ดูหนัง The Medium (2021) ร่างทรง
เรื่องราวของครอบครัวหนึ่งในภาคอีสานของไทย ที่ได้สืบเชื้อสาย “เทพบาหยัน” มาหลายชั่วอายุคน ซึ่งเชื่อกันว่า จะเลือกแต่ร่างของผู้หญิง เพื่อสืบทอดทายาท โดยมี ‘นิ่ม’ (สวนีย์ อุทุมมา) เป็นผู้สืบทอดสายเลือด คนปัจจุบัน ก่อนที่จะพบว่าเริ่มมีอาการแปลกประหลาดหลายอย่างเกิดขึ้นกับ ‘มิ้ง’ (นริลญา กุลมงคลเพชร) หลานสาวคนเดียวของตระกูล ที่คาดกันว่าน่าจะถูกรับเลือก ให้เป็นทายาท คนต่อไป แต่มิ้งกลับมีอาการน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ จนสมาชิกในครอบครัวเริ่มสงสัยกันว่าสิ่งที่เข้ามาอยู่ในร่างของมิ้งอาจจะไม่ใช่เทพบาหยันอย่างที่ทุกคนคิด นางน้อย (ศิราณี ญาณกิตติกานต์) แม่ของมิ้ง เป็นคนเดียวในครอบครัวที่ไม่เชื่อว่ามิ้งจะถูกผีร้ายเข้าสิง จึงเร่งให้มีการทำพิธีกรรมรับขันธ์ให้มิ้งเป็น คนต่อไป แต่ป้านิ่มไม่ยอมทำพิธีกรรมให้เพราะเชื่อว่าที่อยู่ในร่างมิ้งไม่ใช่ย่าบาหยัน แต่นางน้อยไม่ยอมจึงนำมิ้งไปทำพิธีกรรมกับหมอผีอื่นตามลำพัง ป้านิ่มตามไปทำลายพิธีกรรมนั้นลงจนมิ้งเกิดอาการคลั่งและเตลิดเปิดเปิงไป เมื่อเป็นเช่นนั้นป้านิ่มจึงถามกับ ลุงมานิต (ยะสะกะ ไชยสร) ว่ามิ้งเคยผิดผีกับ แม็กซ์ พี่ชายของตัวเองหรือไม่ แม้ลุงมานิตไม่ยอมตอบ แต่หลังจากวันนั้นกิจการทุก ๆ อย่างของตระกูลยะสันเทียะ เริ่มพังทลายลงทีละน้อย เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มเลวร้ายลง ความลับอันดำมืดของตระกูลก็เริ่มผุดขึ้นมาทีละน้อย สมัยก่อนตระกูลยะสันเทียะเคยรับจ้างฆ่าคนไม่เว้นวัน แม้เลิกราไปนานจนถึงยุคปัจจุบัน คนในตระกูลก็ยังประกอบอาชีพฆ่าสัตว์ ฆ่าหมา ฆ่าวัว ฆ่าควาย เพื่อเอามาชำแหละเนื้อขาย ซึ่งผิดกันกับตระกูลฝ่ายหญิงที่ทำอาชีพ ถือศีล ประพฤติตนตามหลักศาสนา ด้วยความลับนี้จึงทำให้ป้านิ่มเชื่อมั่นว่า สิ่งที่อยู่ในร่างมิ้ง ต้องเป็นหนึ่งในเจ้ากรรมนายเวรพวกนี้แน่ จึงเร่งพยายามอัญเชิญย่าบาหยันให้มาทำพิธีไล่ผีและขอขมาเจ้ากรรมนายเวรให้ปลดปล่อยครอบครัวไป แต่ทุกอย่างก็สายเมื่ออยู่ดี ๆ ป้านิ่มก็เสียชีวิตลงจนทำให้ทุกคนเริ่มหมดหวัง
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
นริลญา กุลมงคลเพชร

สวนีย์ อุทุมมา

ศิราณี ญาณกิตติกานต์

ผู้กำกับ : บรรจง ปิสัญธนะกูล
รีวิว The Medium (2021) ร่างทรง
entertainment
มันเป็นอะไรที่เข้าถึงความรู้สึกง่ายมากเพราะตัวเราเองทางบ้านเก่าก็อยู่ทางอีสานเหมือนกันค่ะ แล้วก็เคยเห็นเรื่องราวหรือพิธีกรรมตลอดจนความเชื่อต่างๆซึ่งตัวเราเองก็ไม่เคยลบหลู่และคิดว่าเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมากๆ รวมไปถึงบรรยากาศของหนังที่มันจะค่อยๆน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ และอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจมากๆเลยก็คือเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของพิธีกรรมต่างๆ ที่ได้เห็นในหนังเรื่องนี้แม้ว่าจะมีหลายฉากหลายพิธีกรรมที่เห็นกันไม่ว่าจะเป็นการทรงเจ้า กราบไหว้บูชา หรือใช้สัตว์มาประกอบพิธีกรรมอีกด้วยซึ่งมันเป็นการนำเสนอที่ไม่ค่อยได้เห็นจากหนังเรื่องอื่นมากสักเท่าไหร่ และอีกอย่างหนึ่งที่ชอบมากก็คือการเก็บรายละเอียดไม่ว่าจะเป็นโทนสีของหนัง หรือรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่ามันทำให้น่ากลัวมากขึ้น รวมไปถึงฉากที่ต้องมีความหลอนซึ่งก็จัดทำขึ้นไม่หวือหวาแต่เป็นค่อยๆโผล่ออกมาแบบทำให้เรานิ่งและอินได้เราว่ามันเป็นอะไรที่น่าค้นหาและรู้สึกได้ว่ามีเสน่ห์ในแนวหนังหลอนๆเลยก็ว่าได้ ซึ่งตัวเราเองชอบมากนะถึงแม้ว่าจะแอบมีปิดตาดูไปบ้างแต่คุ้มค่ากับการดูจริงๆ ต้องบอกเลยว่าสำหรับเราแล้วสุดยอดนะเรื่องนี้ ดูไปแล้วเหมือนจะหยุดหายใจเป็นระยะๆเพราะว่ากลัวค่ะ กลัวจริงบอกเลยค่ะ สำหรับใครที่ชอบหนังแนวนี้เราว่าเรื่องนี้คุณต้องดูนะ ห้ามพลาดเลย
Hollywood GossipGun
สิ้นสุดการรอคอยเสียที สำหรับแฟนหนังชาวไทย ที่รอคอยผลงานล่าสุดจากค่าย GDH อย่าง หรือ The Medium มานานมาก ด้วยความที่เป็นหนังร่วมทุนสร้างไทยเกาหลี ทางค่าย Showbox จึงวางโปรแกรมฉายในเกาหลีใต้ไปตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และก็สร้างกระแสความสยองได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการเปิดตัวอันดับ 1 ที่นั่น บางรีวิวบอกว่ามันหลอนมากถึงขั้นแทบอยากจะลุกออกจากโรงกันเลยทีเดียว ยิ่งบิลด์กระแสความอยากดูให้กับคอหนังชาวไทยสุดๆ ความน่าสนใจของ นอกจากจะร่วมทุนสร้างระหว่างสองประเทศแล้ว ยังเป็นการร่วมงานกันของสองตัวพ่อของหนังผีจากสองฝั่งอีกด้วย เพราะนี่คือผลงานกำกับเรื่องล่าสุดของ “โต้ง บรรจง” เจ้าของผลงานหนังผีระดับตำนานอย่าง ชัตเตอร์ กดตติดวิญญาณ และพี่มากพระโขนง (ก็หนังผีนะ) ที่ได้มาเจอกับโปรดิวเซอร์มือทองของเกาหลีอย่าง นาฮงจิน ที่เคยกำกับหนังผีโคตรหลอนอย่าง The Wailing มาแล้ว
.
ร่างทรง เปิดเรื่องด้วยการพาผู้ชมไปเกาะติดชีวิตของ “นิ่ม” หญิงวัยกลางคนที่ภายนอกอาจดูเหมือนหญิงจากภาคอีสานทั่วไป แต่จริงๆแล้วเธอคือ ของย่าบาหยัน ที่สืบทอดกันมาในตระกูล เธอทำหน้าที่คอยช่วยเหลือชาวบ้านที่ป่วยหรือมีอาการผิดปกติจากสิ่งลี้ลับ และเหยื่อล่าสุดของสิ่งลึกลับไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “มิ้ง” หลานสาวของเธอเอง มิ้งเริ่มมีอาการผิดปกติ สภาพภายนอกดูโทรม จิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย ตอนแรกครอบครัวคิดว่าอาการของมิ้ง เหมือนจะเป็นการสืบทอดตำแหน่ง ย่าบาหยัน แต่กลับไม่ใช่ สิ่งที่อยู่ในร่างมิ้ง คือสิ่งลี้ลับที่ทั้งน่ากลัวและอันตรายมากกว่านั้น นิ่มจึงพยายามทำทุกทางเพื่อช่วยเหลืิอหลานสาว และเอาชีวิตของหลานกลับคืนมา !
.
สิ่งที่แตกต่างสำหรับ อย่างชัดเจน คือการเล่าแบบกึ่งสารคดี นี่คือหนังสยองขวัญที่ถูกครอบด้วยสไตล์แบบสารคดีปลอมๆ มีตากล้องตามถ่ายตัวละครอย่าง นิ่มและมิ้ง พร้อมด้วยครอบครัว และตากล้องเปรียบเสมือนหนึ่งในตัวละครที่น่าเหตุการณ์ต่างๆไปด้วย มีการขึ้นข้อความกลางจอเพื่อช่วยเล่าเหตุการณ์คล้ายกับเรากำลังดูสารคดี หรือภาพฟุตเทจต่างๆ ด้วยวิธีการแบบนี้ อาจจะไม่ใหม่นักสำหรับหนังต่างประเทศ แต่ในแง่หนังไทยก็ไม่ได้เห็นบ่อยนัก ดูจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับ และเพิ่มความสมจริงให้กับหนังได้อย่างดี รวมถึงการแคสนักแสดงที่ค่อนข้างโนเนม มารับบทหลักๆ เพื่อให้คนดูไม่ติดภาพเดิมๆ ยิ่งช่วยให้ความเป็นสารคดีปลอมๆนี้ ดูสมจริงขึ้นมาได้
.
ด้วยความเป็นกึ่งสารคดีนี้เอง เพิ่มทั้งความสยองและความแตกต่างให้กับ ได้อย่างดีเยี่ยม ในครึ่งแรกนั้น ใช้เวลาราว 1 ชม.ในการปูเรื่องราว แนะนำตัวละคร ทำให้ผู้ชมเห็นภาพรวมของเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งเมื่อผ่านช่วงเวลานี้ไปแล้ว รับประกันความคุ้มค่าในการรอคอยอย่างแน่นอน เพราะ จะถูกปรับโหมดเข้าสู่หนังสยองขวัญอย่างเต็มตัว ซึ่งทั้งเฮี้ยนและจัดเต็มมากๆ ในครึ่งหลังมีหลายต่อหลายฉากที่จะช็อกคนดูแบบไม่หยุด ช็อกทั้งงานภาพที่โหดแบบจัดหนัก ช็อกทั้งเส้นเรื่องที่ไปไกลกว่าที่ผู้ชมคิดคาด และด้วยการเล่าเรื่องกึ่งสารคดี ภาพต่างๆเป็นกึ่งแอบถ่าย ยิ่งเพิ่มความสยอง ความอยากรู้อยากเห็นเข้าไปใหญ่ ยิ่งถ้าดูในโรงภาพยนตร์ ในบรรยากาศมืดๆ สุดหลอน ครึ่งหลังของ ร่างทรง คือความเฮี้ยนแบบขั้นสุด น่าจะเป็นหนังผีไทยที่สยองสุดในรอบหลายปีเลยก็ว่าได้ (และสำหรับ GDH เอง นี่คือหนังผีที่น่ากลัวสุดนับตั้งแต่ ลัดดาแลนด์)
.