Hitman Agent 47 (2015) ฮิทแมน สายลับ 47

นักแสดง

Rupert Friend รูเพิร์ต เฟรนด์

Hannah Ware

Zachary Quinto

Ciarán Hin

ds

 

ผู้กำกับ

Aleksander Bach

รีวิว  Hitman Agent 47 (2015) ฮิทแมน สายลับ 47

entertainment

จากตำนานวิดีโอเกมอันโด่งดังสู่หนังฉบับรีเมค โดยผลงานกำกับของ อเล็กซานเดอร์ บาค (Aleksander Bach) ผู้กำกับหน้าใหม่ที่เปิดตัวในวงการฮอลลีวู้ดด้วยภาพยนตร์ใหญ่เรื่องแรกในชีวิต ซึ่งได้ “รูเพิร์ต เฟรนด์ (Rupert Friend)” รับบทเป็น “Agent 47″ นักฆ่าสุดโหดที่มีเอกลักษณ์โล้นซ่าส์ใส่สูทถือปืน แม้ว่าหนังที่สร้างมาจากเกมจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก แต่วงการ Hollywood ก็ยังคงมีผู้กำกับที่อยากลองของอยู่เป็นประจำแทบทุกปี

ส่วนตัวแล้วเป็นหนังที่ดูเอามันส์ได้เป็นอย่างดีแทบไม่ต้องคิดไรมากเลยล่ะครับเรื่องราวในหนังจะเล่าผ่านนักฆ่าลึกลับนามว่าหมายเลข 47 ที่มีรอยสักรูปบาร์โค้ดติดอยู่ด้านหลังศีรษะ ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรมทำให้มีความสามารถหลากหลายด้าน ทั้งการต่อสู้ที่คล่องแคล่วว่องไว มีความแข็งแกร่งอดทน และสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด ถูกมอบหมายงานให้ตามล่า แคเทีย เวน ดีส แต่กับพบว่าเธอคือลูกสาวของผู้สร้างหมายเลข 47 และเป็นกุญแจสำคัญอะไรบางอย่างที่ดลใจให้เขาเปลี่ยนเป้าหมายโดยมุ่งเป้าไปที่ องค์กร Syndicate ผู้ทรงอิทธิพลยักษ์ใหญ่ด้านการสร้างกองทัพนักฆ่า

Hitman Agent 47 เป็นหนังจากเกมที่ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก ไม่ค่อยซับซ้อน มีฉากแอ็คชั่นเลือดสาดที่สนุกดูได้เพลิน ๆ มีความคล้ายคลึงกับหนังสายลับและหนังไซไฟอยู่หลายเรื่อง ซีนต่อสู้สนุกใช้ได้กับมุมมองกล้องก็ดูแปลกใหม่ ที่สำคัญคือพอลวอล์คเกอร์ (Paul Walker) ถูกหมายตัวให้รับบทเป็นสายลับ Agent 47 แต่ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2013 เป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะเขาเกิดเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ก่อนที่จะเริ่มถ่ายทำ ในวันที่ 9 มกราคม 2014 โดยได้รูเพิร์ตเฟรนด์ (Rupert Friend) มารับหน้าที่แทน ส่วนการถ่ายทำนั้นมีขึ้นที่กรุงเบอร์ลินและสิงคโปร์

ภาพรวมของหนัง Hitman Agent 47 ถ้าจะหาความสมเหตุสมผลของหนังบอกเลยว่ามีน้อย เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าเป็นฉบับรีเมค เริ่มสร้าง 2013 ออกฉาย 2015 ปัญหาของหนังคือเดินเรื่องเส้นตรงและโทนเดียวไปนิด ใครที่ชอบแนวกึ่ง ๆ มนุษย์ดัดแปลงเก่งและฉลาดก็เข้าทางเลย ส่วนต้นแบบนั้นมาจากตัวละครหลักของทางค่ายเกม IO Interactive ช่วงหนังออกมาแรก ๆ ก็โดนวิจารณ์ในเชิงลบ แต่ก็สามารถกวาดรายได้ทั่วโลกมา 82 ล้านเหรียญ เทียบกับงบประมาณที่ 35 ล้านดอลลาร์ ก็ถือว่าผ่านเรื่องรายรับไปแบบหวุดหวิด