ดูหนัง The Call (2020) สายตรงต่ออดีต
โทรศัพท์ปริศนาเปิดโอกาสให้ฆาตกรต่อเนื่องสนทนากับหญิงสาวที่อยู่บ้านหลังเดียวกันในอีก 20 ปีข้างหน้าเพื่อใช้ชีวิตและอดีตของเธอเป็นสิ่งต่อรองในการเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเอง ในปี 2019 คิมซอยอน วัย 28 ปี ไปเยี่ยมอึนแอ แม่ที่ป่วยและห่างเหินกัน ในพื้นที่ชนบท เมื่อเธอมาถึงบ้านเก่าๆ ในวัยเด็ก เธอพบโทรศัพท์ไร้สายอายุหลายสิบปี และรับสายจากผู้หญิงที่กำลังทุกข์ใจซึ่งบอกว่าเธอถูกแม่ทรมาน หลังจากตรวจสอบบ้าน เธอจึงรู้ว่าผู้หญิงที่รับสาย โอ ยองซุก อาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกันแต่ในปี 1999 ทั้งสองสามารถติดต่อสื่อสารข้ามเวลาได้ผ่านโทรศัพท์ และทำความรู้จักกัน ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่กับแม่ของพวกเขา ยองซุกเป็นเด็กกำพร้าและอาศัยอยู่กับแม่บุญธรรมของเธอ ซึ่งเป็นผู้หญิงที่เข้มงวด ชอบสั่งสอนผู้อื่น และเป็นหมอผี ส่วนซอยอนซึ่งพ่อเสียชีวิตในปี 1999 โทษแม่ของเธอที่เป็นต้นเหตุของเพลิงไหม้ที่คร่าชีวิตเขาไป ยองซุกใช้ข้อมูลจากซอยอนเพื่อแอบหนีออกไปเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเพลิงไหม้ที่คร่าชีวิตพ่อของซอยอน เธอประสบความสำเร็จ และความเป็นจริงของซอยอนก็เปลี่ยนไป พ่อแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่และมีสุขภาพแข็งแรง และบ้านของพวกเขาก็หรูหรา อย่างไรก็ตาม ยองซุกถูกแม่ลงโทษเพราะไม่เชื่อฟัง และรู้สึกขุ่นเคืองที่ชีวิตของซอยอนดีขึ้น ในขณะที่ชีวิตของเธอกลับน่าสังเวชยิ่งขึ้น
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Park Shin hye พัก ชิน ฮเย

Jeon Jong-seo

Kim Sung-ryung

ผู้กำกับ : ลี จุง-ฮยอน
รีวิว The Call (2020) สายตรงต่ออดีต
entertainment
เมื่อแรกเริ่มที่หนังเกาหลีมาบุกตลาดบ้านเราผ่านทางค่าย “นนทนันนท์เอนเตอร์เทนเม้นท์” ในตำนาน สิ่งที่ยังมองเห็นในงานจากเกาหลียุคบุกเบิกคือกลิ่นอายของงานทางญี่ปุ่นในเรื่องของพล็อต สไตล์และบท ในขณะเดียวกันก็ยังมีความบันเทิงฉาบฉวยจากทางฮ่องกงที่มีอิทธิพลในตลาดหนังเอเชียอยู่ แต่พอนานเข้าเริ่มเห็นพัฒนาการงานจากเกาหลีที่ไปไกลกว่าทั้งญี่ปุ่นและฮ่องกง ทางญี่ปุ่นนั้นยังไงก็ยังมีความเป็นญี่ปุ่นไม่เสื่อมคลายด้วยเอกลักษณ์ที่มีที่ผ่านมากี่ปีก็ยังคงมีความเยี่ยมในตัวตามแบบฉบับ สำหรับทางฮ่องกงซึ่งปัจจุบันรวมกับจีนเข้าไปด้วยก็เห็นพัฒนาการในทางที่ดีเพราะหนังจากฮ่องกงหรือจีนเริ่มที่จะมีบทภาพยนตร์ที่ดีเป็นตัวนำจึงได้สัมผัสงานที่มีความละมุนลุ่มลึกขึ้น แต่ที่เป็นตลกร้ายคือระยะหลังคืองานจากทางฮ่องกงหรือจีนชักจะมีกลิ่นเกาหลีเข้ามาปน หนำซ้ำบางเรื่องถ้าลองเปลี่ยนเป็นเสียงเกาหลีก็คงเข้าใจผิดกันได้เข้าไปเสียนั่น
กลับกันงานจากทางเกาหลีที่เริ่มเป็นอินเตอร์มากขึ้นหลากหลายขึ้นแต่ก็ยังไม่ทิ้งเอกลักษณ์เรื่องความพลิกผันยากจะคาดเดา จนกระทั่งงานจากเกาหลีได้มีบทบาทในเวทีโลกและพิสูจน์ว่างานด้านบทภาพยนตร์นั้นมีความสำคัญเพียงใด ที่ร่ายยาวมาขนาดดูไปบ่นไปกำลังจะสื่อว่างานหนังสไตล์เกาหลีเริ่มมีความดูง่ายขึ้นผิดจากเมื่อก่อนที่มักจะต้องดูการปูเรื่องที่แน่นแต่นานจนหมดความอดทน แต่หลังๆมาการพัฒนาที่ว่าทำให้หนังเกาหลีบางเรื่องมีความแข็งแรงทางด้านบทแล้วเดินเรื่องตามนั้นอย่างเคร่งครัด ประกอบกับสไตล์และการแสดงที่มาตรฐานสูงจึงได้สัมผัสงานที่ตรึงอารมณ์ได้ตั้งแต่แรกเริ่ม เช่นเดียวกับหนังเรื่องนี้ที่ความจริงพล็อตแบบนี้มีให้เห็นกันบ่อยแต่รายละเอียดข้างในและชั้นเชิงการเล่าเรื่องที่เรียกว่า “เหนือชั้น” ทำให้หนังเป็นความระทึกแทบทุกนาที
beartai
เดิมหนังเรื่องนี้มีกำหนดฉายในเกาหลีในช่วงปีนี้หลังจากถ่ายทำเสร็จสิ้นไปตั้งแต่เมื่อปีก่อน ทว่าด้วยสถานการณ์โควิด-19 ในเกาหลีที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้ในที่สุดชาวเน็ตฟลิกซ์ทั่วโลกจึงโชคดีที่จะได้รับชมพร้อมกันแบบเวิลด์พรีเมียร์แทนไปเลย ทั้งนี้ที่ว่าเป็นความโชคดีโดยส่วนตัวแล้วนั่นก็เพราะว่า ตัวหนังมีข้อเด่นสำคัญถึง 3 ประการที่ทำให้ส่วนตัวผู้รีวิวนั้นอยากดูมากกกก
1 หนังเป็นการมารับแสดงหนังเรื่องที่ 2 ของดาราสาวหน้าใหม่อย่าง จอนจงซอ ที่ถ้าใครจำได้ เธอคือหญิงสาวอาร์ตตัวแม่ที่เป็นตัวแปรของทุกอย่างในหนังโชว์เมืองคานส์ของผู้กำกับชั้นครูอย่าง อีชางดง ในหนังดัดแปลงจากเรื่องสั้นของ ฮารูกิ มูราคามิ อย่าง Burning (2018) คือใครได้ดูเรื่องนั้นมาคงต้องติดตรึงใจกับการแสดงครั้งแรกของเธอ ที่สมจริงมีอินเนอร์และเสน่ห์อย่างประหลาด
และอาจเพราะดราม่าที่เธอทำท่าทีรังเกียจและหนีนักข่าวในปีเดียวกัน ทำให้ข่าวคราวของเธอแทบหายไปจากวงการเลย ทั้งที่เธอเป็นดาราหน้าใหม่ที่น่าจับตามองมากที่สุดในวงการหนังคุณภาพเกาหลีในตอนนั้นทีเดียว การกลับมาในหนัง The Call จึงเป็นความสาแก่ใจส่วนหนึ่ง ยิ่งบทบาทของเธอเป็นสาวที่จิตผิดปกติ มีทั้งด้านอ่อนแอราวกับแก้วที่พร้อมแตกสลาย และด้านที่ขมุกขมัวราวกับควันไฟสีดำที่แผดเผาได้ทุกสิ่งอย่างยากเดาทิศทาง มันจึงเป็นบทบาทที่เปิดพื้นที่ปล่อยของให้เธอโชว์นาฏกรรมการแสดงได้มันสุดติ่ง และต้องบอกว่าใบหน้าหลอน ๆ ของเธอจะสะกดเราไปได้อีกนานเลย
2 บทร้ายที่น่ายำเกรงย่อมมาพร้อมกับตัวเอกที่น่าเอาใจช่วย ทว่าหนังแนวธริลเลอร์เขย่าขวัญหลาย ๆ เรื่องมักตายน้ำตื้นโดยการสร้างตัวละครนำที่ไม่น่าสนใจ ส่วนใหญ่ก็มักมาพร้อมความสติแตก อ่อนแอ ทำตัวโง่ ๆ จนเราไม่อยากเอาสายตาตัวเองลงไปแทนตัวละครในสถานการณ์นั้น ๆ เลย ทว่าสำหรับการแสดงของ พักชินฮเย ที่เราคุ้นหน้าจากซีรีส์ดังอย่าง Stairway to Heaven หรือ Memories of the Alhambra จนมาถึงหนังเน็ตฟลิกซ์เรื่องล่าสุดอย่าง #Alive ก็ตามที ต้องยอมรับว่าบทก็ส่วนหนึ่ง แต่การถ่ายทอดของเธอก็เสริมให้มิติเชิงลึกของบทนางเอกนั้นน่าติดตามมากขึ้น