ดูหนัง Resident Evil Welcome to Raccoon City (2021) ผีชีวะ ปฐมบทแห่งเมืองผีดิบ ในปี 1998 ผู้อยู่อาศัยในแร็คคูนซิตี้ต้องหาทางเอาชีวิตรอดจากค่ำคืนหฤโหด ขณะที่บริษัทเภสัชกรรมพยายามปกปิดความผิดพลาดและลบล้างหลักฐานที่ก่อ
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง
Kaya Scodelario
Robbie Amell
Hannah John-Kamen
Tom Hopper
ผู้กำกับ
Johannes Roberts
รีวิวหนัง ดูหนัง Resident Evil Welcome to Raccoon City (2021) ผีชีวะ ปฐมบทแห่งเมืองผีดิบ ดูหนังออนไลน์
เป็นหนังที่ผมรอดูและติดตามข่าวมานาน เพราะการที่เราเป็นคนเล่นเกม RE ตั้งแต่ภาคแรกบน Playstation 1 จนมาหยุดเล่นภาคสุดท้ายบน Playstation 2 เพราะทนมุมกล้องภาคใหม่ๆ ไม่ไหว (มุมกล้องเสมือนจริง แต่ผมเล่นแล้วจะอ้วก) ซึ่งตั้งแต่หนังเวอร์ชั่นก่อน ออกมาในรูปแบบตัวเอกที่เป็น Alice ซึ่งมันไม่ได้มีตัวละครนี้ในเกมแต่หนังทำออกมาสนุกและมันส์พอตัว ก็เลยปล่อยผ่านเรื่องของเนื้อเรื่อง แต่พอมีข่าวว่าภาคนี้มาแน่ หนังที่จะเดินเรื่องตามเนื้อเรื่องในเกม ผมก็ตั้งตารอเลยล่ะ
เรื่องราวพูดถึงเมืองที่ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นบ้านที่แสนเฟื่องฟูของ Umbrella Corporation บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ แต่ตอนนี้ Raccoon City กลายเป็นเมืองแถบมิดเวสต์ที่กำลังจะตาย การอพยพของบริษัทนี้ทำให้เมืองกลายเป็นเมืองร้าง พร้อมด้วยปีศาจที่โผล่พ้นขึ้นมาสู่ผิวดลก เมื่อปีศาจถูกปลดปล่อย เหล่าชาวเมืองก็ได้ ‘เปลี่ยนแปลง’ ไปตลอดกาล โดยมีคนกลุ่มหนึ่งที่รอดชีวิต พวกเขาต้องหันมาร่วมมือกันเพื่อเปิดโปงความจริงเบื้องหลัง Umbrella และเอาตัวรอดให้ผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปให้ได้
ต้องบอกว่าหนังเรื่องนี้เสิร์ฟความเป็น Resident Evil แบบต้นฉบับเดิมๆ ได้อย่างเต็มที่ เพราะเนื้อเรื่องที่เรียกว่าเดินตามเรื่องของเกมตั้งแต่รถบรรทุกน้ำมันคว่ำระเบิดหน้า R.P.D. ตอนต้นเรื่อง บวกกับตัวละครที่มาจากเกมทั้งชุด ไม่มีตัวอื่นเพิ่มเสริมแต่ง พร้อมกับฉากในตำนานหลายๆ ฉากที่เป็นที่จดจำ เช่นฉากซอมบี้ในแมนชั่นหันหน้ามาพร้อมเลือดกลบปาก มันช่างเป็นอะไรทีคุ้นเคยและฟินมากๆ สำหรับคอเกมต้นฉบับ
ในส่วนของการเดินเรื่องและการเล่าเรื่อง ในช่วงต้นๆ อาจจะดูสนุกและลื่นไหล การเล่าเรื่องน่าติดตามเพราะเรารู้เรื่องราวบางส่วนอยู่แล้ว บวกกับความลึกลับที่หนังพยายามจะบิ๊วมันขึ้นมา ทำให้ช่วงต้นของหนังดูน่าตื่นตาตื่นใจ แต่อารมณ์ของหนังก็รูดลงต่ำเตี้ยเรี่ยดินเมื่อทีมค้นหาเข้าไปสู่ Spencer Mansion ที่มันควรจะเป็นพาร์ทที่พีคที่สุดของหนัง แต่กลับดูเรื่อยเปื่อยไร้อารมณ์ไปซะอย่างงั้น ทุกอย่างที่ถูกเล่าในช่วงนี้เหมือนถูกเล่าแบบผ่านๆ เพื่อให้มันมีทุกอย่างที่อยู่ในเกม แต่ก็เหมือนเลือกไม่ถูกว่าจะใส่อะไรเข้ามาแล้วก็เลยกลายเป็นสะเปะสะปะไปหมดจนถึงตอนจบ แม้กระทั่งตอนที่สุดยอดตัวร้ายในตำนาน Nemesis ออกมา
ในส่วนของตัวละคร แน่นอนเรื่องนี้ชู Claire Redfield เป็นตัวเอก ซึ่ง Kaya Scodelario มารับบทนี้ได้โอเคในระดับหนึ่ง แต่ด้วยบทที่มันยังไม่ส่งให้เด่นเท่าไหร่ เลยกลายเป็นตัวเอกที่ยังไม่ใช่ตัวเอกเท่าที่ควรจะเป็น ตัวละคร Chris Redfield ที่ในเกมเป็นตัวละครที่น้องสาวต้องออกตามหา ซึ่งบทบาทไม่ค่อยเด่นเท่าไหร่ในเกมภาคแรก ในหนังภาคนี้ Robbie Amell ก็ทำได้ไม่เด่นเหมือนเกมเลย 555 ส่วนที่น่าเสียดายสุดๆ คือสองตัวละครที่ในเกมนีเป็นตัวเอกทั้งสองคนคือ Leon Kenedy ในเรื่องนี้รับบทโดย Avan Jogia ซึ่งถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาจะไม่ใช่เลย ตัวบทคาแรคเตอร์ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ Leon ในเรื่องนี้กลายเป็นตำรวจแหยที่น่ารำคาญและโดนดูถูกเหยียบย่ำตลอดเวลา ซึ่งไม่เหมือน Leon ในเกมที่ดูเก่งและเท่สุดๆ เลยแม้แต่นิดเดียว อีกคนคือ Jill Valentine ที่รับบทโดย Hannah John-Kamen อันนี้บทหายไปเลยครับ แทบจะไม่มีบทบาท
หนังมีภาคต่อแน่นอน เพราะในภาคนี้ยังไม่จบ หนังทิ้งท้ายเอาไว้ให้ต่อภาคสอง และมี Mid Credit ที่มีตัวละครหลักอีกคนโผล่ออกมา ซึ่งถามว่าภาคสองจะดูมั๊ย ผมก็ตอบได้อย่างมั่นใจว่าดูแน่นอน เพราะภาคนี้ผมมองว่ามันคือการปูเรื่องที่เอาต้นฉบับมาทำเป็นหนังที่แท้ทรู ซึ่งภาคสองมันต้องมีอะไรให้แปลกใจอีกแน่ๆ เพราะฉะนั้น ถึงแม้ใครจะบอกว่าไม่ดียังไง แต่สำหรับผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ดีพอตัวเลยเพียงแต่ยังอาจจะจับจุดอะไรบางอย่างได้ไม่ลงตัวเท่านั้นเอง
beartai
ความจริงแล้วด้วยชื่อของ โยฮันเนส โรเบิร์ตส์ (Johannes Roberts) ไม่ใช่ชื่อที่ขี้เหร่เลยนะสำหรับการมาสานต่อตำนานบทใหม่ของ ‘ผีชีวะ’ คราวนี้และการที่โรเบิร์ตส์ลงมือจรดปากกาเขียนบทเองเหมือนทุกครั้งอย่างน้อยก็มั่นใจว่าเราจะได้เห็นซีนซอมบี้ผีดิบน่ากลัว ๆ หรือลุ้นจนอกแทบตายคล้าย ๆ กับงานสร้างชื่ออย่างหนังเชือดโคตรระทึก ‘Strangers Prey at Night’ หรือหนังฉลามสุดกดดันอย่าง ’47 Meters Down’ ซึ่งผลลัพธ์ก็ต้องยอมรับล่ะว่าการพยายามกลับไปหาเนื้อเรื่องเกมต้นฉบับและอิงรายละเอียดจากเกมฉบับรีเมกช่วยสร้างบรรยากาศที่ดูน่ากลัวขึ้นมาได้จริง ๆ
แต่ทุกอย่างก็ค่อย ๆ พังครืนด้วยการที่โรเบิร์ตส์พยายามยัดทุกอย่างเพื่อเอาใจแฟนเกมลงในหนัง ลำพังแค่ฉากที่แคลร์เจอศพแอบวิ่งหนีเธอก็ชวนส่ายหัวจนอยากหาพารามาบรรเทาอาการจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งหนังเดินเรื่องไปเราก็พบว่ามันพยายามผูกปมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งปมการหนีออกจากแร็กคูนซิตี้จากแคลร์ หรือการที่คริสเองถูกเลี้ยงมาโดย วิลเลียม เบอร์กิน (รับบทโดย นีล แมคโดนาฟ Neal McDonough) นักวิทยาศาสตร์ที่เคยเกือบพรากชีวิตแคลร์ในวัยเด็ก ไปจนถึงปมสุดอีรุงตุงนังที่หนังไม่สนใจจะคลี่คลายมันสักเท่าไหร่
และเมื่อปมเริ่มเยอะขึ้น ซ้อนทับขึ้น คนทำหนังก็กลับตัดมันทิ้งแบบไม่เหลือเยื่อใยแล้วยัดเยียดฉากหนีซอมบี้เข้ามากลบเกลื่อนพล็อตที่มีแต่รูโหว่เต็มไปหมดได้ไม่ค่อยแนบเนียบเท่าไหร่จนผลลัพธ์ของมันคือการกลายเป็นหนังซอมบี้จากเกมที่เหมือนจำลองฉากมาต่อ ๆ กัน ซึ่งแม้จะสร้างความบันเทิงได้ชั่วครั้งชั่วคราวแต่จบแล้วก็พร้อมจะลืมในทันที
อีกจุดที่ต้องพูดถึงคือการที่หนังได้ทุนสร้างเพียง 33 ล้านเหรียญทำให้ความตั้งใจที่จะเนรมิตรทุกอย่างให้เหมือนภาพในเกมกลายเป็นหายนะอย่างช่วยไม่ได้เพราะมันทำได้เพียงผิวหน้าเท่านั้นทั้งฉากโรงพักเมืองแร็กคูนหรือคฤหาสน์สเปนเซอร์ และผลของมันยังทำให้ซีจีที่ควรจะแนบเนียนกลายเป็นงานถอยหลังเข้าคลองที่บางทีแล้วหนังปี 2002 ยังดูดีเสียกว่า นอกจากนี้พลังของนักแสดงก็ยังไม่มากพอจะทำให้คนดูอยากเอาใจช่วยนักเพราะตัวละครพวกเขาแบนราบไร้มิติเสียเหลือเกิน
หากผู้สร้างคิดจะเริ่มแฟรนไชส์ใหม่ก็บอกเลยว่ายังเป็นจุดเริ่มต้นที่ห่างชั้นจาก ‘Resident Evil’ ปี 2002 ที่ภาพของอลิซตื่นขึ้นมาในเมืองแร็กคูนซิตี้ร้างยังคงความหลอกหลอนและสร้างภาพจำให้หนังได้มากกว่าหนังภาคนี้ทั้งเรื่องเสียอีก
trueid
เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่แฟนๆตั้งตารอไม่น้อยกับ Resident Evil: Welcome to Raccoon City ที่เพิ่งฉายไปไม่กี่วันที่ผ่านมา และต้องบอกว่าเสียงวิจารณ์จากแฟนๆนั้นไปในทิศทางลบอย่างเห็นได้ชัดแม้แต่คะแนนจากเว็บมะเขือเน่าอย่าง rotten tomatoes ก็ให้หนังเรื่องนี้อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำอย่างน่าใจหาย และต้องออกตัวก่อนว่าผู้เขียนเองก็ชื่นชอบแฟรนไชส์ของเกม Resident Evil เป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงมีความตั้งใจว่าจะไปพิสูจน์กับตาตัวเองในโรงภาพยนตร์เผื่อหนังมันอาจจะไม่ได้แย่มากมายขนาดนั้น พอดูหนังจบต้องเรียนตามตรงว่า เอิ่ม… หนังมันค่อนข้างเละเทะอย่างที่ใครว่าไว้จริงๆ ทั้งการดำเนินเรื่อง ทั้งบทของตัวละครที่มันไปไม่สุดสักทางถึงแม้ผู้กำกับอย่าง โยฮันเนส โรเบิร์ตส์ จะออกตัวไว้ตั้งแต่แรกว่าตัวเองเป็นแฟนเดนตายของ Resident Evil แต่หนังเรื่องนี้กลับทำออกมาครึ่งๆกลางๆไร้เสน่ห์โดยสิ้นเชิง
การดำเนินเรื่อง
หนังเองมีความพยายามเดินตามรอยต้นฉบับวิดีโอเกมอย่าง Resident Evil 2 แบบทุกย่างก้าว ซึ่งจุดนี้ผมเองก็เข้าใจได้เพราะผู้กำกับเองก็ดูมีความพยายามเคารพต้นฉบับอยู่พอสมควรการเล่าถึงเหตุการณ์ในเมืองแร็คคูนซิตี้เมืองที่เป็นต้นตอของเรื่องราวไวรัสทั้งหมด ซึ่งถ้าท่านผู้ชมคนใดที่เป็นแฟนเกม Resident Evil 2 คงจะทราบเนื้อหาตรงนี้เป็นอย่างดีเพราะหนังเองก็ไม่ได้เสริมเติมแต่งเนื้อหาที่ผิดแปลกไปจากต้นฉบับเลย การดำเนินในช่วงต้นกับช่วงกลางทำออกมาโอเคในระดับหนึ่ง “คือจะให้บอกว่าหนังมันเละเทะตั้งแต่เริ่มเรื่องอันนี้ผู้เขียนเองคงดูใจร้ายเกินไปหน่อย” เพราะหนังเองก็มีความพยายามที่จะบิวด์อัพคนดูด้วยบรรยากาศอึมครึม ม่นๆ มีความเป็น Horror ในตัวพอสมควร ตรงจุดนี้ถือว่าทำออกมาไม่เลวเลย ซึ่งถ้าย้อนกลับไปดูคาแรคเตอร์ดั่งเดิมของ resident evil ก็ไม่ได้จัดอยู่ในหมวดแอ็คชั่นแต่ไหนแต่ไรแล้ว มันมีเพียงแค่หนังเวอร์ชั่น มิลลา โยโววิช เท่านั้นแหละที่เรียกว่าว่าหนังแอ็คชั่นได้เต็มปากแต่เนื้อหาของเรื่องก็ดันออกทะเลไปไกลโขเหมือนกัน
เนื้อหาพอเลยช่วงกลางเรื่องไปสังเกตได้เลยว่าหนังเองกลับมีช่องโหว่ให้เห็นมากมาย ด้วยความที่ตัวหนังเองต้องการยัดปมประเด็นต่างๆเข้ามามากมายเกินไปจนไม่สามารถโฟกัสประเด็นใดประเด็นหนึ่งได้มากนัก แถมปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือจังหวะการดำเนินเรื่องที่เร็วเกินไปดูรีบ ดูรวบรัดไปหมด
ในส่วนของฉากแอ็คชั่นนั้นก็ทำออกมาตามมาตรฐานครับไม่ได้หวือหวามากนัก ด้วยความที่หนังมันเดินตามต้นฉบับในการเป็นสาย Horror ก็เลยไม่เน้นหนักตรงแอ็คชั่นสักเท่าไร แต่จุดที่มันค่อนข้างขัดใจนั้นคือซอมบี้บอสหลักของเรื่อง “วิลเลียม เบอร์กิน” ที่เหมือนเจ้าตัวเองมาเป็นเพียงกระสอบทรายของ คริส ,ลีออน เท่านั้น
ตัวละคร
ต้องบอกว่านักแสดงบางคนนั้นเล่นได้ดี แต่บางคนนี่ไม่ไหวจริงๆ ตัวละครที่เล่นได้ดีและโดดเด่นคงหนีไม่พ้นเธอคนนี้ แคลร์ เรดฟิลด์ ที่รับบทโดยคุณ คายา สโคเดลาริโอ ซึ่งเธอเองก็ค่อนข้างมีชื่อเสียงผ่านงานใหญ่ทั้ง Maze Runner หรือ Pirates of the Caribbean มาแล้ว ดั่งนั้นงานแสดงสำหรับ Resident Evil จึงดูเป็นงานที่ไม่ยากเท่าไรการถ่ายทอดคาแรคเตอร์บู๊ๆลุยๆตามสไตล์ แคลร์ เรดฟิลด์ ของนักแสดงนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลย สามารถพาคนดูอินไปกับเธอได้ไม่ยาก
ส่วนนักแสดงที่เหลือนี้ต้องยอมรับตามตรงว่าแทบไม่ค่อยอินกับพวกเขาเลย “คือไม่ใช่จะบอกว่านักแสดงเล่นไม่ดีนะ” แต่คือบทมันไม่ส่งให้นักแสดงจริงๆ ยิ่งตัวละครอย่าง ลีออน ที่แสดงโดยคุณ อวาน โจเกีย บทพี่แกแทบจะพังไม่เป็นท่าเลย จากคาแรคเตอร์ของลีออนที่ดูเป็นตำรวจน้องใหม่ไฟแรง พอมาอยู่ในหนังเรื่องนี้กลับกลายเป็นลีออนที่ดูเฉื่อยชา ดูเนือยไปหมด
ส่วนตัวละครอื่นๆอย่าง จิล วาเลนไทน์ คริส เรดฟิลด์ หรือ อัลเบิร์ต เวสเกอร์ ก็ไม่ได้โดดเด่นเท่าที่ควร เพราะด้วยความที่แอร์ไทม์ตัวละครเหล่านี้มีไม่มากนักบทต่างๆมันไปกองที่ แคลร์ กับ ลีออน ซะเป็นส่วนใหญ่ มันเลยเป็นจุดที่ค่อนข้างน่าเสียดายเพราะอุตส่าห์ได้ตัวละครขวัญใจแฟนคลับมาลงจอทั้งที
สรุปโดยรวม
Resident Evil ฉบับ โยฮันเนส โรเบิร์ตส์ เรื่องนี้ มันก็ไม่ได้แย่จนพังพินาศอะไรขนาดนั้น แต่มันก็ไม่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีสมกับการตั้งตารอเหมือนกัน “สำหรับบรรดาแฟนๆ Resident Evil เองอาจจะมองไปทางค่อนข้างแย่ด้วยซ้ำ” เหมือนหนังเองมาขายแค่บรรยากาศกับซาวด์ประกอบฉากเพียงอย่างเดียว พอเป็นส่วนของการดำเนินเรื่องกับบทตัวละครต้องยอมรับว่าสอบตกแบบชัดเจน จนบางทีผู้เขียนเองก็แอบสงสารนักแสดงเหมือนกันที่โดนกระแสวิจารณ์ค่อนข้างแรงไม่น้อยจากบทป่วยๆของหนัง และยิ่งนักแสดงอย่างคุณ อวาน โจเกีย ที่โดนแฟนหนังตามด่าจนเป็นหนึ่งในสาเหตุให้พี่แกต้องปิดไอจีหนี ดูแล้วรู้สึกสงสารนักแสดงไม่น้อยเลย สุดท้ายเราคงต้องมาลุ้นกันละครับว่า Resident Evil: Welcome to Raccoon City เรื่องนี้จะได้ไปต่อในภาคต่อไปไหมเพราะตอนจบหนังเองก็ทิ้งปมเอาไว้ค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว แต่ถ้าสมมุติรายได้ที่ออกมามันถดถอยเหมือนคำวิจารณ์แล้วละก็ ดูท่าว่าคงไปต่อได้ยากจริงๆ