ดูการ์ตูน Toy Story 4
เรื่องราวการผจญภัยครั้งใหม่ของวู้ดดี้ ที่เริ่มต้นชีวิตในบ้านของเจ้าของคนใหม่ คือ บอนนี่ ซึ่งเธอได้ใช้ช้อนกึ่งส้อม ประดิษฐ์ออกมาเป็นของเล่นใหม่ที่ตั้งชื่อว่า ฟอร์คกี้ แต่เจ้าฟอร์คกี้ รู้ว่าแท้จริงเขาไม่ใช่ของเล่นแต่เป็นขยะ จึงอยากกลับไปสู่ชีวิตที่แท้จริง เดือดร้อนถึงวู้ดดี้ต้องตามกลับมา กลายเป็นการผจญภัยของเหล่าของเล่นครั้งใหม่ รวมถึงการกลับมาของโบ ของเล่นหวานใจของวู้ดดี้ที่เธอกลับมาในมาดใหม่เป็นสาวสุดแกร่งด้วย
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Tom Hanks ทอม แฮงส์
ทิม อัลเลน
Annie Potts
Tony Hale
ผู้กำกับ : Josh Cooley
รีวิว
beartai
เรื่องราวการผจญภัยครั้งใหม่ของ วู้ดดี้ ที่เริ่มต้นชีวิตในบ้านของเจ้าของคนใหม่ คือ บอนนี่ ซึ่งเธอได้ใช้ช้อนกึ่งส้อม ประดิษฐ์ออกมาเป็นของเล่นใหม่ที่ตั้งชื่อว่า ฟอร์คกี้ แต่เจ้าฟอร์คกี้ รู้ว่าแท้จริงเขาไม่ใช่ของเล่นแต่เป็นขยะ จึงอยากกลับไปสู่ชีวิตที่แท้จริง เดือดร้อนถึงวู้ดดี้ต้องตามกลับมา กลายเป็นการผจญภัยของเหล่าของเล่นครั้งใหม่ รวมถึงการกลับมาของ โบ ของเล่นหวานใจของวู้ดดี้ที่เธอกลับมาในมาดใหม่เป็นสาวสุดแกร่งด้วย
การกลับมาครั้งที่ 4 ของแก๊งของเล่น หลังจากผ่านไปเกือบครบ 10 ปี จนนึกว่าจะจบลงในภาคที่แล้วตามแบบฉบับหนังไตรภาคเสียอีก แต่แล้วพิกซาร์ก็มีไอเดียคืนชีพเหล่าตัวละครแสนรักกลับมาหาแฟน ๆ ของพวกเขาอีกครั้ง พร้อมกับประกาศว่านี่จะเป็นภาคส่งท้ายของแฟรนไชส์นี้แล้ว (จริงมั้ยไม่รู้) โดยรอบนี้ได้ผู้กำกับหน้าใหม่แต่ไม่ละอ่อนอย่าง จอช คูลีย์ ที่เคยเขียนให้หนังรางวัลน้ำดีอย่าง Inside Out (2015) มาก่อน และยังได้ลองมือกำกับหนังสั้นภาคย่อยอย่าง Riley’s First Date? (2015) ด้วย จนตอนนี้คงอิ่มพร้อมทั้งฝีมือการเล่าเรื่องและบารมีที่จะก้าวขึ้นมารับไม้ต่อจากผู้กำกับภาคแรกและ 2 อย่าง จอห์น แลสเซตเตอร์ ที่ต้องถอนตัวไปอย่างน่าเสียดาย เนื่องจากภาระหน้าที่ในงานบริหารค่าย
จริง ๆ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Toy Story ได้ออกจากอ้อมอกของแลสเซตเตอร์ เพราะในภาคที่ 3 เมื่อปี 2010 ก็ถ่ายมือมาสู่ ลี อุนคริช ผู้กำกับที่เคยร่วมกำกับกับแลสเซตเตอร์ในภาคที่ 2 ทั้งยังสร้างบารมีด้วยการกำกับร่วมในหนังอย่าง Monsters, Inc. (2001) และ Finding Nemo (2003) มาก่อน ทั้งในภาค 3 ตัวแลสเซตเตอร์ยังช่วยดูบทหนังให้อยู่ด้วย เมื่อเทียบกันงานภาค 4 ของคูลีย์จึงเป็นงานที่ยากและท้าทายกว่า ตรงที่ไม่มีพ่อผู้ให้กำเนิดดูแลเกี่ยวข้องอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามแฟน ๆ ไม่ต้องตกใจไปว่าจะเป็นหนัง Toy Story ที่เราไม่รู้จัก เพราะตัวหนังยังคงได้ แอนดรูว์ สแตนตัน ที่ร่วมเขียนบทตั้งแต่ภาคแรกมาช่วยเขียนบทให้เช่นเคย ทั้งยังได้ผู้เกี่ยวข้องกับหนังชุดนี้เข้ามาช่วยกันหลายต่อหลายคนทีเดียว แม้จะมีข่าวไม่สู้ดีว่าหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 4 ของพิกซาร์ที่มีการเปลี่ยนทั้งผู้กำกับและมีการเขียนบทใหม่ ซึ่งไอ้ 3 เรื่องก่อนหน้า ก็แป้กไปเสีย 2 เรื่องแล้วด้วย (ฺBrave กับ The Good Dinosaur)
ทำเรื่องเล่นให้เป็นเรื่องใหญ่
ต้องบอกตามตรงว่าตอนแรกที่ได้ยินข่าวหนัง Toy Story 4 มันก็เป็นความรู้สึกที่ผสมปนเปกันสำหรับผมอยู่เหมือนกัน เพราะใจนึงก็ดีใจที่จะได้กลับมาพบวู้ดดี้และเพื่อนๆ อีกครั้ง แต่อีกใจก็แอบเสียดายตอนจบของภาค 3 ที่ปิดไตรภาคเอาไว้อย่างสวยงามแล้ว
เรื่องราวในภาคนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อบอนนีได้ประดิษฐ์ของเล่นที่มีชื่อว่า ฟอร์คกี้ ขึ้นมาจากช้อนกึ่งส้อมอันนึง และวู้ดดี้ก็เข้าใจดีว่าฟอร์คกี้นั้นเป็นของเล่นที่มีคุณค่าทางจิตใจสำหรับบอนนี่มากแค่ไหน
ปัญหาก็คือฟอร์คกี้ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นของเล่น และในวันนึงที่ครอบครัวของบอนนี่เดินทางออกไปเที่ยวพักผ่อน ฟอร์คกี้ก็ได้หนีออกจากรถไป วู้ดดี้จึงต้องพยายามตามตัวเขากลับมา แต่ในระหว่างนั้นเอง เขาก็ได้พบกับ โบพีพ ตุ๊กตาสาวเลี้ยงแกะที่พลัดพรากจากกันไปนาน
สิ่งนึงที่รู้สึกได้จากหนังภาคนี้ก็คือโทนของหนังจะให้ความรู้สึกแตกต่างไปจากภาคก่อนๆ คือหนังมันจะมีความนิ่งขึ้น ฉากแอ็คชั่นต่างๆ จะไม่โฉ่งฉ่างเหมือนภาคอื่น และตัวละครต่างๆ ก็ดูจะเติบโตและเข้าใจชีวิตมากขึ้น
ภาคนี้ตัวละครภาคเก่าๆ จะมีบทบาทน้อยลง และหนังก็สร้างคาแรคเตอร์ตัวละครใหม่ๆ ออกมาได้น่าสนใจมากๆ เรียกได้ว่ามีอะไรน่าจดจำกันทุกคน ส่วนที่น่าประทับใจมากอีกอย่างก็คือทางมุกแบบใหม่ๆ ที่เราไม่ค่อยได้เห็นในภาคเก่าๆ และมันก็ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนัง Pixar ที่ฮาสุดๆ อีกเรื่องนึง
ประเด็นสำคัญของภาคนี้ก็คือการที่เหล่าของเล่นทั้งหลายต้องค้นหา ‘ความหมายของการมีชีวิต’ ของตัวเอง ทั้งตัววู้ดดี้เองที่ผ่านวันเวลามาอย่างยาวนาน และของเล่นใหม่ที่ยังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของการเป็นของเล่นอย่างฟอร์คกี้ รวมไปถึงตัวละครอื่นๆ อีกหลายตัว ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า มันเป็นการสานต่อเรื่องราวจากภาคก่อนที่น่าสนใจ แต่ส่วนของดราม่า มันก็ยังมีจุดที่น่าจะพัฒนาให้เข้มข้นกว่านี้ได้อีก
ในภาพรวม Toy Story 4 ก็ถือว่าเป็นหนังภาคต่อที่ดีมากอีกเรื่องนึง มันให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้เจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานและไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเสียความรู้สึกกับตอนจบของภาค 3 อย่างที่คิด แต่กลับทำให้รู้สึกว่า มันคือการผจญภัยบทใหม่ของเหล่าของเล่นทั้งหลายที่น่าจะพัฒนาไปเป็นไตรภาคชุดใหม่ได้สบาย
เรื่องเล่น รีวิว – 9 เต็ม 10