รีวิว Rambo (2008) แรมโบ้ 4 นักรบพันธุ์เดือด การกลับมาที่โหด ดิบ และไม่ประนีประนอม
Rambo (2008) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Rambo IV หรือ แรมโบ้ 4 นักรบพันธุ์เดือด คือการกลับมาที่ถูกรอคอยของ จอห์น แรมโบ้ (John Rambo) ตัวละครแอ็กชันระดับตำนานที่สร้างชื่อให้กับ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน (Sylvester Stallone) ผู้ที่กำกับและร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตัวเอง หลังจากห่างหายไปนานถึง 20 ปีจากภาคก่อนหน้า Rambo III (1988) ภาคนี้พาแรมโบ้กลับคืนสู่รากเหง้าของความดิบและความรุนแรงในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้มันเป็นภาพยนตร์ที่สร้างความตกใจและประทับใจในเวลาเดียวกัน
เรื่องย่อ
ยี่สิบปีหลังจากเหตุการณ์ในอัฟกานิสถาน จอห์น แรมโบ้ ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวและสันโดษในประเทศไทย เขาอาศัยอยู่ริมแม่น้ำ กอบกู้เศษเหล็ก และใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ พยายามหลีกหนีจากอดีตอันแสนเจ็บปวดจากการเป็นทหาร
แต่แล้วชีวิตที่สงบของเขาก็ถูกรบกวนเมื่อกลุ่มมิชชันนารีชาวอเมริกัน นำโดย ซาร่าห์ มิลเลอร์ (Sarah Miller – Julie Benz) และ บาทหลวงไมเคิล เบอร์เน็ตต์ (Michael Burnett – Paul Schulze) เดินทางมาขอให้แรมโบ้ช่วยพาพวกเขาข้ามไปยังพม่า (เมียนมา) เพื่อนำยาและเสบียงไปช่วยเหลือชาวกะเหรี่ยงที่กำลังถูกกองทัพพม่ากดขี่และสังหารอย่างโหดเหี้ยม แรมโบ้ลังเลใจที่จะกลับไปยุ่งเกี่ยวกับความรุนแรง แต่ในที่สุดก็ใจอ่อนพาพวกเขาไป
หลังจากมิชชันนารีไปไม่นาน ก็มีข่าวว่าพวกเขาถูกจับตัวไปโดยกองทัพพม่า ทำให้บาทหลวงคนเดิมกลับมาขอความช่วยเหลือจากแรมโบ้ให้พา กลุ่มทหารรับจ้าง (Mercenaries) เข้าไปช่วยเหลือ แรมโบ้ตัดสินใจเข้าร่วมภารกิจนี้อีกครั้ง และเมื่อเขาได้เห็นความโหดร้ายทารุณที่กองทัพพม่ากระทำต่อชาวบ้านและมิชชันนารี ความโกรธแค้นที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง เปลี่ยนแรมโบ้จากผู้ที่ต้องการหลีกหนีความรุนแรง ให้กลายเป็น “นักรบพันธุ์เดือด” ที่จะปลดปล่อยนรกบนดินเพื่อช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์
สิ่งที่น่าสนใจใน Rambo (2008)
- ความโหดร้ายที่สมจริง (และไม่ประนีประนอม): นี่คือจุดเด่นที่ทำให้ Rambo (2008) แตกต่างจากภาคก่อนๆ สตอลโลนตัดสินใจที่จะไม่ลดทอนความรุนแรง แต่กลับนำเสนอภาพความโหดร้ายของสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้อย่างตรงไปตรงมาและชวนอึดอัดใจ เลือดสาด กระดูกหัก และการสังหารหมู่ถูกนำเสนออย่างไม่มีการเซ็นเซอร์ ทำให้ผู้ชมได้รับรู้ถึงความจริงอันน่าสะพรึงกลัวของสงคราม
- การกลับมาสู่รากเหง้าของตัวละคร: แม้จะเน้นความรุนแรง แต่ภาคนี้ยังคงกลับไปสำรวจจิตใจของแรมโบ้ที่บอบช้ำจากสงคราม เขาไม่ใช่ฮีโร่ผู้ไร้เทียมทานแบบภาค 2 และ 3 แต่เป็นชายผู้เหนื่อยล้าที่ถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องกลับไปทำในสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด ซึ่งก็คือการสังหาร
- ฉากแอ็กชันที่ดุดันและทรงพลัง: ฉากแอ็กชันทั้งหมดถูกออกแบบมาอย่างดิบเถื่อนและมีพลัง ไม่ว่าจะเป็นการยิงปืนกลขนาดใหญ่ การใช้มีด หรือการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ทุกฉากสร้างความรู้สึกตึงเครียดและเร้าใจ
- การแสดงของ Sylvester Stallone: สตอลโลนถ่ายทอดความเหนื่อยล้า ความขมขื่น และความโกรธแค้นของแรมโบ้ได้อย่างยอดเยี่ยม แววตาของเขาบ่งบอกถึงทุกอย่างที่ตัวละครเคยผ่านมา แม้จะมีบทพูดไม่มากนัก แต่การแสดงออกทางร่างกายและสีหน้าก็สื่ออารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง
- ประเด็นสงครามกลางเมืองในพม่า: ภาพยนตร์เรื่องนี้หยิบยกความขัดแย้งในชีวิตจริงของชาวกะเหรี่ยงและกองทัพพม่ามาเป็นฉากหลัง ทำให้เรื่องราวมีน้ำหนักและสะท้อนถึงประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในโลก
ข้อสังเกต
- ความรุนแรงที่สูงมาก: อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าความรุนแรงในเรื่องนี้อยู่ในระดับที่สูงมาก อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ชมที่ไม่ชอบภาพเลือดสาด หรือฉากที่โหดเหี้ยม
- ตัวละครสมทบที่ค่อนข้างแบน: ตัวละครมิชชันนารีและทหารรับจ้างบางคนค่อนข้างแบนและไม่มีมิติ ทำให้ผู้ชมอาจไม่ได้ผูกพันหรือเอาใจช่วยพวกเขามากนักเท่าที่ควร
- พล็อตเรื่องที่ตรงไปตรงมา: พล็อตเรื่องค่อนข้างเรียบง่ายและเน้นไปที่การแก้แค้นและการช่วยเหลือ ทำให้ไม่มีความซับซ้อนในการเล่าเรื่องมากนัก
สรุป
Rambo (2008) แรมโบ้ 4 นักรบพันธุ์เดือด คือการกลับมาที่น่าจดจำและกล้าหาญของแฟรนไชส์ มันคือภาพยนตร์แอ็กชันที่นำเสนอความรุนแรงดิบๆ ของสงครามได้อย่างไม่เกรงใจใคร พร้อมกับการแสดงที่ทรงพลังของซิลเวสเตอร์ สตอลโลน หากคุณเป็นแฟนตัวยงของแรมโบ้ที่ต้องการเห็นการกลับมาที่แท้จริงของ “นักรบพันธุ์เดือด” ผู้ซึ่งไม่ยอมแพ้ต่อความอยุติธรรม และรับชมความรุนแรงได้ นี่คือภาพยนตร์ที่คุณไม่ควรพลาด
คะแนน: 7.5/10
ดูหนัง Rambo 4 (2008) 20 ปีหลังจาก”จอห์น แรมโบ้” (ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน) เก็บตัวอยู่อย่างสันโดษอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ที่ซึ่งเขาทำงานอยู่บนเรือบดลำหนึ่งที่ล่องอยู่ในแม่น้ำสาละวิน ใกล้ๆ กับชายแดนไทย-พม่า ความขัดแย้งระหว่างพม่าและชนเผ่ากะเหรี่ยง ซึ่งถือเป็นสงครามกลางเมืองที่กินเวลายาวนานที่สุดในโลก ก้าวสู่ปีที่ 60 แต่แรมโบ้ ผู้ใช้ชีวิตอย่างสันโดษอยู่ในภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยป่า คอยตกปลา และจับงูพิษไปขาย เลิกชีวิตที่ต้องต่อสู้มานาน แม้ว่าจะมีทั้งหน่วยแพทย์ พวกกบฏ และผู้อพยพเดินทางผ่านไปในภูมิภาคที่แตกแยกไปด้วยเพลิงสงคราม




