ดูหนัง Tokyo Revengers (2021) โตเกียว รีเวนเจอร์ เรื่องราวของ “ทาเคมิจิ ฮานางากิ” (ทาคุมิ คิตามูระ) หนุ่มขี้แพ้ที่ดันพลัดตกลงบนรางรถไฟ แต่วินาทีทีที่รถไฟกำลังจะพุ่งถึงตัว เขาก็พบว่าตัวเองย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 12 ปีก่อน สมัยยังเป็นเด็กมัธยมวัยเกรียน ก่อนจะพบว่าการย้อนเวลาครั้งนี้ทำให้เขามีโอกาสช่วย “ทาจิบานะ ฮินาตะ” (มิโอะ อิมาดะ) ให้รอดจากการเสียชีวิตด้วยฝีมือของ “แก๊งโตมัน” แก๊งที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโตเกียว ซึ่งนำโดย “ไมค์กี้” (เรียวโยชิ ซาวะ) และ “ดราเค่น” (ยูกิ ยามาดะ) ทาเคมิจิจึงต้องไต่สู่จุดสูงสุดบนเส้นทางนักเลง เพื่อเข้าเป็นสมาชิกแก๊งโตมัน และเปลี่ยนอนาคตให้ได้!
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง
Yuuki Shin
Yu Hayashi
Sho Karino
Azumi Waki
ผู้กำกับ
Tsutomu Hanabusa
รีวิวหนัง Tokyo Revengers (2021) ดูหนังออนไลน์
เรื่องย่อ: ทาเคมิจิ ฮานางากิ หนุ่มขี้แพ้ที่ดันพลัดตกลงบนรางรถไฟ แต่วินาทีทีที่รถไฟกำลังจะพุ่งถึงตัว เขาก็พบว่าตัวเองย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 12 ปีก่อน สมัยยังเป็นเด็กมัธยมวัยเกรียน ก่อนจะพบว่าการย้อนเวลาครั้งนี้ทำให้เขามีโอกาสช่วย ทาจิบานะ ฮินาตะ แฟนคนเดียวในชีวิตของเขาให้รอดจากการเสียชีวิตด้วยฝีมือของ แก๊งโตมัน แก๊งที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโตเกียว ซึ่งคุมโดย ไมค์กี้ และ ดราเค่น ได้ ทาเคมิจิจึงต้องไต่สู่จุดสูงสุดบนเส้นทางนักเลง เพื่อเข้าเป็นสมาชิกแก๊งโตมันและเปลี่ยนอนาคตให้ได้! ได้เวลาที่ทาเคมิจิจะได้เอาคืนล้างแค้นความไม่ได้เรื่องของตัวเองในอดีตจนเสียคนรักไปเสียที
‘Tokyo Revengers’ เดิมเป็นมังงะผลงานของอาจารย์ วาคุอิ เคน ที่เริ่มตีพิมพ์ในปี 2017 ด้วยลายเส้นสะอาดตา การสร้างคาแรกเตอร์ตัวละครที่น่าสนใจมีเอกลักษณ์ รวมถึงเรื่องราวความเท่ฉบับเด็กเกยุค 2000 ที่มีความร่วมสมัย แถมยังมีการเล่าเรื่องที่ชวนลุ้นและซับซ้อนว่าด้วยการข้ามเวลาเปลี่ยนแปลงอดีตไปมา จึงสามารถจับหัวใจของทั้งเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ ทั้งชายและหญิงได้อย่างดี จนได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และขายได้มากกว่า 40 ล้านเล่ม จนกระทั่งมีการดัดแปลงเป็นฉบับแอนิเมะซีรีส์ทางโทรทัศน์ในปี 2021 และมาสู่ฉบับหนังคนแสดงเรื่องนี้ในที่สุด เรียกว่าไต่ระดับความสำเร็จมาตามมาตรฐานมังงะญี่ปุ่นทีเดียว โดยลิขสิทธิ์ในไทยนั้นตัวหนังสือมีการจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ และส่วนแอนิเมะมีทั้งพากย์ไทยและซับไทยให้ดูฟรีทางยูทูบช่อง Muse Thailand
ต้องยอมรับว่าผู้กำกับ ฮานาบุสะ ทสึโตมุ และมือเขียนบท ทาคาฮาชิ อิสึมิ เลือกส่วนของเรื่องราวจากมังงะความยาวกว่า 20 เล่ม (ในขณะนี้) มาเล่าเป็นหนังได้ค่อนข้างดี คือเอาเท่าที่ไหวอยู่ในความยาวสำหรับหนังโรงประมาณ 2 ชั่วโมง และมีฉากไคลแมกซ์ที่สามารถขายคนดูทั่วไปได้ รวมถึงสามารถขมวดจบเนื้อหาในตัวเองไม่ค้างคา หรือจะมีภาคต่อก็ไม่น่าเกลียด
โดยเอาเนื้อหาในช่วงมังงะเล่มแรกจนถึงกลาง ๆ เล่มที่ 4 มาเล่าได้อย่างเคารพต้นฉบับมากทีเดียว เพราะเส้นเรื่องนั้นแทบจะเดินไปแบบพลิกหน้ากระดาษมังงะอ่านเลยทีเดียว บางฉากก็เรียกว่าเป๊ะกันช่องต่อช่องเลยด้วย แต่กระนั้นผู้สร้างก็ยังสามารถสอดแทรกมุกตลกใหม่ ๆ ในจังหวะที่เราคาดไม่ถึงมาเรียกเสียงฮาครืน โดยไม่ทำลายมังงะดั้งเดิมได้ดี ตรงนี้ชื่นชมมาก ๆ
และสำหรับใครที่ชื่นชอบวงการบันเทิงญี่ปุ่น ดาราญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมแล้วล่ะก็ หนังเรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าคัดเฟ้นแถวหน้าในห้วงเวลานี้มาแสดงกันอย่างคับคั่งเลยทีเดียว ทั้ง คิตามุระ ทาคุมิ พระเอกจากหนังรักชื่อแปลก ‘ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ Kimi no Suizô o Tabetai’ หนังปี 2017 และกำลังจะมีผลงานเด่นกับการรับบทนำในซีีรีส์ฉบับคนแสดงของมังงะดังอย่าง ‘คนเก่งฟ้าประทาน Yu Yu Hakusho’ ที่จะฉายในปี 2023 ด้วย โดยทาคุมิมารับบททาเคมิจิ หรือ มิจจิี้ ที่สามารถถ่ายทอดทั้งด้านคนขี้แพ้ และคนอ่อนแอที่มีมุมเท่ได้อย่างลงตัวมาก ๆ จังหวะเล่นมุกตลกเองก็ดูไม่เคอะเขินด้วยเช่นกัน ถือว่าหาได้ยากที่สามารถเอาหลายรสชาติอยู่แบบนี้
นักแสดงคนอื่น ๆ ก็มีอาทิ โยชิซาวะ เรียว ในบท ไมค์กี้ หัวหน้าแก๊งโตมันที่เป็นยอดคนสุดแกร่งที่ความคิดบริสุทธิ์เหมือนเด็กน้อย เดาใจได้ยาก, ยามาดะ ยูกิ ในบท ดราเคน คู่หูที่ไมค์กี้ไว้ใจที่สุดและยังเป็นคนที่คอยตักเตือนไมค์กี้ให้อยู่ในทางที่ถูกต้อง, โนบุยูกิ ซูซูกิ ในบท คิโยมิซึ สมาชิกแก๊งโตมันที่ชอบรังแกคนอ่อนแอและทำให้ชีวิตของพระเอกดิ่งเหวมาแล้วครั้งหนึ่ง, สุกิโนะ โยสุเกะ ในบท นาโอโตะ น้องชายของฮินาตะที่มีส่วนสำคัญในการย้อนเวลาและแก้ไขอดีตของพระเอก ในอนาคตเขากลายเป็นตำรวจที่ช่วยในการสืบสวนความจริงของแก๊งโตมันที่กลายเป็นยากูซ่าชั่วร้ายที่ครองเมืองอยู่ด้วย
เรียกได้ว่าถ้าอยากรู้ว่าตอนนี้วัยรุ่นญี่ปุ่นเขาคลั่งใครกันอยู่ ดูเรื่องนี้เรื่องเดียวได้รู้ครบเลยทีเดียว และที่ต้องชื่นชมคือการเลือกนักแสดงไม่ได้สักเอาแต่ชื่อเสียงความนิยมเท่านั้น เพราะเอาจริงเรียกได้ว่าเลือกมาได้ตรงคาแรกเตอร์ของแต่ละตัวละครทั้งหมดเลย อันนี้ยอมใจทีมงานที่สมดุลระหว่างการตลาดกับการสร้างผลงานศิลป์ออกมาได้ยอดเยี่ยมเลย
สุดท้ายผู้หญิงหนึ่งเดียวของเรื่องอย่าง อิมาดะ มิโอะ ในบท ฮินาตะ แฟนคนแรกและคนเดียวของพระเอกที่มีส่วนสำคัญมากในการทำให้พระเอกต้องเปลี่ยนตัวเองที่ขี้แพ้ให้ฮึดสู้เพื่อเปลี่ยนอนาคตที่เธอตายให้ได้ และมิโอะก็สามารถถ่ายทอดด้านที่บอบบางน่าปกป้องของฮินาตะออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เราอินกับพระเอกมาก ๆ ว่าต้องช่วยเธอให้ได้นะ
ฉากที่ฮินาตะบอกบางอย่างกับพระเอกที่มาบ่นว่าตัวเองจะตายในอนาคต ด้วยบทพูดที่คิดมาดีและการแสดงของทั้งทาคุมิและโดยเฉพาะมิโอะ ต้องบอกเลยว่าฉากเดียวนี้ล่ะหนักแน่นพอรองรับการกระทำของพระเอกได้ทั้งหมดเลย และคำพูดของนางเอกยังคงฝังใจเราอยู่ไปจนจบเรื่องเลย ซึ้งและน่ารักมาก ๆ
แม้มีข้อดีหลายประการ จนแทบไม่แปลกใจเลยที่หนังทำเงินถล่มทลายในญี่ปุ่นเป็นประวัติการณ์ แต่มันก็มีข้อเสียของหนังอยู่จะมากจะน้อยก็ขึ้นกับว่าคุณดูด้วยสายตาของใคร
สำหรับคนที่เป็นแฟนมังงะแฟนแอนิเมะมาก่อน ต้องยอมรับว่าแม้ผู้สร้างจะเลือกเนื้อหามาได้ดีแล้วในการทำเป็นหนัง แต่เอาจริงแค่ 2 ชั่วโมงที่หนังเล่า มันไม่พอจริง ๆ กับการเก็บทุกอารมณ์ที่มังงะนำเสนอไว้ ยิ่งในส่วนของการสืบสวนระหว่างทาเคมิจิและนาโอโตะในอนาคตที่จะสร้างความเข้มข้นให้เนื้อหาได้มาก ก็ถูกลดความสำคัญลงไปเยอะ ส่วนของการถกเถียงอธิบายเรื่องการย้อนเวลาเองก็เช่นกันถ้าทำดี ๆ หนังจะมีเหตุผลหนักแน่นมากในการเล่าเรื่อง แต่พอการอธิบายหลักการของโลกในหนังมันถูกทอนลงไปมันเลยทำให้เราไม่ค่อยเชื่อได้อย่างลึกซึ้งนัก ต้องดูไปทำใจไปว่าเออมันก็แค่หนังจากการ์ตูนล่ะนะ
สำหรับคนที่ชอบหนังแนวนักเรียนนักเลง เชื่อว่ามีแฟนของ ‘Crow’ หรือ ‘High & Low’ หรือเรื่องอื่น ๆ ในบ้านเราก็ไม่ได้น้อย ในเรื่อง นี้ด้วยความที่มีเนื้อหาต้องเล่าค่อนข้างเยอะ ทำให้หนังไม่สามารถให้เราเห็นภาพความใหญ่และจริงจังของสมรภูมิแก๊งในโตเกียวได้ดีนัก การประชุมใหญ่แก๊งโตมันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกขนลุกทั้งด้านจำนวนคนและบรรยากาศ การทำสงครามระหว่างแก๊งไม่ได้ทำให้เรารู้สึกถึงความกดดันอะไรมากมายนัก เป็นเหมือนการยกพวกตีกันของคน 2 กลุ่มที่ไม่ได้แบกความเป็นสถาบันหรือชื่อแก๊งไว้บนหลังใด ๆ
ดังนี้แล้วมันจึงพาลทำให้ฉากแอ็กชันในเรื่องโดยเฉพาะฉากใหญ่ท้ายเรื่องนั้น ดูไม่ได้เข้มข้นหรือสนุกเท่าที่ควร การออกแบบฉากต่อสู้ก็ขาดลูกเน้นไปหน่อย ต้องบอกว่าแทบไม่รู้สึกอะไรมากมายนักเลย ที่น่าชื่นชมก็คงเป็นการแต่งเทคนิคพิเศษใบหน้าที่ยับเยินปูดบวมช้ำหนองเลือดอาบนั้นทำได้สมจริงดี ก็เท่านั้น
สำหรับคนไทยที่ไม่ได้ติดตามวงการญี่ปุ่น ความดังของดาราไม่มีผลอะไรกับคุณ และถ้าคุณไม่ได้เป็นแฟนมังงะมาก่อนด้วย โชคยังดีที่มังงะและหนังเรื่องนี้ได้ออกแบบตัวละครที่ดูสมจริงน่าจดจำไว้แต่แรก ไม่ค่อยรู้สึกแปลกประหลาดจนเหมือนไม่ควรอยู่บนโลกใบนี้อย่างหนังญี่ปุ่นบางเรื่อง และการแสดงของนักแสดงและบทพูดที่ดีก็น่าจะทำให้คุณชอบหนังเรื่องนี้ได้ประมาณหนึ่ง แต่ก็นั่นล่ะ สุดท้ายคุณก็อาจจะชอบมันได้ไม่สุดจากเหตุผลด้านบนอยู่ดี
สรุปแล้วรีวิวนี้ให้คะแนนตามสายตาคนดูทั่วไปที่อาจไม่รู้จักเรื่องนี้มาก่อน ถ้าคุณเป็นแฟนมังงะหรือแอนิเมะมาก่อนให้หักคะแนนที่รีวิวนี้ลงอีก 1 คะแนน และถ้าคุณชอบดาราญี่ปุ่นติดตามวงการบันเทิงญี่ปุ่น คุณสามารถบวกคะแนนให้จากที่รีวิวนี้เพิ่มไปได้อีก 1 คะแนนครับ
trueid
พอได้ยินว่านี่คือหนังญี่ปุ่นไลฟ์แอคชั่นที่ทำเงินได้สูงสุดประจำปีนี้และกวาดเงินได้ถล่มทลายบ็อกซ์ออฟฟิศในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ก็ยิ่งกระตุ้นความอยากรู้และความสนใจเกี่ยวกับ หนังแอคชั่นแฟนตาซีสไตล์แก๊งสเตอร์ที่สร้างมาจากมังงะชื่อดังที่คนทั้งโลกรู้จักกันดี เพียงแต่ว่าในครั้งนี้เข้าไปดูโดยที่ไม่ได้มีพื้นฐานใดๆ เลยสักนิดเดียวกับเรื่องราวและตัวละคร โดยผลลัพธ์ที่ออกมาก็พอจะทำให้ทราบแล้วว่า…ทำไมมันถึงปัง!
Tokyo Revengers เล่าเรื่องราวของ ทาเคมิจิ อดีตนักเรียนนักเลงที่เคยมียุครุ่งเรื่องในสมัยเรียนชั้น ม.ต้น เขาพบว่า ฮินาตะ อดีตแฟนสาวและยังเป็นคนรักเพียงคนเดียวในชีวิตถูกฆาตกรรมโดยฝีมือของแก๊งโตเกียวมันจิไค และโชคชะตาก็เล่นตลกกับเขาด้วยการพาย้อนเวลากลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน กลับไปสู่ช่วงที่เขายังเป็นนักเลงหัวไม้ และนั่นเป็นโอกาสเดียวที่เขาจะได้แก้ไขเรื่องราวต่างๆ เพื่อปกป้องคนที่เขาแคร์ไม่ต้องให้เผชิญหน้ากับชะตากรรมโหดร้าย หนึ่งในนั้นก็คือหาวิธีแก้แค้นแก๊งโตเกียวมันจิไคให้ได้ก่อน!
หนังเป็นผลงานของผู้กำกับที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อหนังจากมังงะ อย่าง “ซึโตมุ ฮานะบุซะ” (จาก Grand Blue และ Kakegurui The Movie) และแน่นอนว่าเป็นช้อยส์ตัวเลือกที่ค่อนข้างเหมาะสม เพราะเขาสามารถถ่ายทอดเนื้อแท้ของมังงะออกมาเป็นรูปแบบไลฟ์แอคชั่นได้ค่อนข้างถูกในแฟนๆ จังหวะและบรรยากาศต่างๆ ของหนังกำลังเหมาะสมพอดี เป็นหนังที่มีลูกเล่นแบบทีเล่นทีจริง เข้าโหมดจริงจังก็ไม่ขึงขังเท่าไหร่ เข้าโหมดเล่นก็ขยี้ได้ถึงจุด นี่จึงกลายเป็นจุดเด่นของหนังเรื่องนี้
ด้วยความที่ Tokyo Revengers เป็นมังงะที่มีความโดดเด่นเกี่ยวกับเอกลักษณ์ของตัวละครแต่ละตัวเป็นอย่างดีแล้ว จึงทำให้การบิ้วท์สร้างคาแรกเตอร์ต่างๆ ในหนังไม่ต้องพยายามมากนัก เพียงแค่ดีไซน์ผ่านรูปลักษณ์และสไตล์ของแต่ละตัวละครก็น่าจะสร้างความคุ้นเคยให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดีแล้ว จึงทำให้แต่คาแรกเตอร์ในหนังเรื่องนี้ค่อนข้างชัดเจน แม้ว่าตัวละครจะเยอะแยะยั้วเยี้ยเต็มไปหมด แต่คนดูก็สามารถค่อยๆ ซึบซับและคล้อยตามไปได้
“ทาคูมิ คิตะมุระ” แทบจะแบกหนังทั้งเรื่องเอาได้เกือบจะสบายๆ เขาสามารถถ่ายทอดและเก็บรายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครนำที่ได้รับออกมาจากอินเนอร์แท้ และด้วยความเป็นธรรมชาติในหลายๆ องค์ประกอบที่เกื้อหนุนที่จะเล่นบทนี้ของเขานั้น จึงทำให้มาช่วยสนับสนุนแก่นเรื่องหลักได้เป็นอย่างดี แม้ว่าการออกแบบในแง่สร้างมิติให้กับคาแรกเตอร์นี้จะยังค่อนข้างผิวเผินไปหน่อยก็ตาม
และการที่มีตัวละครยิบย่อยอีกเยอะก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ ชุลมุนแต่ก็สร้างความหนักแน่นให้กับเรื่องราวได้ด้วย ทุกคนต่างสวมบทบาทของตัวละครต่างๆ ออกมาได้เป็นอย่างดีตามที่บทส่งเสริมให้ ไม่ว่าจะเป็น “ยูกิ ยามาดะ”, “โยซุเกะ ซูกิโนะ”, “เรียว โยชิซาวะ” หรือ “มิโอะ อิมาดะ” ที่ต้องยอมรับว่าพวกเขาช่วยขับตัวละครต่างๆ ออกมาได้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น
แต่แน่นอนว่าจุดอ่อนของ Tokyo Revengers ก็น่าจะเป็นเรื่องของบทหนัง แม้ว่าจะวางโครงเรื่องเอาไว้บนพื้นฐานของความเป็นแฟนตาซี แต่ก็เต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผลอยู่เต็มไปหมด ถึงหนังจะค่อนข้างเล่าเรื่องได้กระชับและฉับไวเป็นอย่างดี แต่ความเร็วในการเล่าเรื่องของหนังนั้นก็อาจจะเกิดจากข้อจำกัดในการขยี้บางจุดให้มีความกระจ่างยิ่งขึ้นมากกว่านี้
จึงทำให้สังเกตได้ว่าหนังยังทิ้งปมหลายๆ ประเด็นเอาไว้มากมาย และยังมีอีกหลายตัวละครที่ถูกทิ้งเอาไว้เป็นปริศนา แม้ว่าแฟนมังงะน่าจะทราบกันเป็นอย่างดี แต่ในแง่มุมผู้ชมที่ไม่ได้มีพื้นฐานใดๆ เกี่ยวกับเรื่องราวนี้เลยก็ยังค่อนข้างแคลงใจสงสัยว่า คนนั้นเป็นใคร คนนี้เป็นใคร แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับตรงนั้น เป็นคำอธิบายที่ยังไม่ชัดเจนในหนังเรื่องนี้ แต่ถ้าหากปูเอาไว้สำหรับภาคต่อก็คิดว่าน่าจะมีเหตุผลในปล่อยบางประเด็นเอาไว้เช่นนี้
หลังจากที่ได้ดู ก็ทำให้ฉุกคิดขึ้นได้แล้วว่า ทำไมหนังเรื่องนี้ถึงประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงเช่นนี้ ไม่ใช่แค่เพียงมีแฟนมังงะที่มาอุดหนุนและตอบรับตัวหนังเป็นอย่างดี แต่หนังยังมีเนื้อหาที่ค่อนข้างใกล้ตัวผู้ชมเป็นอย่างดี เพราะเนื้อแท้ในคอนเซ็ปต์ของหนังเรื่องนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการขยี้จุดและปลอมประโลมใจคนขี้แพ้ทั่วไป และแน่นอนว่าทุกๆ คนบนต่างก็ต้องเคยเป็นคนขี้แพ้กันมาทั้งนั้น
ดังนั้นการมาของตัวละครอย่าง ทาเคมิจิ จึงเปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของผู้ชมหลายๆ คน ที่เคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์และภาวะที่ไม่ต่างกัน เพราะเขาเป็นเพียงแค่คนตัวเล็กๆ ธรรมดาๆ ไม่ได้มีพละกำลังใดๆ ที่จะไปเหวี่ยงหมัดต่อสู้ชนะใครได้เลย ด้วยความธรรมดานี่เองจึงทำให้กลายเป็นเสน่ห์ของคาแรกเตอร์นี้ และเป็นตัวแทนในความธรรมดาของมนุษย์ที่จับต้องได้ ดังนั้นการมาของ จึงไม่แปลกใจที่จะเปรี้ยงปัง เพราะมันได้ช่วยเยียวยาในคนธรรมดาๆ ด้วยกันนั่นเอง
โดยสรุปแล้ว ฉบับไลฟ์แอคชั่นของ Tokyo Revengers ก็นับว่าเป็นหนังที่สนุก เพลินได้ดีตลอดเวลา 2 ชั่วโมงของหนัง อาจจะมีเอียนกับการชกต่อยตบตีกันไปบ้าง แต่ก็นับว่าเป็นองค์ประกอบที่หนังไม่สามารถขาดไปได้จริงๆ แม้ว่าโครงการเรื่องของหนังจะขาดๆ เกินๆ ไปอยู่บ้าง แต่ความกระชับในการเล่าเรื่องและจังหวะการถ่ายทอดที่กำลังดีก็ช่วยบิ้วท์อารมณ์ผู้ชมได้ดี และนี่จึงกลายมาเป็นหนังปลอบใจพวกเรา…เหล่าคนขี้แพ้ ที่ให้มีกำลังใจฮึดสู้กันต่อไป