ดูหนัง Sahara (2005) พิชิตขุมทรัพย์หมื่นฟาเรนไฮต์
เมื่อเจ้าแห่งนักสำรวจ เดิร์ก พิตต์ ได้พบเหรียญในตำนานที่เชื่อมโยงถึงตำนานทางประวัติศาสตร์เรื่องหนึ่ง เขาได้ออกผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่เพื่อออกตามล่าหาสมบัติในภูมิประเทศที่อันตรายที่สุดของแอฟริกาตะวันตก เมื่อพวกเขาออกค้นหาสิ่งที่คนท้องถิ่นเรียกว่า เรือแห่งความตาย ซึ่งก็คือเรือรบสมัยสงครามกลางเมืองที่สูญหายไปนาน และเป็นเรือที่คอยปกป้องสินค้าลึกลับอย่างหนึ่ง เดิร์กกับอัล เกียร์ดิโน่ คู่ซี้ขี้เล่นของเขาได้พบกับด็อกเตอร์เอวา โรฮาส์ ด็อกเตอร์ สาวแสนสวยสุดเก่ง ผู้เชื่อว่าขุมทรัพย์ที่ถูกเก็บซ่อนไว้นี้อาจเกี่ยวข้องกับปัญหาที่อาจคุกคามต่อโลกรอบตัวพวกเธอ เดิร์ก , อัล และเอวาได้ออกตามหาเรือที่ไม่มีใครคิดว่ามีอยู่จริง พวกเขาต้องพึ่งพิงทั้งสมองและความกล้าบ้าบิ่นของพวกเขาเพื่อเอาชนะบรรดาเจ้าพ่อที่เป็นตัวอันตราย ต้องเอาชีวิตรอดพ้นจากสภาพภูมิประเทศที่คุกคามต่อชีวิต และเจาะลึกให้ถึงก้นบึ้งของปริศนาทั้งปวง
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Matthew McConaughey แมตทิว แมกคอนาเฮย์

Steve Zahn

Penélope Cruz

ผู้กำกับ : Breck Eisner
รีวิว
หนังโปรดของข้าพเจ้า
เป็นหนังผจญภัยดูเพลินแบบไม่ต้องคิดอะไร เพิ่งรู้ด้วยว่าตอนที่ออกฉายมันขึ้นทำเนียบหนังเจ๊งเละเทะทั้งที่ถูกวางตัวว่าจะเป็น Indiana Jones เรื่องต่อไป ถ้าให้เดาจากเสียงบอกต่อของคนดูน่าจะเป็นแนวผิดหวังที่หนังไม่ได้เน้นผจญภัยล่าขุมทรัพย์เป็นหลัก ด้วยพล็อตที่เปิดด้วยการตามหาเรือรบในตำนานแต่พอเล่าไปเล่ามาดันถูกพล็อตเปิดโปงความชั่วร้ายในแอฟริกาเข้ามาแทรกแซงจึงทำให้หนังค่อนข้างบิดไปอีกทางมากกว่า ทั้งที่ความจริงแล้วถึงพล็อตจะถูกบิดแต่โครงการเล่าเรื่องมันคือหนังผจญภัยแบบดั้งเดิมที่คุ้นเคยทั้งนั้น ทั้งการไล่ล่าหลายต่อหลายฉากที่หนังจัดให้ทั้งในน้ำและบนบก, ความเป็นแอ็คชั่นแบบการ์ตูนพอสมควร ไม่ได้สมจริงแต่ก็ไม่ได้โม้หลุดโลกมากนัก, มีนางเอกสวย ๆ ให้พระเอกได้โชว์ความเป็นฮีโร่, แล้วก็การเดินเรื่องมันคือค่อย ๆ หาเบาะแสไขปริศนาก่อนจะไปร้องอ๋อในตอนจบ ซึ่งมันก็โครงเดิม ๆ ที่ทำออกมาได้สนุกจนแปลกใจเหมือนกันที่หนังเจ๊งในยุคนั้น (ได้ดูในโรงเหมือนกันแต่จำอะไรเกี่ยวกับหนังไม่ได้เลย)
.
‘เดิร์ก’ (Matthew McConaughey) เป็นนักสำรวจที่หาเบาะแสเกี่ยวกับเรือที่สูญหายในสงครามกลางเมืองมายาวนาน จนกระทั่งเขาพบเบาะแสที่เชื่อว่าเรืออาจจะอับปางอยู่ที่ไหนสักแห่งในทวีปแอฟริกา ซึ่งพอเขาจะเข้าไปสำรวจก็บังเอิญต้องพา ‘อีวา’ (Penelope Cruz) แพทย์จากองค์การอนามัยโลกเข้าไปในพื้นที่ด้วยเพราะเธอกำลังหาเบาะแสต้นตอของโรคระบาด แต่เรื่องราวที่ควรจะราบรื่นกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเธอถูกเผด็จการจอมโหดสั่งทหารออกไล่ล่าเพื่อไม่ให้เข้ามาวุ่นวายกับต้นตอโรคระบาด
.
หนังมันเล่าสไตล์คู่หูผจญภัยในลักษณะคอมเมดี้แบบการ์ตูน ซึ่งความเป็นการ์ตูนไม่ได้อยู่แค่ในฉากแอ็คชั่น แต่ยังครอบคลุมไปถึงพล็อตเรื่องที่เล่าได้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือเป็นจริงเป็นจังสักเท่าไร ถึงอย่างนั้นพอหนังเล่าได้สนุกก็ทำให้จุดที่ควรจะด้อยกลายเป็นความโดดเด่นที่ทำให้การเล่าเรื่องลื่นไหล และกลายเป็นการสร้างสรรค์ฉากแอ็คชั่นไล่ล่า/ต่อสู้กลางทะเลทรายที่ตื่นตา จนบางครั้งก็นึกไปถึงหนังเจมส์ บอนด์ เวอร์ชั่นขี้เล่นมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ที่น่าเสียดายคือหนังที่เราได้ดูกันเหมือนจะเป็นเวอร์ชั่นที่ผ่านการขัดเกลาจากนักเขียนบทหนังมืออาชีพ ซึ่งจริง ๆ เราควรจะได้ดูเวอร์ชั่นที่ ‘ไคลฟ์ คัสเลอร์’ ผู้แต่งนิยายมาเขียนบทหนังมากกว่า โดยก่อนสร้างหนังก็มีปัญหาระหว่างคนเขียนนิยายกับสตูดิโอ เพราะถึงสตูดิโอจะซื้อลิขสิทธิ์ไว้เรียบร้อยแต่มีข้อตกลงแยกไว้ว่าจะสร้างหนังได้ต่อเมื่อบทได้รับความยินยอมจากคัสเลอร์เท่านั้น แต่ปรากฎว่าบทหนังไม่ลงตัวในสายตาสตูดิโอสักเท่าไรจึงมีการดึงคนเขียนอาชีพเข้ามาแก้ไขแล้วสร้างเป็นหนังเลยโดยไม่รอการอนุมัติจากคัสเลอร์ นำไปสู่การฟ้องร้องในศาลโดยมีข้อมูลการฟ้องคดีที่น่าสนใจอยู่เยอะ โดยเฉพาะเรื่องทุนสร้างที่สูงเกินจริงไปมากเพราะความฟุ่มเฟือยของกองถ่าย อย่างเช่น ค่าน้ำดื่ม 1 แสนดอลล่าร์, จ้างโค้ชสำเนียงท้องถิ่นราคาแพง, ฉากระเบิดที่ใช้เงินมหาศาล, เงินสินบนเจ้าพนักงาน, ค่าจ้างนักเขียน 10 คน, จ้างสตั๊นท์มาถ่ายแต่ตัดออกจากหนัง แต่ยังมีเรื่องที่ประหยัดเงินอยู่บ้างคือแรงงานท้องถิ่นโมร็อกโกล้วนได้ค่าแรงน้อยนิด