ดูหนัง Khun Pan 3 (2023) ขุนพันธ์ 3
พ.ศ. 2493 บ้านเมืองยังคงได้รับผลกระทบจากสงคราม ข้าวยากหมากแพง ชุมโจรเสือร้ายยังคงชุกชุมไปทั่วทุกหนแห่ง ข้าราชการเต็มไปด้วยความฉ้อฉล ใช้อำนาจในทางที่ผิด จะเหลือก็เพียง “ขุนพันธรักษ์ราชเดช” (อนันดา เอเวอริงแฮม) นายตำรวจมือปราบผู้ยึดมั่นในความถูกต้อง และเป็นความหวังเดียวของผู้คน ในปีพ.ศ.2493 บ้านเมืองได้รับผลกระทบจากสงคราม ชุมโจรเสือร้ายยังคงชุกชุมไปทั่วทุกหนแห่ง ขุนพันธ์ นายตำรวจมือปราบผู้ยึดมั่นในความถูกต้องจึงถูกเรียกกลับมาปฏิบัติภารกิจล่าตัว 2 เสือร้ายอาคมกล้าที่กำลังฮึกเหิมและท้าทายอำนาจรัฐ โดยที่ไม่เคยมีใครเข้าถึงตัวได้ นำไปสู่การหวนเหยียบถิ่นเสืออีกครั้งของขุนพันธ์ ท่ามกลางเหล่าเสือร้ายที่หมายเอาชีวิต และพร้อมพิพากษามือปราบคงกระพันด้วยความตาย การจับตาย 2 เสือชื่อดังอย่าง เสือมเหศวรและเสือดำ ครั้งนี้อาจไม่เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ขุนพันธ์จะสามารถบรรลุภารกิจท้าทายศรัทธา และเผชิญหน้าเหล่าเสือร้ายที่มีทั้งอาคมและ ความคงกระพันได้หรือไม่….หรือถึงเวลาแล้วที่ครั้งนี้ มือปราบหนังเหนียวอย่างขุนพันธ์จะกลายเป็น “ผู้ถูกล่า” เสียเอง
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
อนันดา เอเวอริ่งแฮม

มาริโอ้ เมาเร่อ

ภาคิน คำวิลัยศักดิ์

ผู้กำกับ : ก้องเกียรติ โขมศิริ
รีวิว Khun Pan 3 (2023) ขุนพันธ์ 3
beartai
ตั้งแต่การจัดเต็มใส่ฉากแอ็กชัน วินาศสันตะโรแบบไม่กลัวงบประมาณบานปลาย การใส่อสุรกายจัดเต็มตั้งแต่จระเข้ยันสัมภเวสีและซอมบี้ ไปจนถึงงานซีจีคาถาอาคมต่าง ๆ ที่แม้จะยังไม่ถึงขนาดเนียบกริ๊บเหมือนหนังฮอลลีวูดแต่ก็ยังอุตส่าห์พัฒนาให้ดีขึ้นในทุกภาคซึ่งก็รวมถึงงานซีจีในหนังภาคนี้ด้วยนะครับ และที่สำคัญคือบทของคุณโขมรู้ดีว่าผู้ชมยุคนี้ต้องการอะไร เลยใส่ตั้งแต่เซอร์ไพร์สในโมเดลเดียวกับหนังมาร์เวล ไปจนถึงการสอดแทรกเกร็ดประวัติศาสตร์การเมืองไทยเอามาสอดใส้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลปัจจุบัน
ซึ่งจริง ๆ แล้วบทของ มีอะไรน่าสนใจหลายอย่างนะครับ โดยเฉพาะการดึงเอาเหตุการณ์สังหาร 4 อดีตรัฐมนตรีในปี พ.ศ. 2492 ที่ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ในยุคสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรีมาเป็นแบ็คกราวด์ของหนัง แต่ปัญหาสำคัญคือมันกลับกลายเป็นพื้นหลังที่หลุดลอยไปเรื่อย ๆ เมื่อหนังต้องเอามาซ้อนกับพล็อตสงครามอาคม ยิ่งตัวแปรที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งขุนพันธ์ เสือมเหศวรและเสือดำ ต้องมาห้ำหั่นกันแถมแต่ละตัวก็มีเรื่องราวที่สามารถทำหนังได้คนละเรื่องมาโฮะรวมกันจนบรรยากาศการเมืองที่หนังพยายามปูดูเป็นส่วนเกินไปอย่างน่าเสียดาย
อีกส่วนที่คิดว่าขุนพันธ์ภาคนี้ทำความดีที่มีในภาคก่อน ๆ หล่นหายไปคือการปูพื้นตัวร้ายในหนังหรือคู่ต่อกรในหนังให้เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากรัฐบาล แต่ใน กลับปูพื้นตัวละครให้เสือดำมีความแค้นบางอย่างกับขุนพันธ์ ส่วนเสือมเหศวรนี่ดันไปเอาพล็อต คลาร์ก เคนต์ กับซูเปอร์แมนมาสวมแทนจนทุกอย่างดูหลุดโลกไปหมด ที่สำคัญคือการหาทางลงให้ทั้งสองปมก็เข้าขั้นแลนดิงได้ไม่สวยงามเท่าใดนัก
และที่ถือเป็นจุดบอดมากที่สุดในบทภาพยนตร์คือการที่มันอุตส่าห์ดันให้มีตัวละครใหม่อย่าง ร้อยตรีทัตเทพ ที่อุตส่าห์จะปั้น เอม ภูมิภัทร ถาวรศิริ นักแสดงดาวรุ่งที่เริ่มสร้างชื่อทั้งจากซีรีส์ ‘เด็กใหม่ 2’ และหนัง ‘วันสุดท้ายก่อนบายเธอ’ มารับบทตัวละครที่เราได้แต่หวังว่ามันจะไม่จบลงงง ๆ เหมือน ดาบแดงปืนคู่ ที่ไม่ค่อยมีที่มาที่ไปในหนังภาคที่แล้ว
entertainment
ในปีพ.ศ. 2493 เนื่องจากบ้านเมืองยังคงได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่สอง ยุคข้าวยากหมากแพงประเทศชาติกำลังถังแตกชุมเสือร้ายกลุ่มนอกกฎหมายยังคงชุกชุม ข้าราชการเต็มไปด้วยความฉ้อฉล ใช้อำนาจในทางที่ผิดแต่ทว่า “ขุนพันธรักษ์ราชเดช” นายตำรวจฝีมือดีผู้ปราบคดีดังด้วยวิชาอาคมจนเป็นที่โจษจัน ไปทั่วประเทศแต่ด้วยเหตุการณ์ของกลุ่มโจรชุดดำโดยมีการนำกลุ่มของเสือฝ้าย และเสือใบ โดยเหตุการณ์ในครั้งนั้นขุนพันธ์กับถูกเพ่งเล็งว่าอาจแปลพักไปคบค้ากับพวกโจรเนื่องจากคดีในครั้งนั้นขุนพันธ์ได้แฝงตัวไปอยู่กับกลุ่มโจรชุดดำโดยเหตุการณ์ในครั้งนั้นขุนพันธ์กับถูกเพ่งเล็งว่าอาจแปลพักไปคบค้ากับพวกโจรเนื่องจากคดีในครั้งนั้นขุนพันธ์ได้แฝงตัวไปอยู่กับกลุ่มโจรชุดดำ ขุนพันธ์จึงตัดสินใจคิดหวังมือแรกกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติสุขที่บ้านเกิดนครศรีธรรมราช กับครูนุ่น ภรรยาที่กำลังจะให้กำเนิดชีวิตใหม่ แต่เนื่องจากมีเหตุการณ์ของสามนักการเมืองสำคัญได้ถูกลักพาตัวทางส่วนกลางเลยต้องขอให้ท่านขุนกลับไปปฎิบัติภารกิจในครั้งนี้
ความรู้สึกก่อนได้ชม : ต้องบอกว่าส่วนตัวผมค่อนข้างคาดหวังกับขุนพันธ์ 3 มากๆ เพราะผมติดตามตั้งแต่ภาค 1 ที่สู้กับอัลฮาวียะลู แล้วก็มาต่อกับภาคสองที่สู้กับเสือฝ้ายแล้วก็เสือใบ ยิ่งภาคสองต้องบอกว่าค่อนข้างที่จะแอ็คชั่นโดนใจผมมากๆแล้วก็เหมือน ผู้กำ ผู้กำกับ คุณ ก้องเกียรติ โขมศิริ จะจับแนวทางว่าทำยังไงถึงจะทำให้คนดูรู้สึกสนุกต้องบอกว่าภาคสามผมค่อนข้างจะคาดหวังมากๆครับจากผลงานเดิมที่ทำมาดีอยู่แล้ว
ความรู้สึกหลังชม :ต้องบอกว่าสมกับการรอคอยจริงๆนอกจากฉากแอ็กชั่นถึงใจแล้วการวางพล็อตเรื่องทำมาดีมากๆส่วนตัวผมชอบหลายฉากนะครับไม่ว่าจะเป็นสีหน้ารมความรู้สึกการดึงดาม่ามันเป็นหนังที่ชมสนุกจริงๆ ตอนแรกมีคนบ่นว่าหนังยาวถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง กับกายเป็นว่าพอดูไปแล้ว 2 ชั่วโมงครึ่งผมมีความรู้สึกว่าหนังมันดึงให้เรารู้สึกอยู่กับหนังได้จนรู้สึกว่าหนังไม่ได้ยาวไปเลย 2 ชั่วโมงครึ่แถมพอหนังจบมันทำให้รู้สึกว่าเฮ้ยหนังจบแล้วหรอ ยังรู้สึกว่ายังชมต่อได้อีก 2 ชั่วโมงก็ยังไหวคงต้องบอกว่าสำหรับแฟนแฟนขุนพันธ์ที่ติดตามมาตั้งแต่ภาคหนึ่งไม่ควรพลาดจริงๆ