ดูหนัง Maleficent (2014) มาเลฟิเซนท์ กำเนิดนางฟ้าปีศาจ
“มาเลฟิเซนท์ กำเนิดนางฟ้าปีศาจ” เปิดเผยเรื่องราวที่ไม่เคยถูกบอกเล่ามาก่อนของตัวร้ายที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของภาพยนตร์เทพนิยายคลาสสิคของดิสนีย์ “สลีปปิ้ง บิวตี้” และการถูกหักหลังครั้งใหญ่ที่เปลี่ยนจิตใจอันบริสุทธิ์ของเธอให้กลายเป็นดั่งหิน พลักดันด้วยความเคียดแค้นและความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะปกป้องชาวมัวร์ภายใต้การปกครองของเธอ มาเลฟิเซนท์ได้ปลดปล่อยคำสาปไปสู่ทารกน้อยแรกเกิดของพระราชา “ออโรร่า” เมื่อทารกน้อยเติบโตขึ้น ออโรร่าต้องตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้งระหว่างอาณาจักรต้นไม้ที่เธอเติบโตมาพร้อมความรักและอาณาจักรมนุษย์ที่สืบสานความยิ่งใหญ่ของตระกูลเธอ มาเลฟิเซนท์ตระหนักว่าออโรร่าอาจจะเป็นกุญแจที่จะนำความสงบสุขมาสู่ดินแดน และถูกบังคับให้ต้องลงมือทำบางสิ่งที่จะเปลี่ยนโลกทั้งสองใบไปตลอดกาล หญิงชรานางหนึ่งเล่าความว่า ในเมืองทิพย์ชื่อ เดอะมัวส์ (The Moors) ซึ่งประชิดติดเมืองมนุษย์ เทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ มาเลฟิเซนต์ ได้พบและรักมนุษย์หนุ่มชื่อ สเตฟาน ผู้มีใจใคร่จะเป็นราชา แต่ยิ่งนานวัน ทั้งคู่ก็ยิ่งห่างกัน จนวันหนึ่งสเตฟานเลิกมาหานาง ต่อมา พระเจ้าเฮนรี กษัตริย์เมืองมนุษย์ ยกรี้พลมาตีเมืองทิพย์ แต่ทรงแพ้แก่มาเลฟิเซนต์ จึงทรงกริ้วโกรธเป็นกำลัง มีรับสั่งว่า ผู้ใดตามล้างผลาญนางเพื่อแก้แค้นแทนพระองค์ได้ จะให้ผู้นั้นสืบบัลลังก์ สเตฟานสบช่องขึ้นเป็นใหญ่ จึงกลับไปหามาเลฟิเซนต์ในคืนหนึ่ง เขาวางยานาง แต่หักใจปลิดชีวิตนางไม่ลง เขาจึงใช้เหล็กอันเป็นวัตถุมีอำนาจสังหารเทพธิดาตัดปีกนางออก แล้วแสดงปีกนั้นในเมืองมนุษย์เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า เขาได้ฆ่านางแล้ว มาเลฟิเซนต์หัวใจแหลกลาญ จึงหันไปสร้างดินแดนอนธการอยู่ในเมืองทิพย์นั้น แล้วรับเอานกกาชื่อ ดีอาวัล มาเป็นคนสนิท ให้มีฤทธิ์แปลงกายได้นานัปการ
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Angelina Jolie แอนเจลีนา โจลี

ชาร์ลโต คอปลีย์

แอลล์ แฟนนิง

ผู้กำกับ : รอเบิร์ต สตรอมเบิร์ก
รีวิว Maleficent (2014) มาเลฟิเซนท์ กำเนิดนางฟ้าปีศาจ
ทำเรื่องเล่นให้เป็นเรื่องใหญ่
หลังจากที่เรื่องราวในภาคที่แล้วผ่านไป 5 ปี มาลีฟิเซนต์ ก็ต้องพบกับปัญหาใหม่อีกครั้งเมื่อ ออโรร่า กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าชายฟิลลิป
การแต่งงานครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นโอกาสอันดีในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองอาณาจักร แต่เรื่องราวทั้งหมดก็กลับพลิกผันเมื่อเกิดความขัดแย้งระหว่างราชินีอิงกริต แม่ของฟิลลิปกับมาลีฟิเซนต์ และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของสงครามครั้งใหญ่ระหว่างอาณาจักรมนุษย์และอาณาจักรมัวร์
ความน่าสนใจของหนัง Maleficent ในภาคนี้ก็คือเรื่องราวที่จัดใหญ่จัดเต็มมากขึ้น จากความขัดแย้งเล็กๆ ในภาคก่อนที่เน้นไปที่ความรู้สึกในใจของมาลีฟิเซนต์ ก็กลายมาเป็นความขัดแย้งระดับอภิมหาสงครามในภาคนี้ ซึ่งแฟนๆ หลายคนก็น่าจะถูกใจที่ได้เห็นขุ่นแม่มาลีระเบิดพลังกันอย่างเต็มที่ หลายฉากนี่อย่างกับดู Avengers กันอยู่เลยทีเดียว แถมในภาคนี้ยังมีการพูดถึงต้นกำเนิดเผ่าพันธุ์ของมาลีฟิเซนต์อีก ถือว่าเป็นการขยายจักรวาลในหนังออกไปได้อย่างน่าสนใจ
สำหรับเรื่องการแสดง อันนี้ก็ไม่ต้องห่วงอยู่แล้ว แองเจลีนา โจลี ก็ยังคงถ่ายทอดบทบาทของขุ่นแม่มาลีได้อย่างมีมิติ แถมในภาคนี้ ตัวละครยังดูมีอารมณ์ขันมากขึ้น ส่วนน้องแอลล์ภาคนี้ก็ต้องเรียกว่าน่ารักสุดๆ กันไปเลย
ที่ต้องชมอีกอย่างก็คืองานโปรดักชั่นของหนังที่เรียกได้ว่าสวยงามไปทุกองค์ประกอบทั้งภาพและเสียง ถ้าใครยังลังเลว่าจะไปดู IMAX ดีมั้ย ก็อยากแนะนำให้ไปดูเลยครับ มันคุ้มค่ามาก
ส่วนที่ไม่ค่อยชอบในหนังก็น่าจะเป็นความไม่ค่อยสมเหตุสมผล และความลื่นไหลของเนื้อเรื่อง คือมันจะมีหลายๆ จุดที่ผมรู้สึกว่าเรื่องมันคลี่คลายง่ายเกินไปและไม่ค่อยน่าเชื่อเท่าไหร่ เหมือนพอจะเข้าใจผิด ก็เข้าใจผิดกันง่ายๆ แต่พอกำลังทะเลาะกันอยู่ กำลังสู้กันอยู่ดีๆ จู่ๆ พอมีคนเข้ามาพูดอะไรนิดหน่อย ก็กลายเป็นว่าปรับความเข้าใจกันได้ง่ายๆ ซะงั้น
beartai
เนื้อหาในภาคนี้ก็เขียนให้เรื่องราวห่างกับภาคแรกไว้ 5 ปีเช่นกัน ออโรร่าเติบโตขึ้นเป็นสาววัย 21 ปี เธอก้าวจากเด็กสาวมาเป็นราชินีผู้ปกครองดินแดนมัวร์เต็มตัว หลังจากหมั้นหมายกับเจ้าชายฟิลิปส์ในภาคแรก พอมาถึงภาคนี้เจ้าชายฟิลลิปส์ก็ขอเจ้าหญิงออโรร่าแต่งงานอย่างเป็นทางการ ตามเนื้อหาที่เราเห็นในตัวอย่างมาเลฟิเซนต์ไม่เห็นชอบด้วย แต่ด้วยความรักที่เธอมีต่อออโรร่าจึงยินยอมออกงานพิธีเป็นครั้งแรก ด้วยการทำหน้าที่พระมารดาของออโรร่าไปเป็นแขกรับเชิญของพระราชาและพระราชินีแห่งเมืองอัลสตีด ระหว่างการพูดคุยบนโต๊ะอาหาร ก็เกิดเหตุให้ขัดข้องใจทำให้มาเลฟิเซนต์บันดาลโทสะ แปลงร่างเข้าสู่โหมดร้าย ทำลายข้าวของ บริวาร แล้วบินออกไป
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวแค่ในช่วง 15 นาทีแรกของหนัง ที่นำมาเสนอในตัวอย่างหนัง ทำให้ดูเหมือนว่ามาเลฟิเซนต์จากนางพญาปิศาจที่เริ่มมีจิตใจอ่อนโยนมากขึ้นแล้วในภาคแรก จะกลับมาร้ายอีกครั้งแล้วทำศึกกับอัลสตีดและลูกสาวตัวเอง แต่หนังก็ยังวางบทบาทของราชินีอิงกริต บทบาทของ มิเชล ไฟเฟอร์ ให้ดูเคลือบแคลงเหมือนมีแผนการร้ายซ่อนอยู่ ซึ่งในหนังจริงก็ไม่ได้เก็บงำข้อสงสัยนี้ไว้เป็นไม้เด็ดแต่อย่างไร แต่เล่ากันแบบง่าย ๆ ตรง ๆ เผยตัวตนคนร้ายตั้งแต่ต้นเรื่องกันไปเลย