ดูหนัง Oblivion (2013) อุบัติการณ์โลกลืม
ปี 2077 แจ็ค ฮาร์เปอร์ ปฏิบัติหน้าที่เป็นช่างซ่อมระบบรักษาความปลอดภัยที่ประจำการอยู่บนโลกที่มนุษย์ได้อพยพไปหมดแล้ว ภารกิจของแจ็คที่เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจสกัดทรัพยากรสำคัญที่เหลืออยู่บนโลก หลังจากที่ต้องทำสงครามนานหลายทศวรรษกับพวกเอเลี่ยนที่แสนน่ากลัวซึ่งยังคงค้นหาสิ่งที่หลงเหลืออยู่ในโลกของเรา ใกล้จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ลงแล้ว และอีกสองอาทิตย์เท่านั้น เขาก็จะกลับไปสมทบกับเหล่ามนุษย์โลกที่เหลือรอดชีวิตอยู่ที่อาณาจักรบนดวงจันทร์ ซึ่งอยู่ห่างไกลจากโลกที่พินาศด้วยภัยสงครามที่เขาเคยเรียกว่าบ้าน แจ็คที่ใช้ชีวิตและลาดตระเวนอยู่บนท้องฟ้าซึ่งอยู่สูงจากพื้นดินหลายพันฟุต ต้องดำดิ่งลงหลังจากที่เขาได้ช่วยหญิงสาวสวยแปลกหน้าจากยานอวกาศที่ตกลงมายังโลก การมาของเธอทำให้เกิดเหตุการณ์มากมายที่บีบให้แจ็คต้องตั้งคำถามกับทุกเรื่องที่เขาเคยคิดว่ารู้จัก เมื่อความเป็นจริงพังทลายลงขณะที่แจ็คค้นพบความเป็นจริงชวนช็อคที่เชื่อมโยงเขากับโลกในอดีต บัดนี้ ชะตากรรมของมนุษยชาติอยู่ในมือของชายผู้เชื่อว่าอีกไม่นานโลกจะสูญสิ้นไปตลอดกาล
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Tom Cruise ทอม ครูซ
Morgan Freeman
Olga Kurylenko
ผู้กำกับ : Joseph Kosinski
รีวิว Oblivion (2013) อุบัติการณ์โลกลืม
หมื่นทิพ
(7/10) เป็นอีกหนึ่งงานหนังไซไฟที่ดูเข้าท่าของเฮีย Tom Cruise ครับ แม้จะไม่ถึงกับสดใหม่มากมาย แต่ภาพโลกอนาคตที่ร้างผู้คนก็ดูสวย เวิ้งว้าง ยิ่งใหญ่ และไร้ชีวิตสมกับพล็อตเรื่อง
เนื้อเรื่องก็โอเคครับ แจ็ค (Cruise) มีหน้าที่ตรวจสอบและซ่อมแซมโดรน (อากาศยานตรวจการที่ไร้คนขับ) แล้ววันหนึ่งเขาก็เจอยานอวกาศตกลงมา ซึ่งในนั้นก็มีปริศนาให้เขาต้องค้นหาคำตอบ
ครับ… ภาพสวยจริงๆ นะ ดูเป็น HD นี่มันได้ใจจริงๆ ส่วนเรื่องราวก็อาจมีช่วงอืดช้าเอื่อยอยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ถือเป็นหนังไซไฟโลกอนาคต+ค้นหาคำตอบสืบปริศนาที่ไม่เลว Cruise ก็เล่นได้ตามมาตรฐาน, Morgan Freeman กับ Olga Kurylenko ก็สมทบได้ดี แต่รายที่ขโมยสายตาคนดูไปได้เยอะ (โดยเฉพาะหนุ่มๆ) ต้องยกให้ Andrea Riseborough ในบทวิคตอเรีย สาวสวยที่ประจำการอยู่กับแจ็คน่ะครับ (555)
หนังโปรดของข้าพเจ้า
ก่อนจะพูดถึงหนังผมขอแสดงอาการประหลาดใจเล็กน้อยว่าหนังเรื่องนี้เขียนบทภาพยนตร์โดยคนเขียนบท Toy Story 3 และ Little Miss Sunshine!!! (หน้าที่ของเขาใน Toy Story กับเรื่องนี้คือแปลงโครงเรื่องที่เป็นงานเขียนให้มันกลายเป็นภาพน่ะครับ) ที่ผมประหลาดใจเพราะว่าก่อนดูผมไม่ได้เปิดดูเครดิตน่ะครับ รู้แค่ผู้กำกับคนนี้เคยกำกับ Tron Legacy เท่านั้นเอง
เรื่องย่อนี่เป็นอะไรที่ผมลำบากใจจะเล่าพอสมควรแฮะ ขอสรุปว่ามันเป็นเรื่องของโลกหลังจากได้รับชัยชนะบนซากปรักหักพัง ในขณะที่อพยพชาวโลกไปดาวดวงอื่นก็ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยเฝ้าแหล่งพลังงานและซ่อมพวกหุ่นโดรนสำหรับกำจัดสกาฟ (Scavs) พวกต่างดาวที่ยังหลงเหลือคอยป่วนภารกิจบนโลก แต่เขาสงสัยอะไรบางอย่างซึ่งจะเป็นอะไรต้องไปดูกันเองจะดีกว่าครับ
ต้องขอพูดถึงพล๊อตก่อนเลยว่าสำหรับคอหนัง sci-fi คงจะรู้กันดีกว่าหนังแนว ๆ นี้พล๊อตก็ไม่ค่อยหนีจากกันเท่าไรนัก อยู่ทีว่าใครจะเอาไปทำออกมาได้น่าประทับใจ ได้มีเอกลักษณ์เป็นที่จดจำ ซึ่ง ไปไม่ถึงขั้นนั้นครับ ตัวบทหนังตลอดทั้งเรื่องค่อนข้างธรรมดา ไม่สามารถฉีกงานบทหนังตัวเองออกมาให้คนดูอย่างผมประทับใจ
ขอกล่าวถึงพวกหนังพล๊อตเดิม ๆ นิดนึงว่า หลายเรื่องนี่ก็รับแรงบันดาลใจต่อ ๆ กันมา อย่าง Body Heat นี่ก็แรงบันดาลใจจาก Double Indemnity ชัดเจน หรือพวก Sci-fi ยุค 90 ก็สร้างอิทธิพลต่อหนังรุ่นหลังตั้งแต่ Blade Runner > Akira > Dark City > The Matrix จนถึง Inception แต่จะเห็นว่าแต่ละเรื่องต่างสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองได้แม้จะเล่นกับพล๊อตคล้าย ๆ เดิม
สิ่งเดียวที่ผมประทับใจ คืองานเทคนิคภาพและดนตรีประกอบครับ ต้องยกนิ้วให้จริง ๆ ดนตรีประกอบสมกับเป็น sci-fi ยุคใหม่ เขาดึงแนวอิเลคโทรนิคมาใส่ได้เจ๋งทุกฉาก เร้าิอารมณ์ตลอดทั้งเรื่อง แล้วยิ่งเมื่อรวมกับงานภาพซึ่งผมขอเรียกว่าเป็นงานอลังการแบบ Lawrence of Arabia เลยครับ ประเภทฉากกว้างสุดลูกหูลูกตาทำออกมาได้เยี่ยมจริง ๆ ยังไม่นับงานออกแบบฉาก ออกแบบอุปกรณ์ต่าง ๆ ในเรื่องมันให้อารมณ์โลกอนาคตอย่างที่หนังตั้งใจไว้ เฉพาะงานเทคนิคภาพและเสียงนี่คือส่วนดีของหนังเลยครับ
VIDEO