ดูหนัง Thor Ragnarok (2017) ธอร์ ศึกอวสานเทพเจ้า
ธอร์ (รับบทโดย คริส เฮมส์เวิร์ธ) ถูกเนรเทศไปยังสุดขอบจักรวาล กลายเป็นนักโทษโดยปราศจากค้อนคู่ใจ เขาจะต้องหาทางกลับไปยังแอสการ์ดเพื่อหยุดยั้งมหาสงครามที่จะทำลายล้างดินแดนแห่งเทพ และจบสิ้นอารยธรรมแห่งแอสการ์ด ภายใต้เงื้อมมือของวายร้ายคนใหม่ที่ทรงพลังและโหดเหี้ยมที่สุด เฮล่า (รับบทโดย เคท แบลนเชตต์) แต่ก่อนอื่นเขาจะต้องเอาชีวิตรอดจากการต่อสู้แบบฉบับกลาดิเอเตอร์ให้ได้เสียก่อน ซึ่งคู่ต่อสู้ในคราวนี้เป็นถึงหนึ่งในทีมอเวนเจอร์ที่เขาคุ้นเคย…เดอะ ฮัลค์!
อ่านบทความ ดูหนัง Thor ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า
อ่านบทความ ดูหนัง Thor The Dark World ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้าโลกาทมิฬ
อ่านบทความ ดูหนัง Thor Love and Thunder ธอร์ ด้วยรักและอัสนี
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
ไทกา ไวทีที …..นี่เป็นหนังที่ตลกที่สุดในหนังของจักรวาลมาเวล คอมมิค ทั้งหมด ตลกกว่า Grandian of the galexy ทั้งสองภาคซะอีก จนทำให้ผมต้องสงสัยว่านี้มันคือหนังเรื่อง ธอร์ จริงๆ เหรอ… …..กลับมาเป็นภาคที่ 3 ของหนังชุด Thor ซึ่งในภาคนี้ ธอร์ (คริส เฮมเวิร์ส) ต้องสูญเสียค้อนคู่ใจไปหลังจากต่อสู้กับเฮล่า (เคท แบลนเซตต์) ที่ได้มาทำลายนครแอสการ์ดจนหมดสิ้น เเละธอร์ต้องออกเดินทางไปยังสุดขอบจักรวาลเเละได้พบกับ ฮัลค์ (มาร์ค รัฟฟาโร่) หลังจากมีเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งสองต้องต่อสู้กัน เเละทำให้ธอร์ต้องร่วมมือกับโลกิ (ทอม ฮิดเดิลสัน) และวัลครี่ (เทสซา ทอมป์สัน) เพื่อรวมทีมไปต่อสู้ในสงครามเเร็คนาร็อค พร้อมกับกอบกู้นครแอสการ์ดจากศัตรูผู้ชั่วร้ายอย่างเฮล่าให้จงได้ …..สิ่งที่ดีงามของหนังเรื่องนี้ก็คือ ความตลกโปกฮา ที่ใส่เข้ามาตลอดทั้งเรื่อง และมันใส่เข้ามาได้อย่างถูกจังหวะมาก ประกอบไปกับฉากเเอ็คชั่นระดับเทพเจ้าที่ทำออกมาได้มันส์สะใจ ทำให้การดำเนินเรื่องของหนังเรื่องนี้เป็นไปอย่างไหลลื่นและเพลิดเพลินตลอดระยะเวลา 130 นาที ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องจะเดินตามสูตรสำเร็จของทางหนังมาเวลก็ตาม นอกจากนี้ความสัมพันธ์ของตัวละครก็ทำออกมาได้ดี ดูมีมิติ โดยเฉพาะสองพี่น้องบุตรแห่งโอดินอย่างธอร์ กับ โลกิ ที่เคมีเขากันมาก โดยเฉพาะโลกิ ที่ทำตัวเด่นเกินจนสามารถ เเย่งซีนพี่ชายอย่างธอร์ได้อย่างสบาย ส่วนฮัลด์ ถึงจะออกมาไม่เยอะเเต่ก็เด่นไม่ใช่น้อยเเละยังมีมุมที่แอบฮาๆ อีกด้วย เเละวัลคีรี่สาวขี้เมาสุดเเกร่งที่อาจจะเป็นคู่จิ้นกับธอร์ในอนาคตก็ได้ไครจะรู้ ส่วนในด้าน GC ก็ถือว่าทำได้สวยงามและอลังการตามมาตรฐานของหนังมาเวล สำหรับฉากที่น่าจดจำของหนังเรื่องนี้มีหลายฉากนะ ส่วนตัวชอบฉากที่ ธอร์ต่อสู้กับฮัลค์ ดูเเล้วคิดถึง The Avengers ภาคเเรกเลย …..สรุปเป็นหนังของมาเวล คอมมิค อีกเรื่องที่ดูสนุกเพลิดเพลินตลอดทั้งเรื่องเเละตลกมาก สมเเก่การดูในโรงภาพยนตร์เป็นอย่างยิ่ง ดูจบอย่าพึ่งลุกเพรามี end cadit 2 ตัวด้วยครับ beartai จริง ๆ การจะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกสมดั่งที่นักรีวิวเมืองนอก หรือแฟน ๆ เขารู้สึกกัน คือการไม่รู้อะไรก่อนไปดูเลย ไม่ควรรู้ว่าหนังจะมาสายตลก ไม่ควรรุู้ว่าหนังจะมีตัวละครนู้นนี้นั้นมาแจม แล้วไปรอรับสิ่งเหนือความคาดหมายจากหนังแบบเต็ม ๆ ดังนั้นใครอยากรู้สึกว้าวจริง ๆ ควรตรงไปโรงดูเลย อย่าเพิ่งไปอ่านรีวิวหรือสปอยล์ที่ไหนครับ แต่ถ้าใครไม่ได้แฟนพันธุ์สดขนาดนั้น อ่านรีวิวไปก่อนก็ทำให้รู้จักตัวหนังมากขึ้นครับ ไม่ผิดอันใด Thor: Ragnarok หรือในคอมมิคก็คืออีเว้นท์ที่ทำลายล้างเหล่าเทพและแอสการ์ดจนพินาศ กลายเป็นหนังภาคที่ 3 ที่ดำเนินเรื่องโดย ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้าเป็นตัวหลัก ต่อจาก Thor (2011) และ Thor: The Dark World (2013) ที่จบด้วยการที่ตัวร้าย โลกิ ปลอมตัวเป็น โอดิน กษัตริย์แห่งแอสการ์ดโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ และถ้าว่ากันตามไทม์ไลน์ของจักรวาลมาร์เวล หนังภาคนี้ก็เป็นการเดินหน้าต่อจาก Avengers: Age of Ultron (2015) ในส่วนของตัวละครหลักอย่าง ฮัลค์ ที่ขึ้นยานทะยานออกสู่อวกาศหลังอาละวาดจนมนุษย์โลกหวาดกลัวไปพร้อมกันด้วย หนังภาคนี้ว่าด้วย ธอร์ ที่ต้องกลับแอสการ์ดมากู้วิกฤตตามคำทำนายที่ชื่อว่า แร็กนาร็อก ซึ่งจะทำลายแอสการ์ดและเหล่าเทพจนสิ้น โดยภัยที่ว่ามาในรูปของราชินีแห่งความตายนามว่า เฮล่า ซึีงได้รับการปลดปล่อยจากคุมขังกลับมา นอกจากนั้นยังมีภัยข้างกายอย่างโลกิคอยแทงข้างหลังตลอดเวลาอีก ธอร์พลาดท่าถูกทำลายอาวุธประจำกายทั้งยังหลุดหายไปในกาลอวกาศจนไปโผล่ยังดาวซาคาร์ที่เป็นสนามกลาดิเอเตอร์จับเอเลี่ยนมาสู้กัน จนจับพลัดจับผลูต้องมาเผชิญหน้ากับสหายเก่าอย่างฮัลค์ที่ลืมเขาจนหมดสิ้น ธอร์จึงต้องหาทางกลับไปแอสการ์ดให้ทันเวลาก่อนทุกอย่างจะสายไป นั่นคือเท่าที่ตัวอย่างหนังบอกเราครับ ในภาคนี้ผู้กำกับและนักแสดงสายตลกอย่าง ไทก้า ไวทีตีิ ที่เคยมีผลงานผ่านตาเราอย่างสารคดีปลอมเอาฮาว่าด้วยเหล่าปีศาจที่ต้องปรับตัวในยุคปัจจุบันเรื่อง What We Do in the Shadows (2014) ก็ได้รับความไว้วางใจให้มาสานต่อเรื่องราวที่ว่าไปก็คือไตรภาคที่มักเป็นบทสรุปของตัวละครหลักของหนัง ในกรณีนี้คือ ธอร์ ซึ่งเป็นความท้าทายครั้งใหญ่เหมือนกัน เพราะสำหรับแฟนธอร์คงจำได้ว่าหนังธอร์นั้นค่อนข้างอยู่บนพลอตจักร ๆ วงศ์ ๆ ของเหล่าเทพที่แสนเชย พี่ชายน้องชายทะเลาะกันแย่งตำแหน่งว่าที่ราชาพระเอกถูกใส่ร้ายและลงทัณฑ์ให้ไร้พลังตกสู่โลกมนุษย์ และตกหลุมรักสาวมนุษย์ในภาคแรก ก่อนจะมาเพิ่มความดราม่าดุดันด้วยศัตรูที่แกร่งกล้าและทรงพลังขึ้นในภาคสอง แล้วก็มากลายเป็นหนังตลกในภาคสาม!! ว่าตามตรงหนังตระกูลธอร์ที่ผ่านมา ก็เป็นหนังมาร์เวลที่ดูไปให้มันเติมเต็มจักรวาลเท่านั้น มันไม่ได้สนุกที่สุดดีที่สุดแต่อย่างใด การปิดท้ายและลองของโดยโยนบรรยากาศที่คล้ายหนังฮิตอย่าง Guardians of the Galaxy ซึ่งเน้นในทีมหลากสไตล์หลายบุคลิกตัวละครที่แค่ขัดกันเองก็สนุกแล้ว บรรยากาศโลกที่สีสันฉูดฉาดแบบการ์ตูนจัดจ้าน มุกตลกยิงกระจายกันทั้งเรื่อง เพื่อมากู้อารมณ์อันแสนจืดชืดของธอร์ แล้วตัดทิ้งตัวละครฝั่งมนุษย์ที่น่าเบื่อทั้งหลายออกไปจนเหี้ยน (ขอโทษแฟน ๆ ของ นาตาลี พอร์ตแมน นางเอกภาคก่อนหน้ามา ณ ที่นี้) ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ Ragnarok รากฐานของตระกูลหนังธอร์เอามาก ๆ และต้องยอมรับว่าทำได้ค่อนข้างดีด้วย แต่ตรงนี้ก็ต้องบอกไปเลยว่า พอเน้นเอาฮาเอารั่ว ทำให้หนังมันเพี้ยน ๆ ไปเยอะเหมือนกัน ตัวละครทั้งเก่าทั้งใหม่ถูกจับให้ได้ยิงมุกกันถ้วนหน้า จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นคณะเชิญยิ้มกันเลยทีเดียว มันทำให้ความเชื่อในตัวละครที่ถูกสร้าง ๆ มาก่อนหน้าในภาคเก่าถูกทำลายลง มันไม่ค่อยกลมกลืนหรือลื่นไปกันดีนัก ยิ่งบางอย่างที่ภาคก่อนทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจที่โลกิกลายเป็นราชาของแอสการ์ด กลับถูกเอาไปใช้ในภาคนี้อย่างกับแมนดารินในไอออนแมนอย่างไรอย่างนั้น คืออะไรที่ดูจะซีเรียสเกินไปถูกถอดไปแทบหมดเลย และจากบทสัมภาษณ์ผู้กำกับว่ามีการใส่ฉากตลกเข้าไปทำให้จากเดิมหนังยาว 100 นาที กลายเป็น 130 นาทีในปัจจุบัน นั่นเท่ากับแค่มุกเสริมเรื่องอย่างเดียวก็ปาไป 30 นาทีแล้ว นี่น่าจะบอกอะไรได้หลายอย่างทีเดียว คือถ้าเอามาดูต่อกัน 3 ภาค ต้องสงสัยล่ะว่าพวกนี้ไปเมาปุ๊นอวกาศกันตอนไหน ซึ่งในแง่ความบันเทิงมันก็ให้คุ้มค่าตั๋วมาก ๆ ยิ่งมีเซอร์ไพร้สที่เอาตัวละครนู้นนี้ในมาร์เวลทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่มารับเชิญมาแจม ทั้งคนทำก็กล้าเปลี่ยนมู้ดอารมณ์ล้อเลียนตัวเองด้วย (ฉากละครจำลองเหตุการณ์ในภาคก่อนตลกมาก ยิ่งดารารับเชิญมาก็กวนส้นขั้นสุดเช่นกัน) มันยิ่งดูเจ๋งดูคูลสุด ๆ แต่พอมองในแง่ความเป็นหนังธอร์ภาคต่อมันก็ไม่ลงตัวนัก การที่รู้ไปก่อนว่าหนังจะตลกมาก เลยเหมือนเป็นการฆ่าตัวตายพอควร เพราะสร้างความคาดหวังเกินจำเป็นให้คนดู ซึ่งยากที่หนังจะเอาชนะความคาดหวังของคนดูได้ สิ่งที่ดีอื่น ๆ ของหนังเช่นฉากต่อสู้ งานซีจี การแสดงยังคงได้มาตรฐานแบบมาร์เวล คือสนุก โดยเฉพาะเหล่าตัวละครนั้นสร้างสีสันได้มาก และเหล่าตัวละครหญิงอย่าง วัลคิวรี และเฮล่า ก็ถือว่ามีบทบาทสำคัญมากกว่าหนังมาร์เวลเรื่องไหน ๆ น่าจะเป็นการปูทางสู่ยุคฮีโร่หญิงในหนังมาร์เวลเฟสถัดไปที่จะมี กัปตันมาร์เวล เป็นแกนกลางก็เป็นได้ ส่วนด้าน ฮัลค์ กับโลกิ ก็กลายเป็นวายร้ายที่ทั้งน่ารักน่าชังคือเกลียดไม่ลงรักไม่สุดไปได้อย่างมีมิติเช่นกัน ต้องยอมรับเรื่องการสร้างตัวละครของมาร์เวลจริง ๆ สุดท้ายคือ Thor: Ragnarok ถือเป็นสุดยอดของหนังในตระกูลธอร์ที่ภาคอื่นน่าจะเทียบยาก ในแง่ความบันเทิงก็เป็นหนังมาร์เวลที่น่าจะบันเทิงที่สุดในขณะนี้ แต่ถามความน่าจดจำนั้นกลับต้องบอกว่า ไม่ค่อยมีอะไรเหลือให้ตกค้างเท่าไหร่นัก ยังคงเป็นหนังดูเติมเต็มจักรวาลมาร์เวลที่ดูสนุกกว่าเดิมเท่านั้นเองครับ แล้วถามว่าต้องดูมั้ย ต้องดูล่ะถ้าอยากจะตามเรื่องอื่นของมาร์เวลได้แบบไร้รอยต่อน่ะ หนังมีฉากหลังเอนด์เครดิต 2 รอบ ครั้งแรกคือหลังกราฟิกชื่อตัวละครหลักจบลง อันนี้สำคัญต้องดูเลยเพราะส่งบทไป Avengers: Infinity War (2018) และหลังจากนั้นต้องนั่งรอเครดิตยาวจบ ก็จะเป็นฉากที่ 2 อันนี้ออกแนวเน้นฮาไม่ค่อยมีผลกับเรื่องมากเท่าไหร่ครับ นักแสดง
คริส เฮมส์เวิร์ท
ทอม ฮิดเดิลสตัน
เคต แบลนเชตต์
อิดริส เอลบาผู้กำกับ
รีวิวหนัง Thor Ragnarok (2017) ธอร์ ศึกอวสานเทพเจ้าดูหนังออนไลน์