ดูหนัง Thanksgiving (2023) คืนเดือดเชือดขาช็อป
เรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องที่มีชื่อว่า จอห์น คาร์เวอร์ ที่ออกล่าเหยื่อในเมืองพลีมัท รัฐแมสซาชูเซตส์ หลังจากเกิดเหตุการณ์จลาจลขึ้นในเทศกาลแบล็คฟรายเดย์จนมีประชาชนในเมืองเสียชีวิต คาร์เวอร์ จึงต้องออกมาลงทัณฑ์และยํ้าเตือนถึงความชั่วร้ายที่ชาวเมืองได้ทำลงไป ในวันขอบคุณพระเจ้าที่เมืองพลีมัธ รัฐแมสซาชูเซตส์ ฝูงชนรวมตัวกันหน้าร้านค้าขนาดใหญ่ในท้องถิ่น RightMart เพื่อเตรียมการลดราคาในวันแบล็กฟรายเดย์ เจสสิกา ไรท์ ซึ่งพ่อของโทมัสเป็นเจ้าของร้าน ปล่อยให้เพื่อนของเธอ แกบี้ บ็อบบี้ อีวาน สคูบา และยูเลีย เข้าไปในร้านก่อนเวลา ฝูงชนสังเกตเห็นพวกเขาและรีบวิ่งเข้าไปในร้านด้วยความตื่นตระหนก ในความโกลาหลที่เกิดขึ้น อแมนดา คอลลินส์ ภรรยาของมิตช์ ผู้จัดการของ RightMart เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และลูกค้าคนหนึ่ง เสียชีวิตในขณะที่บ็อบบี้แขนหักในจลาจลและต้องย้ายออกไป
ในวันขอบคุณพระเจ้าที่เมืองพลีมัธ รัฐแมสซาชูเซตส์ ฝูงชนรวมตัวกันหน้าร้านค้าขนาดใหญ่ในท้องถิ่น RightMart เพื่อเตรียมการลดราคาในวันแบล็กฟรายเดย์ เจสสิกา ไรท์ ซึ่งพ่อของเธอเป็นเจ้าของร้านชื่อโธมัส ได้ให้บ็อบบี้ แฟนหนุ่มของเธอ เพื่อนของเธอคือ แกบี้ อีวาน สคูบา และยูเลีย เข้าไปในร้านก่อนเวลา ฝูงชนสังเกตเห็นพวกเขาและรีบวิ่งเข้าไปในร้านด้วยความตื่นตระหนก ในความโกลาหลที่เกิดขึ้น อแมนดา คอลลินส์ (ภรรยาของมิตช์ ผู้จัดการของ RightMart) เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และลูกค้าคนหนึ่งถูกสังหาร และบ็อบบี้ได้รับบาดเจ็บที่แขน ต่อมาบ็อบบี้จึงย้ายออกจากพลีมัธ ในปีถัดมา RightMart เริ่มเตรียมการสำหรับการลดราคาในวันแบล็กฟรายเดย์อีกครั้ง เมื่อบ็อบบี้กลับมาที่พลีมัธ พนักงานเสิร์ฟชื่อลิซซี่ถูกฆ่าโดยบุคคลที่สวมหน้ากากจอห์น คาร์เวอร์ การที่ลิซซี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ RightMart ทำให้ตำรวจเชื่อว่าผู้ที่เกี่ยวข้องกำลังตกเป็นเป้าหมาย
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Patrick Dempsey แพทริก เดมป์ซีย์

Addison Rae

Milo Manheim

ผู้กำกับ : Eli Roth
รีวิว Thanksgiving (2023) คืนเดือดเชือดขาช็อป
entertainment
ว่าด้วยเรื่องราวของหนึ่งปีถัดมาหลังเหตุการณ์นองเลือดในวันขอบคุณพระเจ้าที่ห้างสรรพสินค้าที่พรากชีวิตคนบริสุทธิ์ไปมาก ญาติของเหยื่อบริสุทธิ์จึงออกโรงล้างแค้นกับผู้คนที่ลอยตัวเหนือความผิดและไม่เห็นหัวแก่ความตายจากเหตุการณ์เอาคืนอย่างสาสม
ความรู้สึกหลังจากดูจบต้องบอกเลยว่าเป็นหนังไล่เชือดที่เกินความคาดหมายและหวังดีกว่าที่คิดไปมาก ๆ เลย เริ่มตั้งแต่การเปิดเรื่องที่เซ็ตติ้งเรื่องราวเหตุการณ์นองเลือดในวันขอบคุณพระเจ้าได้น่าสนใจและเป็นมิติที่ค่อนข้างใหม่ที่ไม่ได้เลือกเล่าฆาตกรเปิดฉากไล่เชือดเหยื่อแต่เป็นการให้เราเข้าใจถึงวันเกิดเหตุซึ่งเป็นแรงจูงใจในการกระทำของฆาตกรตลอดทั้งเรื่องซึ่งบทตรงนี้มันทำให้ภาพรวมหนังหลังช่วงเปิดตัวไปน่าสนใจสะท้อนถึงสังคมยุคปัจจุบันที่หิวโหยความดังจากโลกโซเชียล และความเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้งที่เข้าเคล้ากัดแซะได้แสบดีตามสไตล์หนังสยองยุคนี้ที่ต้องมีองค์ประกอบที่ว่าเข้ามาเสริม
ฉากไล่ฆ่าคือสร้างสรรค์มาก ๆ ไม่ปฏิเสธที่ฉากเหล่านี้เราอาจเคยเห็นมาหลายนักต่อนักจากหนังไล่เชือดฟีลประมาณนี้แต่ ทำให้เราแปลกใจในความไม่ใหม่ของฉากไล่ฆ่าแต่ยังพาให้เราลุ้นและหวาดเสียวตามได้อย่างดีด้วยจังหวะที่บิ้วอัพอารมณ์ได้กดดันและการหมุนกล้องหลอกสายตาก่อนจะโจมตีทั้งตัวละครและคนดูได้ดีแม้จะจับทางได้บ้างไม่ได้บ้างแต่การผสมผสานอะไรที่เคยเห็นกับบางอย่างที่ใหม่ไปคลุกเคล้าออกมาการไล่เชือดของหนังครั้งนี้จึงจัดว่าบันเทิงมาก ๆ เหมือนไม่ได้ดูหนังไล่เชือดที่เครื่องติดไวไม่อืดอาดสนุกในมากว่าหลายปี
ตัวบททำให้เราไหลเพลินไม่ตั้งคำถามเรื่องราวกับตัวการกระทำของมันมากนัก (แม้จะมีบ้างแต่ถ้าเทียบในหนังประเภทนี้เรื่องนี้คือน้อยมาก ๆ ) และชวนให้ลุ้นถึงตัวแปรว่าใครที่จะเป็นฆาตกรได้คล้ายกับการตามหาฆาตกรตัวจริงใน Scream ไม่มีผิด และมีเหตุมีผลกับการกระทำได้อย่างแยบยลพอถึงจุดหักมุมแม้ไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่ก็ยังสามารถอารมณ์ร่วมความรู้สึกคนดูได้อะไรกลับไปหลังดูจบในแง่ความรู้สึกกลับไปได้ดี