ดูหนัง Wolfs (2024) สองคมคู่แสบมหากาฬ
สองนักรับจบตัวพ่อที่โดนเรียกตัวมาร่วมมือกันช่วยปกปิดความผิดให้ผู้มีอำนาจในนิวยอร์ก พวกเขาต้องละทิฐิ ลดอีโก้ในคืนนรกแตกเพื่อปิดงานให้ได้ มาร์กาเร็ตอัยการเขตแมนฮัตตัน ตกใจกลัวเมื่อชายหนุ่มในห้องพักโรงแรมที่เธอพบที่บาร์เสียชีวิต เธอโทรไปที่หมายเลขที่แจ้งไว้สำหรับกรณีฉุกเฉินดังกล่าว และจ้างช่างซ่อมมืออาชีพที่ไม่เปิดเผยชื่อมาช่วยเขามาจัดการกับเด็กที่ตกจากรถเข็นเครื่องดื่มแก้วขณะกระโดดขึ้นไปบนเตียง ทั้งคู่ถูกช่างซ่อมมืออาชีพที่ไม่เปิดเผยชื่ออีกคนที่ส่งมาโดยแพม เจ้าของโรงแรมลึกลับ ซึ่งเห็นทุกอย่างผ่านกล้องที่ซ่อนอยู่ เพื่อปกป้องชื่อเสียงของโรงแรมและอาชีพการงานของมาร์กาเร็ต ผู้หญิงทั้งสองจึงขอร้องให้ผู้ชายทั้งสองคนร่วมมือกัน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับพวกเธอเป็นอย่างมาก ในตอนแรกคนซ่อมรถปฏิเสธ แต่มาร์กาเร็ตเตือนสามีของเธอว่าตอนนี้เขาอยู่ในภาพจากกล้องวงจรปิดและสิ่งที่เธอได้ยินเกี่ยวกับเขา “คุณรับงาน คุณให้คำพูดของคุณ และคำพูดนั้นคือมาตรวัดความเป็นชาย” คนซ่อมรถยอมจำนนอย่างไม่เต็มใจ โดยให้หลักฐานแก้ตัวแก่มาร์กาเร็ต เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ และส่งเธอกลับบ้าน พวกเขาพบยาจำนวนมากในกระเป๋าของเด็ก ซึ่งแพมสั่งให้พวกเขาส่งคืนให้กับเจ้าของเดิมเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเพิ่มเติม ลูกน้องของมาร์กาเร็ตเคลื่อนย้ายศพไปที่รถของเขาอย่างคล่องแคล่วโดยใช้รถเข็นสัมภาระ และคนซ่อมรถก็พบว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่แต่ใช้ยาเกินขนาด
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
George Clooney จอร์จ คลูนีย์

แบรด พิตต์

Amy Ryan

ผู้กำกับ : จอน วัตต์
รีวิว
ชอบเล่า
หนังที่ขายความหล่อของ คลูนีย์ และความเท่ของ พิตต์ ล้วนๆ เป็นอีกครั้งที่ จอน วัตส์ ทำหนังได้จืดชืดอยู่เหมือนเดิม
ต้องบอกว่า Apple คงมีเงินถุงเงินถังคงเหลือบานตะไทนั่นแหละ ถึงเข็นหนังเรื่องนี้ออกมาเพียงเพราะอยากเห็น จอร์จ คลูนีย์ กับ แบรด พิตต์ อยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน ครั้งล่าสุดที่คนดูได้เห็นทั้งคู่อยู่ในเฟรมเดียวกันนี้ต้องย้อนไปถึง Ocean 13 นู้นเลยซึ่งก็เกือบ 10 กว่าปีแล้ว
หนังก็ว่าด้วย คลูนีย์ และ พิตต์ ซึ่งในหนังไม่ได้มีการบอกแบบชัดเจนว่าชื่ออะไร ทั้งคู่มีอาชีพเป็นนักเก็บกวาด ซึ่งส่วนใหญ๋แล้วคนที่เรียกใช้บริการจะเป็นผู้มีอิทธิพล คืนหนึ่งทั้งคู่ได้ถูกเรียกให้ไปยังห้องสวีทของโรงแรมหรูแห่งนึง แต่มันไม่ใช่เพียงแค่มีศพเท่านั้น แต่ยังมีโคเคนอีก 4 ถุง อยู่ในที่เกิดเหตุ ทั้งคู่จึงจำใจต้องร่วมมือกันและหาทางออกจนไปพบเข้ากับแก๊งมาเฟียผู้อยู่เบื้องหลังในเหตุกาณ์ครั้งนี้อีกที
หลังดูจบต้องยอมรับว่า สิ่งเดียวที่หนังสามารถดึงคนดูได้คือพลังดาราของทั้ง คลูนีย์ และ พิตต์ ล้วนๆ ไม่ว่าจะชั้นเชิงการเล่า หรือแม้กระทั้ง Shootout ในช่วงท้ายของเรื่องมันช่างจืดชืดและไม่ได้มีอะไรน่าจดจำเลยสักนิด ถึงบอกว่าทาง Apple ที่ออกทุนสร้างให้เงินคงเหลือจริงๆ นั่นแหละ คงไม่ต้องตำหนิอะไรที่ไหนนอกจากผู้กำกับ จอน วัตต์ ที่สารภาพตามจริงแอดก็ไม่ได้ปลื้มหนังของผกก คนนี้อยู่แล้ว ที่เห็นชัดก็หนังชุด สไปเดอร์แมน ฉบับทอม ฮอลแลนด์ นี่แหละที่มันห่วยแตก แล้วที่ภาค 3 มันประสบความสำเร็จ(รายได้)ก็เพราะพลังดาราล้วนๆ อีกนั่นแหละ แอดเลยยังสงสัยอยู่ว่าทำไมถึงชอบดึงผู้กำกับคนนี้มาทำโปรเจ็กนั้นนี้ ยิ่งซีนไล่ล่าช่วงกลางเรื่องก็เป็นอะไรที่แย่จนได้แต่ตั้งคำถามว่า แบบนี้คือฉากที่จะทำให้คนดูตื่นเต้นแล้วใช่ไหม? แถมซีนท้ายของเรื่องที่หนังพยายามหาจุดหรือขมวดปมให้มีอะไร และเหมือนให้คนดูได้ลุ้นว่าจะมี Shootout อีกซักครั้งก่อนจบ หนังดันตัดจบเฉยเลย ทำเอาคนดูอารมณ์ค้างตึงอยู่อย่างนั้น
เป็นที่น่าเสียดายเมื่อคุณได้ดาราระดับแม่เหล็กทั้ง คลูนีย์ และ พิตต์ มาร่วมเฟรมเดียวกัน แต่กลับทำหนังออกมาได้แบบไม่มีอะไรให้พูดถึง แต่ถ้าคิดว่าได้ดู คลูนีย์ และ พิตต์ มีบทที่ใส่ไฟกันตลอด รวมถึงแค่ได้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาพร้อมความเท่ของทั้งคู่ตลอดทั้งเรื่องก็คงคุ้มค่าสำหรับคนดูละมั้ง(นะ) ก็แล้วแต่! เอาเป็นว่าถ้าใครใช้บริการของ Apple TV อยู่ก็ไม่เสียหายที่จะเปิดดู แต่ถ้าจะมาสมัครบริการเพื่อดูหนังเรื่องนี้ก็คงไม่แนะนำและเชื่อว่าก็คงไม่มีใครทำอยู่แล้วละนะ