ดูหนัง Run (2020) มัมอำมหิต
เรื่องราวของ แม่ ที่คอยดูแล โคลอี้ ลูกสาวที่พิการโดยกำเนิดอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด จนทำให้โคลอี้แทบจะถูกตัดขาดจากสังคมภายนอก จนวันหนึ่งโคลอี้ได้ค้นพบความลับบางอย่างที่แม่ของเธอปิดบังมาโดยตลอด เธอจึงต้องหาหนทางเพื่อหลบหนีจากน้ำมือแม่ของตัวเอง ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อไดแอน เชอร์แมนให้กำเนิด ทารก คลอดก่อนกำหนดซึ่งเธอไปดูแลทารกในตู้ฟักไข่โดยมีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรายล้อมอยู่หลายปีต่อมา ไดแอนใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับโคลอี ลูกสาววัยรุ่นของเธอ เนื่องจากสถานการณ์ในช่วงที่เธอเกิด โคลอีจึงต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะหัวใจ เต้น ผิดจังหวะ ฮีโมโครมาโทซิสหอบหืดและเบาหวานรวมถึงอัมพาตที่ขา เธอต้องนั่งรถเข็นรับประทานยา หลายตัว ทุกวัน และให้แม่ สอนลูก ที่บ้าน โคลอีปรารถนาที่จะเข้าเรียนใน มหาวิทยาลัยซึ่งไดแอนดูเหมือนจะสนับสนุน แต่ไม่ได้รับการตอบรับใดๆ สำหรับการสมัครของเธอ
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Sarah Paulson ซาราห์ พอลสัน

Kiera Allen

Sara Sohn

ผู้กำกับ : Aneesh Chaganty
รีวิว
beartai
คราวนี้ เขาทดลองหยิบเอาเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกสาวมาเล่า ภายใต้เงื่อนไขของครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลโคลอี ลูกสาววัยทีนที่มีร่างกายพิการขาอ่อนแรง ต้องนั่งวีลแชร์ตลอดเวลา แถมยังมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นโรคเบาหวาน โรคหอบ และโรคผิวหนังบางชนิดอีกต่างหาก ตั้งแต่เด็กจนโต เธออยู่ภายใต้การดูแลประคบประหงมของแม่อย่างไดแอนแบบไข่ในหิน ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ขนาดจะเรียนยังให้เรียนทางไกลแบบโฮมสคูล โดยมีแม่ของเธอนี่แหละที่เป็นคนคอยจัดตารางสอน
จนกระทั่งเธอเองก็มีความฝันที่อยากจะไปเรียนหมอในมหาวิทยาลัยข้างนอกบ้าง และเธอก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างจากแม่ เธอจึงเริ่มตาสว่างและรับรู้ว่า ไดแอนผู้เป็นแม่นั้นมีความลับดำมืดอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล ผ่านการเลี้ยงดูเธอที่ดู Overprotect (การที่พ่อแม่รักลูกหรือปกป้องลูกจนเกินไป) จนผิดเพื้ยนบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุด เธอก็ค้นพบความน่ากลัวของแม่ที่พยายามจะคุกคามเธออย่างลับ ๆ เพื่อฉุดรั้งเธอเอาไว้ด้วยวิธีการต่าง ๆ เธอเลยต้องพยายามที่จะหนีเอาตัวรอดให้ได้ โดยมีอุปสรรคใหญ่หลวงก็คือความพิการและอาการป่วยแทรกซ้อนของเธอเอง
จริง ๆ หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลยครับ เป็นหนังที่ไม่ได้มีพล็อตทวิสต์หรือมีจุดหักมุมอะไรมากมาย ตัวหนังเคลื่อนไปแบบเป็นเส้นตรงไปตั้งแต่ต้นจนจบเรื่ีอง แบบไม่ได้มีอะไรหวือหวาหรือหักมุม แถมตัวหนังยังไม่ยาวมาก แค่ชั่วโมงครึ่งเอง แต่ก็ต้องบอกเลยครับว่า นี่คือหนังที่จะทำให้หายใจไม่ทั่วท้องได้จริง ๆ ด้วยพล็อตสไตล์หนังทริลเลอร์ที่ออกแบบมาอย่างดี และการวางปม วางเควสต์ต่าง ๆ ไว้ให้โคลอีตามแก้ ทำให้ตัวหนังกลายเป็นหนังระทึกขวัญที่โคตรระทึกกันแบบไม่เว้นว่างให้พักหายใจเลยแหละ