ดูหนัง The Gentlemen (2020) สุภาพบุรุษมาหากัญ
เรื่องราวเริ่มตินเมื่อเจ้าพ่อกัญชาผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดแห่งเกาะอังกฤษอย่าง มิคกี้ เพียร์สัน (แมทธิว แม็คคอนาเฮย์) ตัดสินใจวางมือจากวงการ เขาจึงตกกลายเป็นชนวนสำคัญที่นำไปสู่ความขัดแย้งหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างแก๊งค์มาเฟีย องค์กรยาเสพติด สำนักข่าว และเหล่าชนชั้นสูงของอังกฤษ ที่ล้วนแต่มีเป้าหมายในการครอบครองอาณาจักรกัญชาของเขาไว้ในมือตัวเอง เมื่อพวกเขาโคจรมาพบกันจึงเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความวายป่วงที่กำลังจะเกิดขึ้น Michael “Mickey” Pearson เกิดในอเมริกาและยากจนเขา ได้รับทุน Rhodes Scholarship เพื่อไปเรียน ต่อที่Oxford โดยเริ่มต้นจากการขาย กัญชาก่อนจะออกจากโรงเรียนและกลายเป็นเจ้าพ่อยาเสพติด สร้างอาณาจักรอาชญากรด้วยเลือดและปลูกกัญชาในห้องทดลองภายใต้การดูแลของเจ้าของที่ดินชนชั้นสูงที่ต้องการเงินสดเพื่อดูแลบ้านอันโอ่อ่า ของพวกเขา หนึ่งในเจ้าของที่ดินดังกล่าวคือ Lord Pressfield ดยุคผู้ซึ่งลอร่า ลูกสาวที่ติดเฮโรอีน อาศัยอยู่ในที่ดินของสภาร่วมกับผู้ติดยาคนอื่นๆ หลายปีต่อมา เมื่อเผชิญหน้ากับการที่อังกฤษอนุญาตให้ใช้กัญชาได้ เพียร์สันจึงวางแผนที่จะทำให้ธุรกิจของเขากลายเป็นธุรกิจยาเสพติดที่ถูกกฎหมายโดยการขายให้กับคนที่ไม่มีเลือดติดมือเลย และเกษียณอย่างสงบสุขกับ Rosalind ภรรยาของเขา ผู้ที่เพียร์สันเลือกคือมหาเศรษฐีชาวอเมริกัน Matthew Berger และเขามีค่าตัว 400 ล้านปอนด์
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Matthew McConaughey แมตทิว แมกคอนาเฮย์

Charlie Hunnam

Henry Golding

ผู้กำกับ : Guy Ritchie
รีวิว The Gentlemen (2020) สุภาพบุรุษมาหากัญ
entertainment
สำหรับซีรีส์เรื่องนี้บอกเลยว่าผมตั้งตารอมานานมากๆ เพราะส่วนตัวผมชอบผลงานของผู้กำกับ Guy Ritchie เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และ The Gentlemen ฉบับหนังก็เป็นหนึ่งในผลงานของ Ritchie ที่ผมชื่นชอบด้วย โดยหลังจากได้ดูซีรีส์เรื่องนี้จนจบผมก็รู้สึกเลยว่าไม่ผิดหวังจริงๆ ที่รอ เพราะซีรีส์มันสนุกและดูเพลินมากๆ ดูแบบรวดเดียวยิงยาว 8 ตอนจบเลย มันยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายและสไตล์อันจัดจ้านตามแบบฉบับของ Ritchie เรื่องราวที่ดูซีเรียสจริงจังแต่ตัดสลับกับความตลกร้ายและสถานการณ์แบบวายป่วงสุดโบ๊ะบ๊ะซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งฉบับซีรีส์นี้มันมีความสนุกในแบบที่ต่างจากในหนังอยู่พอสมควรเพราะฉบับหนังจังหวะการเล่ามันจะเป็นอีกแบบ มันจะเป็นเพียงสถานการณ์เล็กๆ สถานการณ์หนึ่งที่บานปลายออกไปเรื่อยๆ เล่าผ่านตัวละครหลายตัว และทุกอย่างก็จะจบลงภายในเวลา 2 ชั่วโมง
แต่ในฉบับซีรีส์นี้มันจะมีความละเอียดลึกลงไปมากกว่านั้นเพราะมีเวลาให้เล่าเยอะกว่า แบ่งเล่าได้มากถึง 8 ตอน ทำให้มีเวลาให้เราได้ไปเจาะลึกถึงมิติอื่นๆ ของตัวละคร ได้เห็นพัฒนาการของตัวละครหลักจากตอนแรกไปถึงตอนท้ายที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่มีเหมือนกันเลยคือทุกอย่างมันเริ่มจากเหตุการณ์เล็กๆ ที่บานปลายไปเรื่อยๆ เริ่มจากพระเอกได้มรดก และก็มารู้ว่าพี่ติดหนี้ พยายามช่วย พี่ก็ดันพาซวยสร้างเรื่องเพิ่ม คือสถานการณ์นี้มันก็ตามเช็ดตามล้างกันไปเรื่อยๆ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็สร้างเป้าหมายใหม่ขึ้นมาด้วย นั่นคือเป้าหมายของตัวละครพระเอกที่พยายามจะถอนตัวออกจากวงการ ซึ่งเป้าหมายนี้เองเนี่ยแหละที่ทำให้น่าติดตามและทำให้เราอยากลุ้นต่อไปว่าพระเอกจะทำยังไงเพื่อให้หลุดออกมาได้ ติดตามไปเรื่อยๆ และได้เห็นเขาถลำลึกเข้าไปเรื่อยๆ บทเขียนมาได้ค่อนข้างดีเลย ตอนจบช่วงท้ายก็ทำออกมาได้ดีมาก สนุกแบบดูจบได้รวดเดียวไม่ค้างคา แต่นอกจากบทจะดีแล้ว การดำเนินเรื่องของเขาก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน เล่าเรื่องได้ดีมาก มันสมูทลื่นไหลและดูเพลินไปหมด
สิ่งที่ผมชอบมากๆ ของซีรีส์เรื่องนี้นั้นก็คือความทีเล่นทีจริงของมัน ความตลกร้ายที่เอาความเป็นความตายมาทำให้เป็นเรื่องตลกได้ มันมีซีนที่เราดูแล้วมันตลก แต่หากให้เราไปเจอสถานการณ์แบบนั้นด้วยตัวเองเราก็คงตลกไม่ออก ถึงจะตลกแต่เวลาจะโหดก็ไปสุดทางเหมือนกัน ฆ่ากันเป็นผักเป็นปลาเลย ยกตัวอย่างง่ายๆ เลยคือฉากตอนต้นเรื่องที่เฟรดดี้โดนบังคับใส่ชุดไก่ ซีนนั้นนี่ในฐานะคนดูมันตลกนะ แต่ถ้าให้เจอกับตัวผมเชื่อเลยว่าไม่มีใครตลกออกหรอก ซึ่งซีรีส์เขาใส่อะไรแบบนี้มาเยอะมากๆ ทว่ายังไม่หมดเท่านั้น เพราะส่วนอื่นๆ ที่เหลือก็ดีงามมากๆ ไม่แพ้กัน งานภาพทำออกมาได้ดี ถมุกล้องดีถ่ายสวยทุกซีน การตัดต่อก็ดี เสื้อผ้าหน้าผมตัวละครก็เป๊ะ งานโปรดักชั่นต่างก็จัดเต็ม ส่วนสุดท้ายที่จะพูดถึงคือการแสดง ส่วนนี้นี่ไร้ที่ติจริงๆ Theo James ผู้รับบทเป็นพระเอกของเรื่องแสดงดีมาก เอาคนดูอยู่สุดๆ ทั้งหล่อทั้งเท่ในเวลาเดียวกัน มีทั้งความดุดันดิบเถื่อนและความเป็นผู้ดีในคนๆ เดียวกัน คนอื่นๆ ที่เหลือก็แสดงดีกันทุกคน แคสต์นักแสดงมาดีมาก ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้ไร้ที่ติ สรุปโดยรวมเลยก็คือ ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์มาเฟียอีกเรื่องที่สนุกดูเพลินมากๆ อยากให้ทุกคนไปลองดูกัน และหากคุณเป็นคนที่ชอบผลงานของ Guy Ritchie เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผมรับประกันได้เลยว่าคุณก็จะชอบซีรีส์เรื่องนี้อย่างแน่นอน