ดูหนัง Wimbledon (2004) หวดรักสนั่นโลก
หากคุณกำลังมองหาหนังรักที่ดูแล้วอิ่มเอมใจ, เต็มไปด้วยเสน่ห์, และมีพลังบวกแบบสุดๆ วันนี้คุณมาถูกทางแล้ว! Wimbledon คือภาพยนตร์ที่ผสมผสาน “ดราม่ากีฬา” ของม้านอกสายตา เข้ากับ “รอมคอม” สุดน่ารักได้อย่างลงตัวที่สุด วันนี้เราจะมา “ดูหนัง” ที่จะทำให้คุณเชื่อในโอกาสครั้งที่สอง… ทั้งในเกมกีฬาและเกมแห่งความรัก
เรื่องย่อ
ปีเตอร์ โคลท์ (พอล เบ็ตตานีย์) คือนักเทนนิสชาวอังกฤษที่เคยรุ่งโรจน์ถึงขั้นติดอันดับ 11 ของโลก แต่ปัจจุบันฟอร์มของเขาตกต่ำจนร่วงไปอยู่อันดับที่ 119 เขาหมดไฟ, กำลังจะแขวนแร็กเก็ต, และเตรียมตัวไปรับงานเป็นโค้ชเทนนิสให้กับเหล่าแม่บ้านไฮโซอย่างเบื่อหน่าย การแข่งขันวิมเบิลดันครั้งนี้จึงเป็นเหมือน “สังเวียนสุดท้าย” ของเขาแต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลก เมื่อเขาได้พบกับ ลิซซี่ แบรดบูรี่ (เคิร์สเตน ดันสต์) ดาวรุ่งพุ่งแรงชาวอเมริกันผู้เต็มไปด้วยไฟและพรสวรรค์ ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ กลับกลายเป็น “ยาวิเศษ” ที่ปลุกไฟในตัวของปีเตอร์ให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง!
ปาฏิหาริย์เริ่มเกิดขึ้นเมื่อปีเตอร์ผู้ไม่เคยคาดหวังอะไร กลับเริ่มเอาชนะคู่แข่งไปได้ทีละรอบๆ อย่างเหลือเชื่อ เส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศที่ไม่เคยอยู่ในความฝันกลับดูใกล้เข้ามาทุกขณะ แต่ในขณะเดียวกัน ความรักที่เบ่งบานของเขากับลิซซี่ก็เริ่มส่งผลกระทบต่อสมาธิในการแข่งขันของเธอ สร้างความไม่พอใจให้กับพ่อผู้เป็นโค้ชของเธออย่างมาก ปีเตอร์จึงต้องเลือกระหว่างการไล่ตามความฝันครั้งสุดท้ายในชีวิต กับความรักที่อาจจะเป็นรักแท้ของเขา movie24hd
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดงนำและผู้กำกับ
พอล เบ็ตตานีย์ (Paul Bettany) รับบทเป็น ปีเตอร์ โคลท์: การแสดงที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์, ตลก, และน่าเอาใจช่วยอย่างยิ่ง
เคิร์สเตน ดันสต์ (Kirsten Dunst) รับบทเป็น ลิซซี่ แบรดบูรี่: ในช่วงที่เธอกำลังโด่งดังสุดขีดจาก Spider-Man
แซม นีล (Sam Neill) รับบทเป็นพ่อของลิซซี่
จอน ฟาฟโร (Jon Favreau) (ผู้กำกับ Iron Man ) ในบทผู้จัดการส่วนตัวสุดฮาของปีเตอร์
เกร็ดน่ารู้: หนังเรื่องนี้ยังมีดาราดังในปัจจุบันอย่าง เจมส์ แม็คอะวอย และ นิโคไล คอสเตอร์-วัลเดา (เจมี่ แลนนิสเตอร์ จาก Game of Thrones ) ในบทบาทสมทบเล็กๆ อีกด้วย!
ผู้กำกับ: ริชาร์ด ลอนเครน (Richard Loncraine)
โปสเตอร์หนัง
รีวิวและบทวิเคราะห์
Wimbledon คือหนังที่เดินตามสูตรสำเร็จของหนัง “รอมคอม” และ “หนัง underdog กีฬา” …และทำมันออกมาได้อย่าง “สมบูรณ์แบบ”!
เสน่ห์ที่ล้นเหลือ: นี่คือหนังจากค่าย Working Title Films ซึ่งเป็นประกันคุณภาพของหนังรอมคอมสัญชาติอังกฤษอยู่แล้ว หนังเต็มไปด้วยบทสนทนาที่เฉียบคม, อารมณ์ขันแบบบริติช, และบรรยากาศที่อบอุ่นหัวใจ
เคมีที่เข้ากันอย่างลงตัว: พอล เบ็ตตานีย์ และ เคิร์สเตน ดันสต์ คือคู่พระนางที่มีเคมีเข้ากันอย่างน่ารักและเป็นธรรมชาติ ทำให้เราเชื่อในความรักของพวกเขาและอยากเอาใจช่วยให้ทั้งคู่สมหวัง
ฉากเทนนิสที่น่าตื่นเต้น: หนังถ่ายทอดการแข่งขันเทนนิสออกมาได้อย่างสนุกและน่าตื่นเต้น ทำให้แม้แต่คนที่ไม่เคยดูกีฬาเทนนิสก็สามารถลุ้นตามไปได้ทุกแต้ม
IMDb: ให้คะแนน 6.3/10
Rotten Tomatoes: ได้รับคะแนนจากฝั่งนักวิจารณ์ที่ 61% ซึ่งเป็นคะแนนที่ดีสำหรับหนังแนวนี้ และเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในแง่รายได้และเป็นที่รักของผู้ชม
Placemat
⭐ 6/10
เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและมีกลิ่นอายแบบอังกฤษ ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนคงมีฮิวจ์ แกรนท์ ผู้พูดติดอ่าง คราวนี้นักแสดงนำเป็นนักเทนนิสอาชีพ และมีฉากอยู่ที่วิมเบิลดัน พอล เบ็ตตานี รับบทนำแนวโรแมนติกได้ดีในแบบฉบับของแกรนท์ โดยไม่รู้สึกเลี่ยนเลี่ยนจนน่ารำคาญเหมือนที่แกรนท์เคยแสดง และยังแสดงได้อย่างน่าเชื่อถือในบทบาทนักเทนนิสช่วงปลายอาชีพ แต่เคิร์สเตน ดันสต์ คู่รักคู่แค้น แม้จะแสดงได้น่าชื่นชม แต่กลับดูไม่เหมาะกับบทของเธอเลย นอกจากนี้ บทภาพยนตร์ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเธอนัก เพราะไม่ได้นำเสนอเธอในฐานะคู่ต่อสู้ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ อันที่จริง ตัวละครนี้ดูเหมือนจะถูกวางตัวให้เป็นคู่แข่งมากกว่า ขาดองค์ประกอบที่ “ตั้งใจ” ไว้ ยิ่งไปกว่านั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังดูไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ตัวละครทุกตัว ยกเว้นตัวเดียว ล้วนแต่ดี ทำให้แทบไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องเสียเวลา แต่ก็ไม่มีอะไรน่าจดจำ “Wimbledon” เป็นภาพยนตร์ที่ไม่มีความตึงเครียด ช่วยให้รู้สึกดีขึ้น เทียบเท่ากับน้ำอัดลมที่มีรสชาติอ่อนๆ ในภาพยนตร์ คือมีฟอง แต่ขาดรสชาติที่โดดเด่น
katryna111
⭐ 6/10
วิมเบิลดันเป็นเรื่องราวน่ารักๆ ที่คนน่ารักๆ ตกหลุมรักกัน มีความรักที่ยิ่งใหญ่ แทนที่จะต้องมาทะเลาะกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และคาดเดาไม่ได้ท่ามกลางเรื่องราวทั้งหมด ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะดำเนินรอยตามสูตรสำเร็จของหนังรักโรแมนติกคอมเมดี้ส่วนใหญ่ แต่ด้วยเคมีที่เข้ากันอย่างเหนือชั้นของนักแสดงนำ (เคิร์สเตน ดันสต์ และ พอล เบ็ตตานี) และแง่มุมเทนนิสที่หนังเน้นย้ำ ความรักระหว่างดันสต์และเบ็ตตานีนั้นลงตัว เพราะทั้งคู่มีกีฬาที่เหมือนกัน ซึ่งช่วยจุดประกายความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น หากคุณไม่ชอบฉากหวานซึ้งแบบหวานแหววอย่างเช่นการเดินเล่นเท้าเปล่าในสวนสาธารณะ หรือการวิ่งเหยาะๆ 10 ไมล์ที่ทำให้เกิดการกอดรัดฟัดเหวี่ยง อย่างน้อยก็ควรดูหนังเรื่องนี้ เพราะฉากเทนนิสที่สมจริง ฉากเหล่านี้ (ซึ่งถ่ายทำที่วิมเบิลดันจริงๆ) ถ่ายทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะฉากการแข่งขันของเบ็ตตานี ที่คุณจะได้ยินความคิดตลกๆ ในใจของเขาก่อนที่เขาจะเสิร์ฟลูก ฉากเหล่านี้สะท้อนถึงความกดดันและความหวาดกลัวที่นักเทนนิสทุกคนต้องรู้สึกเมื่อก้าวลงสู่สนาม ถึงแม้วิมเบิลดันจะไม่ใช่หนังรักโรแมนติกคอมเมดี้ที่ดีที่สุด แต่ฉันก็เดินออกจากโรงหนังด้วยรอยยิ้มมากกว่าจะอ้วก และสำหรับฉันแล้ว นั่นก็เป็นเรื่องดี
seaview
⭐ 7/10
กีฬาเทนนิสเป็นฉากหลังที่ดี (ไม่ได้ตั้งใจเล่นคำ) ใน Strangers on a Train และ Pat and Mike ในฐานะจุดศูนย์กลางของภาพยนตร์เต็มเรื่อง มันไม่เคยสร้างภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จเลย ในทางกลับกัน ก็มีภาพยนตร์ดราม่าเบาๆ บ้างเป็นครั้งคราวอย่าง Players (ดีน พอล มาร์ติน และ อาลี แมคกรอว์) ซึ่งล้มเหลวในปี 1980 วิมเบิลดัน แม้จะพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากเรื่องแรก แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เทนนิสเป็นสื่อกลางหลักสำหรับเคิร์สเตน ดันสต์ (Spiderman, Bring It On) และดาวรุ่ง พอล เบ็ตตานี (Master and Commander, A Beautiful Mind) เนื้อเรื่องคือความรักแบบเดิมๆ ระหว่างดันสต์ นักเทนนิสดาวรุ่ง และเบ็ตตานี ดาราสาววัยกลางที่กำลังพยายามคว้าโอกาสสุดท้ายในการเป็นแชมป์วิมเบิลดัน ความรักของพวกเขาเบ่งบานขึ้นอย่างมากจนทำให้พ่อของดันสต์ (แซม นีล) รู้สึกกังวล เพราะกลัวว่าลูกสาวจะเสียสมาธิ มีพล็อตเรื่องย่อยอยู่บ้างเกี่ยวกับพ่อแม่ที่ทะเลาะกันของเบตตานี คู่หูนักแสดง และเอเยนต์ผู้ฉวยโอกาส (จอน แฟฟโร) เดาไม่ยากเลยว่าใครจะชนะ/แพ้ หรือความรักจะพาไปในทิศทางไหน
ดาราดังอย่างดันสต์และเบตตานีดูน่ารัก มีเคมีที่เข้ากันได้ดี แต่บทไม่ค่อยน่าติดตามเท่าไหร่ มีบทพูดและสถานการณ์ดีๆ ปะปนกันไปบ้าง แต่เนื้อเรื่องกลับบางและบทสนทนาก็ดูไม่สร้างสรรค์ เรื่องนี้มาจากคนที่สร้าง Notting Hill และ Four Weddings and a Funeral ให้เราดูเหรอ? อ้อ ลองไปดูเครดิตใกล้ๆ สิ ริชาร์ด เคอร์ติสหายไป แม้แต่ฮิวจ์ แกรนท์ก็ยังไม่โผล่มาให้เห็น แซม นีล, เบอร์นาร์ด ฮิลล์ และเอลีนอร์ บรอน (จำเธอจาก Bedazzled ภาคแรกได้ไหม?) ต่างก็เล่นบทเล็กๆ น้อยๆ ฉากเทนนิสดูสนุกดี ดาราทุ่มสุดตัวกับการแข่งขัน แต่ลูกเทนนิสนี่แทบจะสมบูรณ์แบบเกินไป เพราะเอฟเฟกต์พิเศษดูเด่นชัดเกินไป เบ็ตตานีถูกกำหนดให้รับบทสำคัญๆ มากขึ้น และดันสต์คงไม่รู้สึกเสียดายกับหนังตลก/ดราม่าเบาๆ เรื่องนี้ คงได้แต่จินตนาการว่าพวกเขาจะทำอะไรได้บ้างหากบทหนังมีชีวิตชีวาและตัวละครที่ซับซ้อนกว่านี้ แน่นอนว่ามันดูดีและดาราก็ดูเป็นคู่ที่น่ารัก แต่นี่เป็นโอกาสที่เสียไปอย่างน่าเสียดาย
ภาพยนตร์ที่คล้ายกัน
หากคุณหลงใหลในหนังรอมคอมสไตล์อังกฤษที่ดูแล้วอารมณ์ดี เราขอแนะนำ:
Notting Hill (1999) รักบานฉ่ำที่น็อตติ้งฮิลล์ : หนังรอมคอมในตำนานจากทีมผู้สร้างเดียวกัน ที่ว่าด้วยหนุ่มธรรมดาที่ตกหลุมรักซูเปอร์สตาร์
Love Actually (2003) : อีกหนึ่งหนังรักสุดคลาสสิกจากค่าย Working Title ที่จะทำให้คุณหัวใจพองโต
Jerry Maguire (1996) : การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างเรื่องราวกีฬาและความรักโรแมนติกที่เข้มข้น
คำถามที่พบบ่อย (Q&A)
Q: ไม่รู้เรื่องเทนนิสเลย จะดูสนุกไหม?
A: สนุกแน่นอนครับ! คุณไม่จำเป็นต้องรู้กฎกติกาใดๆ เลย หนังทำให้การแข่งขันดูน่าตื่นเต้นและเข้าใจง่าย หัวใจของเรื่องคือดราม่าของตัวละครและความรัก ซึ่งทุกคนสามารถสนุกไปกับมันได้
Q: หนังเรื่องนี้เป็นหนังรักหวานๆ หรือหนังกีฬาจริงจัง?
A: เป็นส่วนผสมที่ลงตัว 50/50 เลยครับ! มันคือหนังรักโรแมนติก-คอเมดี้ที่น่ารักมากๆ แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับเรื่องกีฬาและนำเสนอฉากการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นจริงๆ
Q: จริงเหรอว่ามี เจมี่ แลนนิสเตอร์ จาก Game of Thrones อยู่ในเรื่อง?
A: ใช่ครับ! นักแสดง นิโคไล คอสเตอร์-วัลเดา ในวัยหนุ่มมีบทบาทเล็กๆ เป็นหนึ่งในคู่แข่งเทนนิสของพระเอก เป็นเรื่องสนุกที่จะได้เห็นเขาก่อนที่จะโด่งดังครับ!
บทสรุป: Wimbledon คือหนังรอมคอมที่น่ารัก, มีเสน่ห์, และสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นหนัง “เดทไนท์” ที่สมบูรณ์แบบ และเป็นผลงานคลาสสิกที่พิสูจน์ให้เห็นว่าความรักสามารถเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้ หากคุณกำลังมองหาหนังที่จะทำให้คุณยิ้มได้และรู้สึกดีกับชีวิต นี่คือหนังที่คุณไม่ควรพลาด
ื