ดูหนัง Suffocating Love (2024)
ชายหนุ่มฝันอยากได้อิสระ เพราะรู้สึกอึดอัดที่ถูกแฟนสาวควบคุมอยู่ตลอดเวลา แต่กลับต้องเจอเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว เมื่อสิ่งที่ฝันไว้กลายเป็นจริงชายคนหนึ่งเชื่อว่าเขาได้พบกับรักแท้ในชีวิตแล้วเมื่อเขาได้พบกับหญิงสาวที่ดูเหมือนจะเป็นผู้หญิงประเภทที่ใช่ อย่างไรก็ตาม เมื่อบุคลิกที่แสนน่ากลัวและชอบควบคุมผู้อื่นของเธอปรากฎขึ้นในที่สุด เขาจึงตัดสินใจเลือกอย่างสิ้นหวัง
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง
Po-Hung Lin
Chloe Xiang / โคลอี เซียง
ผู้กำกับ หมิงอีเหลียว
รีวิวหนัง Suffocating Love (2024)
4 / 10
เทคนิคสุดทึ่ง เนื้อเรื่องน่าสับสน
หนังเรื่องนี้ใช้เทคนิคการถ่ายทำได้ดีมาก โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่าทั้งเรื่องถ่ายทำโดยใช้ iPhone แต่เกิดอะไรขึ้นกับเนื้อเรื่อง? มันล้มเหลวในการชี้แจงทิศทางของหนังผ่านการเปลี่ยนผ่านระหว่างแต่ละส่วน ตัวละครบางตัวอธิบายได้ไม่ดีและหายไปทันที ดูเหมือนว่าองค์ประกอบแฟนตาซีจะถูกเพิ่มเข้ามาเพียงเพื่อให้เนื้อเรื่องราบรื่นขึ้น แต่พูดตามตรง ฉันไม่มีไอเดียเลยว่าพวกเขาพยายามจะทำอะไรกับมัน
ส่วนแรกของหนังยังคงสนุกและทำให้ฉันอยากรู้ว่าตัวละครหลักจะหาทางคลี่คลายได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เมื่อส่วนที่สองของหนังดำเนินไป ฉันเริ่มกังวลว่ามันจะถ่ายทอดเนื้อเรื่องไม่สอดคล้องกัน และเมื่อเป็นเช่นนั้น ความกังวลของฉันก็ได้รับการยืนยันในส่วนต่อๆ มาจนถึงตอนจบของหนังเอาจริงหนังไต้หวันนี่ระยะหลังถ้าผู้เขียนเห็นและรู้ว่าเป็นหนังไต้หวันก็มักไม่พลาดเพราะจากที่เคยชอบเสน่ห์ของงานไต้หวันที่ไม่เหมือนใครกลายมาเป็นความหลงไหล กระนั้นงานไต้หวันจะมีความต่างจากฮ่องกงหรือจีนแผ่นดินใหญ่ที่ไม่ใช่ดีหรือด้อยแต่มีดีกันคนละแบบเรียกได้ว่าเมื่อดูซึ่งต้องดูก่อนถึงจะรู้เพราะผู้เขียนแยกภาษาจีนแต่ละสำเนียงไม่ออก แต่ในความเป็นไต้หวันนั้นบางทีการเล่าเรื่องที่อาจไม่เล่นใหญ่
เหมือนไม่เล่นท่ายากโปรดักชันเล็กๆไม่เน้นเทคนิคพิเศษอาศัยการเล่าเรื่องที่ดีผ่านบทที่ดีเป็นตัวนำแม้บางเรื่องคุณแม่บ้านจะค่อนขอดว่าหน้าตาของนักแสดงทางไต้หวันดูจะตามหลังทางจีนหรือเกาหลีอยู่หนึ่งช่วงตัว แต่เมื่อมีการเล่าเรื่องที่ดีบทที่ดีนักแสดงสามารถทำหน้าที่ที่ตัวเองรับผิดชอบได้ดีคุณภาพของงานจึงออกมาดีตามเพราะแม้คุณแม่บ้านจะมีข้อตำหนิเรื่องหน้าตาแต่ถ้าว่ากันที่เนื้อหานางไม่ปฏิเสธว่าหนังไต้หวันมีดีที่จับใจทุกเรื่อง อีกอย่างที่ทำให้หนังไต้หวันสามารถจับใจคนดูไดเสมอคือการเอาเรื่องง่ายๆในชีวิตมาเล่าได้อย่างถึงใจเช่นเรื่องนี้นี่คือเรื่องของชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง (ออสติน หลิน) ที่ได้พบกับไป่เจียฉี (โคลอี้ เฉียง) จากการแลกหนังสือกันอ่านแต่ความน่ารักของไป่เจียฉีก็โดนใจ
เขาจึงพยายามหาทางผูกสัมพันธ์แต่ถึงกระนั้นเขาก็มีนางในดวงใจเป็นนางแบบและช่างภาพลูกครึ่งญี่ปุ่นคุโรซาวะ ยูกิ (นิคกี้ ฉี) แล้วเขากับไป่เจียฉีก็ได้คบกันเป็นแฟนและย้ายมาอยู่ด้วยกันแต่ที่แปลกกว่าทั่วไปคือไป่เจียฉีมีกฏมากมายให้เขาปฏิบัติซึ่งก็ไม่มีอะไรแต่มันก็คล้ายการถูกควบคุมชีวิตอยู่ แน่นอนเมื่อเวลาผ่านไปอะไรที่เคยเป็นเรื่องเล็กน้อยที่มองข้ามไปได้เรื่องความรักก็จะขยายใหญ่ขึ้นความรู้สึกกดดันจึงเริ่มเข้ามาปัจจัยแทรกซ้อนก็จะตามมาและในที่นี้คือรักเก่าเมื่อครั้งอดีตที่เข้ามาในฐานะลูกค้าคือหลินอ้ายฉวน (ดา หยวน) และแล้วความเป็นอิสระในชีวิตก็ทำให้เขาเปลี่ยนไปจนคืนหนึ่งที่เขาตั้งใจให้ไป่เจียฉีจับได้เพื่อจะสิ้นสุดความสัมพันธ์ในความฝันเขาได้อธิษฐานหนึ่งข้อแล้วเมื่อตื่นขึ้นมาคำอธิษฐานกลายเป็นจริงเมื่อเขากำลังคบกับคุโรซาวะ ยูกิแต่ทุกดอย่างต้องมีการแลกเปลี่ยนทั้งสิ้นแต่จะเป็นอะไรนะ
เหมือนง่ายด้วยการเล่าเรื่องง่ายๆเดิมๆที่เคยๆเรื่องทางสามแพร่งของความรักที่ดูไปก็ไม่น่าจะมีอะไรแต่ดันมีอะไรจนกลายเป็นเหนือชั้น นี่คือหนังรักที่เล่าเรื่องความรักที่มักเป็นพิษที่ใครๆก็สามารถเจอได้ไม่ว่าใครจะนิยามความรักว่าอย่างไร เรื่องชายหนุ่มหนึ่งคนที่ก็เป็นคนธรรมดาที่มีนางในดวงใจที่เกินไขว่คว้าได้พบรักกับหญิงสาวธรรมดาที่มีข้อดีมีข้อเสียแต่เมื่อรักแล้วก็ต้องยอม แต่เมื่อความรักไม่เจอกันที่ตรงกลางบางอย่างก็เริ่มลดทอนลงปัจจัยแทรกซ้อนก็เข้ามานี่คือครึ่งแรกของหนังที่ดูยังไงก็ง่ายๆเป็นเรื่องเดิมๆที่ใครๆก็เอามาเล่ากัน แต่เมื่อตัดสินใจสะบั้นความสัมพันธ์ความเจ็บปวดของคนหนึ่งได้บันดาลในคนหนึ่งได้อย่างที่ฝันหลังจากนั้นอะไรที่ควรเป็นไปอย่างสวยหรูก็ไม่เป็นอย่างที่คิดและนี่คือครึ่งหลังของหนังที่ก็ยังเป็นความง่าย แน่นอนสองส่วนนี้เหมือนไม่มีอะไรก็เล่าเรื่องความรักที่แปรเปลี่ยนไปตามครรลองของมนุษย์ปุถุชนแต่เมื่อถึงเวลาไอ้ความง่ายที่ว่ามาดันมีอะไรซ่อนอยู่ข้างในจนสุดท้ายกลายเป็นความเหนือชั้นได้เพราะถูกความง่ายพาไปสุดทาง
เมื่อเริ่มด้วยความง่ายเล่าเรื่องง่ายๆไม่ซับซ้อนอะไรแต่กลับเต็มไปด้วยความน่าสงสัยชวนค้นหาเพื่อที่จะพาสู่อะไรที่คาดไม่ถึง ที่น่าสนใจในหนังเรื่องนี้คือความเก่งของคนเขียนบทที่แม้จะเอาเรื่องง่ายๆเรื่องธรรมดาสามัญที่สุดเล่ากันมาบ่อยที่สุดมาเล่าได้แน่นหนาบนความง่าย แถมการเล่าเรื่องก็ไม่ซับซ้อนอะไรไม่ได้ดูเหมือนซ่อนกลอะไรไว้เพื่อที่จะตั้งใจมาหลอกแต่ความเก่งคือการเล่าเรื่องง่ายๆให้มีพลังดึงดูดที่น่าประกลาด เพราะครึ่งแรกเรื่องของความเปลี่ยนแปลงในมิติของความรักที่เมื่อความรักมันทำให้อึดอัดหายใจลำบากมันจะยังเป็นความรักอยู่หรือนี่คือสิ่งที่น่าค้นหา แล้วครึ่งหลังที่ชีวิตเหมือนได้ทุกอย่างตามที่ฝันความน่าสงสัยก็เข้ามาว่าอะไรมันจะสมบูรณ์แบบปานนั้นครึ่งหลังหนังจึงเดินหน้าไปสู่ความน่าสงสัยเต็มตัวจนต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าอะไรเป็นอะไร สุดท้ายเมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไรความสงสัยเต็มรูปแบบก็มาเพราะอยากรู้วาจะลงเอยอย่างไรพระเอกจะมีบทสรุปแบบไหนจนพาไปยังจุดที่คาดไม่ถึงซึ่งก็ยังเป็นเรื่องง่ายๆอยู่ดีแค่คิดไม่ถึงหรือไม่ทันคิดเท่านั้น