ที่ถูก พันเอกไอแซ็ค จอห์นสัน วางแผนให้กลายเป็นแพะรับบาป ในการสังหารท่านบิชอป ทำให้ สแว็กเกอร์ ต้องถูก FBI ตามล่า แต่ว่าก็ได้รับความช่วยเหลือจาก นิค เมมฟิส เจ้าหน้า FBI ที่ไม่เชื่อว่า สแว็กเกอร์ เป็นคนฆ่าบิชอป ทำให้ฉากการไล่ล่า และวางแผนตลบหลังกันไปมา แบบที่ว่ามันระทึกใจจึงได้เริ่มขึ้น
ซึ่งหนังเรื่องนี้มีจุดเด่นอยู่ที่การเล่าเรื่อง ซึ้งมีเนื้อเรื่องที่เข้มข้น ฉากการวางแผนต่าง ๆ ที่ทำให้หนังมีความน่าติดตาม และฉากบู๊แอ็คชั่นที่มันระทึกใจ การยิงกันและระเบิดกระจุยกระจาย ที่ทำให้หนังมีความสนุกมันมาก ๆ ซึ่งหนังเรื่องนี้มีการเดินเรื่องที่เริ่มต้นด้วยความมันระทึกใจ และตามด้วยการเดินเรื่องที่ราบเรียบ ก่อนจะต่อด้วยเนื้อเรื่องที่มีความสนุก มัน และระทึกใจไปจนจบเรื่อง ซึ่งที่ผมชอบมากก็ฉากการยิงกันที่มันระทึกใจ การระเบิดที่กระจุยกระจาย การวางแผนและการซุ่มยิงที่ทำให้หนังมีความตื่นเต้นน่าติดตาม และโดยเฉพาะตอนจบที่ทำได้เด็ดมาก ๆ เนื่องจากกฎหมายไม่สามารถเอาผิดคนชั่วได้ทำให้ สแว็กเกอร์ ต้องใช้ศาลเตี้ยจัดการ ซึ่งเป็นการจบที่ทำได้เด็ดและประทับใจมาก ๆ
ซึ่งโดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีมากเรื่องหนึ่ง ที่มีความสนุก ความมันระทึกใจ ที่อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ย้อนกลับมาชมกันครับ เพราะถึงแม้หนังจะผ่านมาแล้วหลายปี แต่ก็มีความสนุกที่คงไว้ไม่สร่าง
kodungmovie
บ็อบ ลี สแวกเนอร์ อดีตพลแม่นปืนระดับพระกาฬ ที่สูญเสียเพื่อคู่ใจที่คอยบอกตำแหน่งการยิงไปในภารกิจที่เอธิโอเปีย จนนทำให้เขาถอนตัวจากวงการนี้ เพราะทำใจรับไม่ได้ แต่แล้ววันหนึ่ง พันเอก ไอแซ็ค จอห์นสัน นายทหารผู้เกษียณแล้ว กลับมาขอความช่วยเหลือจากเขา ว่ามีการพยายามจะลอบสังหารประธานาธิบดี มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะหยุดเหตุร้ายนี้ได้ แต่แล้วเมื่อเขาตอบรับภารกิจ กลับโดนจัดฉากให้กลายเป็นผู้สังหารประธานาธิบดีแทน จนทางการรัฐบาลออกตามล่าเขา ทำให้เขาต้องตัดสินใจเอาตัวรอดและค้นหาควมจริงนี้
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
สำหรับ Shooter นั้น เหมาะเลยกับคนที่ชอบหนังแอคชั่นแบบเดือดๆ เข้มๆ ที่ดูเอามันส์ระห่ำมากพอที่จะมองข้ามช่องโหว่หรือความไม่สมเหตุสมผลเล็กๆ น้อยๆ ของเรื่องไปได้ เพราะ สามารถตอบโจทย์คอหนังแอคชั่นได้เป็นอย่างดี ในแง่ของฉากดวลสไนเปอร์สุดเท่ ตัวละครเอกสุดห่าม แต่ดันมีความฉลาดและไหวพริบการเอาตัวรอดควบคู่ไปด้วยจนน่าเชียร์ อีกทั้งพล็อตเรื่องของหนังก็ยังเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราวให้ชวนลุ้นและน่าติดตามได้ตลอดทั้งเรื่อง หากใครที่ชอบหนังแนวแอคชั่นสไนเปอร์อย่าง American Sniper, Enemy at the Gates หรือหนังชุด Sniper ในภาคแรกๆ แล้ว คิดว่าน่าจะมันส์เดือดไปได้แน่นอน
- สายหนังแอคชั่นสไนเปอร์
- สายหนังแอคชั่นเนื้อเรื่องเข้ม
- สายหนังดัดแปลงจากนิยาย
รีวิว / สรุปเนื้อหา
หากพูดถึงชื่อผู้กำกับที่ทำหนังสายแอคชั่นเข้มๆ ที่สร้างมาตรฐานได้ดีมาโดยตลอดนั้นคงหนีไม่พ้นชื่อ Antoine Fuqua ที่ไม่ว่าจะทำหนังแอคชั่นแบบไหน ก็ต้องใส่พล็อตเข้มๆ และความเท่ของตัวละครเข้าไปเป็นเหมือนเชื้อเพลิงเอาไว้ขับเคลื่อนให้กับหนังอยู่เสมอ ซึ่ง ก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะมันเป็นการยกระดับจากหนังแอคชั่นธรรมดาสักเรื่อง มาสู่หนังแอคชั่นเข้มข้นขวัญใจคนดูที่นอกจากจะมีดีในเรื่องของฉากแอคชั่นสุดมันส์แล้ว ก็ยังเต็มอิ่มไปด้วยเรื่องราวการทรยศหักหลังพลิกผันไปมาให้ชวนติดตามกันได้ด้วย
ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องชื่นชมเป็นถึงตัวต้นฉบับจากนิยายอย่าง Point of Impact เองที่ผู้เขียนสร้างสรรค์เรื่องราวออกมาได้สนุกขนาดนี้ และการปั้นตัวละคร Bob Lee Swagger ก็มีความน่าสนใจมาก เพราะเขาไม่ได้เป็นเพียงตัวเอกที่เน้นแอคชั่นที่บ้าระห่ำเท่านั้น แต่ทุกกระสุนของเขา ล้วนแล้วผ่านการคิดคำนวณมาเป็นอย่างดี การยิงแต่ละครั้งเลยออกมามีพลังและเท่ถึงใจ ยิ่งเมื่อหนังปรับโหมดเป็นเรท R แล้วยิ่งทำให้ฉากแอคชั่นนั้นโหด และเดือดดีมากๆ นอกความสามารถในการบู๊แล้ว ในแง่ปฏิภาณไหวพริบตัวละครก็มีเต็มเปี่ยมไม่แพ้กัน
เพราะเมื่อเขาถูกตามล่าโดยหน่วยงานที่มาขอให้เขาช่วยเสียเอง เขามีวิธีการเอาตัวรอดได้เป็นอย่างดี จนไปเสริมให้กับพาร์ทสืบสวนถึงต้นสายปลายเหตุต่อจนสร้างความระทึกได้มาก อีกทั้งในการดำเนินเรื่องก็ดูเหมือนทำให้อะดรีนะลีนพุ่งพล่านไม่หยุดจนดูแล้วเหมือนไม่ได้หยุดพักเลย ทำให้แม้หนังจะไม่ได้ดูหนักแน่นเท่างาน Masterpiece ของผู้กำกับตอนทำ Training Day แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ก็เป็นหนังแนวสไนเปอร์ที่ต้องหนีการตามล่าและสืบหาความที่สนุกสุดๆ อีกเรื่อง จนนับเป็นผลงานอันดับต้นๆ ที่น่าชื่นชมของเขาได้อยู่เช่นกัน
10000tip
หลังจาก The Matrix และ The Sixth Sense ปลุกกระแสไอเดียใหม่ๆ ขึ้นในวงการหนัง สารพัดผู้สร้างก็พยายามหาความใหม่ใส่ลงบท ไม่ว่าจะผูกเรื่องแบบแปลกๆ ไม่ก็เอาหนังตะวันออกมาทำเป็นตะวันตก เอาคนตะวันตกมาทำหนังตะวันออก ไขว้กันสร้างความแปลกใหม่เพียบไปหมด
ทำอย่างนั้นมันก็ดี มีความหลากหลายเยอะขึ้น แต่คนรักหนังที่ต้องการแค่ความบันเทิงง่ายๆ ได้แต่รอเงก เพราะคนมีฝีมือพากันไปหาของใหม่ ส่วนพวกมือใหม่ก็มาทำของเก่า รสชาติดูได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ตามบุญกรรม
ผมก็เข้าข่ายประเภทที่ว่า ดูหนังครีเอทมาจนล้าก็อยากดูหนังเอนหลังสบายๆ กับเขาเหมือนกัน
ประจวบเหมาะไปเอา Shooter มาดู ก็บอกได้เลยว่าเรื่องนี้ตรงตามต้องการเป๊ะ
จริงๆ แนวเรื่อง Shooter มันคุ้นเคยมากนะครับ พล็อตหลักว่าด้วยพระเอกโดนใส่ร้าย จนต้องเอาตัวรอดพร้อมหาหลักฐานคลี่คลายคดีของตน (นี่ก็ The Fugitive) หนีการตามล่าจากพวกคนระดับสูง แต่พวกนั้นก็เล่นงานเขาไม่ได้ง่ายๆ เพราะเจ้าตัวมีพิษสงรอบจัด (นี่ก็ออกแนวพี่ Steven Seagal สมัย Undersiege) ส่วนตอนท้ายก็ต้องหาเหลี่ยมมาเฉือนกันผู้ร้าย เปิดโปงความชั่วของมันให้สำเร็จ
ผมเดาตอนจบได้ตั้งแต่ดูตัวอย่างแล้วล่ะครับ แต่ในใจลึกๆ ก็คิดว่าหนังน่าจะสนุก พอได้ดูก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
บ็อบ ลี สแวกเกอร์ (Mark Wahlberg) นักแม่นปืนระดับพระกาฬที่ตัดสินใจปลดระวางตัวเอง เนื่องด้วยสำนึกผิดที่เห็นเพื่อนร่วมรบโดนยิงต่อหน้าโดยไม่อาจช่วยอะไรได้เลย สแวกเกอร์เลือกที่จะอยู่บ้านบนเขาสงบๆ แยกตัวลำพังไม่ยุ่งกับใคร
แล้วเจ้าหน้าที่รัฐบาลนำโดยผู้การไอแซค จอห์นสัน (Danny Glover) และมือขวาแจ็ค เพนน์ (Elias Koteas) ยกทีมมาขอความช่วยเหลือจากเขา พร้อมแจ้งข้อมูลวงในว่ากำลังจะมีการลอบสังหารประธานาธิบดีในอีกไม่กี่วัน แต่ยังไม่มีเบาะแสชนิดไหนๆ ทั้งนั้น ทางเดียวที่ทำได้คือขอแรงให้สแวกเกอร์วยคิดแทนมือปืน คิดว่ามันจะลบอบสังหารปธน. ได้ที่ไหนและอย่างไรบ้าง เพื่อที่พวกเขาจะได้ตามไปดักหน้ามันได้ถูก
ตามสูตรพิมพ์นิยมคือตัวเอกต้องอิดเอื้อนนิดหน่อยพอหอมปากหอมคอ ก่อนเลือดรักชาติและเลือดมือปืนจะฉีดพล่าน กระโดดเข้ารับงาน (ช่วงที่ว่านี่ก็ยืดหนังไปได้อีกซัก 5 – 6 นาที)
สแวกเกอร์เลยตามผู้การจอห์นสันไปช่วยคิดแทนมือปืน จนเจอสถานที่เหมาะสมในการซุ่มยิง จอห์นสันก็ให้สแวกเกอร์ประจำการอยู่ตรงนั้นเพื่อจะได้สกัดมือปืนได้ทันท่วงที
ทว่าทุกอย่างกลับตาลปัตร เมื่อแท้จริงแล้วจอห์นสันกับพวกหลอกให้สแวกเกอร์วางแผนแทนหมดทุกอย่างเพื่อลงมือลอบสังหาร ก่อนจะโยนแพะตัวเบ่อเริ่มให้สแวกเกอร์รับไปเต็มๆ รู้ตัวอีกทีเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยไปเรียบร้อย
แต่งานนี้พวกจอห์นสันประเมินสแวกเกอร์ต่ำไปหน่อย เพราะขานี้ระดับพระกาฬเก่งชนิดหาตัวจับยาก เลยเอาตัวรอดหลบการตามล่าไปซ่อนซุ่มเพื่อหาหลักฐานและกระชากผู้บงการอยู่เบื้องหลังให้ออกมารับกรรมอันนี้ แถมด้วยการเอาคืนพวกจอห์นสันกับพวกให้สาสม
ใครที่คาดหมายว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรได้ตั้งแต่ตอนดูตัวอย่าง ก็บอกไว้ก่อนเลยครับว่าท่านเดาได้ค่อนข้างแม่น เรื่องราวมันเดิมตามสูตรแอ็กชันไล่ล่าแพะรับบาปขนานแท้ แต่ก็อย่าประมาท เพราะดูสนุก ไม่เสียชื่อหนังแนวนี้
หนังทำออกมาน่าติดตามทีเดียวครับ แอ็กชันแต่ละช่วงน่าพอใจ การตามล่าตามปมมีให้ลุ้นค่อนข้างเยอะ ต่อให้ผมเล่าตอนจบให้รู้ก็เถอะ แต่จังหวะจะโคนหนังมันได้ที่ ลีลาการเดินเรื่องมันได้มาตรฐาน
ในบรรดานักทำหนังรุ่นใหม่ที่มีพัฒนาการน่าจับตาที่สุด เห็นทีต้องยกให้นาย Antoine Fuqua ผู้กำกับเรื่องนี้แหละครับ ขานี้ยิ่งทำยิ่งเข้าฝัก Fuqua นั่นเติบโตมาจากสายมิวสิกวีดีโอ สไตล์มุมกล้องเลยหวือหวาฉับไวเร้าใจเป็นอย่างยิ่งในงานกำกับชิ้นแรก The Replacement Killers (ก้าวแรกในฮอลลีวู้ดของเฮียโจวเหวินฟะ) ตามด้วยงานแอ็กชันที่ไม่มีใครจำได้นักอย่าง Bait งานสองเรื่องแรกจัดว่ายังไม่เข้าเป้าเพราะเล่าแต่ภาพอย่างเดียว ด้านเนื้อหาสอบไม่ผ่าน แต่ชื่อพี่ท่านเริ่มเป็นที่จดจำจาก Training Day ว่าตามจริงแล้วความดีแทบทั้งหมดต้องยกให้การแสดงบทตำรวจอภิมหาโฉดของ Denzel Washington แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ล่ะครับว่าถ้าจังหวะหนังไม่ได้เรื่อง ดาราแสดงดีแค่ไหนก็ไปไม่ถึงดวงดาว
งานหลังจากนั้นถือว่าเป็นช่วงเริ่มจับทางได้อย่าง Tears of the Sun และ King Arthur ดูแล้วไม่ผิดหวัง มีขาดบ้างเกินบ้างแต่ไม่เสียเวลาดู