ดูหนัง Deadpool and Wolverine (2024) เดดพูล & วูล์ฟเวอรีน ในขณะที่ วูลฟ์เวอร์รีน ผู้เหนื่อยล้ากำลังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตนเอง เขาก็ได้มาพบกับจอมพูดมากอย่าง เดดพูล ผู้ที่เดินทางข้ามเวลามายังอนาคตเพื่อที่จะรักษามิตรสหายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา ด้วยความหวังที่ว่าจะสามารถผูกมิตรกับเจ้าสัตว์ร้ายและร่วมมือกันเพื่อนที่จะปราบศัตรูที่พวกเขามีร่วมกัน เรื่องราวเริ่มต้นด้วย Deadpool ที่รับบทโดย Ryan Reynolds ซึ่งยังคงไม่เคารพกฎเกณฑ์เช่นเคย โดยออกเดินทางอย่างไม่คาดคิดผ่านมัลติเวิร์ส เมื่อเขาเผชิญหน้ากับ Wolverine ของ Hugh Jackman ทั้งสองก็กลายมาเป็นคู่หูที่ไม่น่าจะเป็นไปได้แต่ก็มีพลัง พวกเขาถูกบังคับให้ร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรูตัวใหม่ที่ทรงพลัง เดินทางในโลกคู่ขนานและเผชิญหน้ากับใบหน้าที่คุ้นเคยจากมัลติเวิร์สของ Marvel ในขณะที่พวกเขาเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งและบุคลิกที่ขัดแย้งกันเอง ความร่วมมือที่ไม่เต็มใจของ Deadpool และ Wolverine ทำให้เกิดช่วงเวลาระเบิดอารมณ์ ตลกขบขัน และคาดไม่ถึง
อ่านบทความ ดูหนัง Deadpool เดดพูล
อ่านบทความ ดูหนัง Deadpool 2 เดดพูล 2
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
Ryan Reynolds Hugh Jackman Emma Corrin Matthew Macfadyen Shawn Levy แล้วก็มาถึงหนึ่งในโปรแกรมหนังฟอร์มใหญ่ฟอร์มยักษ์ที่คอหนังทั่วโลกเฝ้ารอคอยมากที่สุดในปีนี้ กับความพยายามมากอบกู้สถานการณ์ให้กับวงการหนังซูเปอร์ฮีโร และนี่ก็คือหนังเพียงหนึ่งเดียวเรื่องเดียวประจำปีนี้จากค่ายมาร์เวล สตูดิโอ ใน “Deadpool and Wolverine เดดพูล กับ วูลฟ์เวอรีน” นับว่าเป็นการคัมแบ็กกลับมาของฮีโรสุดเกรียนในรอบ 6 ปีเต็ม ที่ยังท็อปฟอร์มเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ สำหรับเรื่องราวใน Deadpool & Wolverine ว่าถึงช่วงชีวิตของเดดพูล ที่ได้วางชุดสูทแดงเอาไว้มานานหลายปี พร้อมกับใช้ชีวิตธรรมดาเป็นเพียง เวด วิลสัน แต่ปรากฏว่าเขาได้ทราบว่าบ้านเกิดของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย จึงต้องเดินทางข้ามเวลามาตามหา วูลฟ์เวอร์รีน ผู้เหนื่อยล้ากำกังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตัวเอง มหกรรมการผูกมิตรครั้งใหม่และยิ่งใหญ่ระหว่างกัน เพื่อปราบศัตรูเป้าหมายเดียวกันของพวกเขาจึงได้เริ่มต้นขึ้น มันคงจะไม่ต้องสาธยายอะไรมากหรอก เพราะแค่เห็นชื่อการกลับมาผนึกกำลังกันอีกครั้งของ “ไรอัน เรย์โนลด์ส” กับผู้กำกับคู่บุญ “ชอว์น เลวี” แน่นอนว่าบันเทิงสุดแสบสันต์สุดเซาะแซะแทบจะพรุนต้องบังเกิดขึ้นแน่นอน นี่น่าจะเป็นองค์ประกอบสูตรสำเร็จที่ลงตัวมาตั้งแต่ Deadpool ภาคแรก เรื่อยมาจนถึง Deadpool 2 แล้วทำไมภาคนี้พวกเขาจะไม่มาร่วมแจมกันอีก ที่พิเศษสุดก็คงจะเป็นการได้ตำนาน “ฮิว แจ็คแมน” กลับมาเป็นคาแรกเตอร์ที่แฟน ๆ รักและเทใจให้อยู่เสมอ เราสามารถไว้วางใจและปล่อยจอยไปกับหนังชุดนี้ได้เลย เพราะมันจะค่อนข้างแตกต่างจากจักรวาลหนังมาร์เวลที่จะเน้นดำเนินเรื่องไปตามเส้นหลักที่ขีดทิศทางเอาไว้ แม้ว่าเรื่องนี้ก็จัดได้ว่าเป็นการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในจักรวาลหนังมาร์เวลและถูกกำหนดทิศทางเอาไว้แล้วเช่นกัน แต่คารมขบขันที่คมคายอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของหนังเรื่องนี้ ก็ถูกชูขึ้นเป็นไฮไลต์ที่อยู่เหนือกว่าสิ่งอื่นใด ซึ่งนั่นก็ตอบโจทย์ความบันเทิงถึงขีดสุดให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี สามทหารเสือเช็ตเดิม อย่าง “เร็ตต์ รีส” ร่วมด้วย ชอว์น เลวี กับ ไรอัน เรย์โนลด์ส ก็ยังกลับมาร่วมละเลงใส่เต็มกับบทหนังภาคนี้อีกเช่นเคย นี่คือภาคที่ 3 แล้ว พวกเขาต่างรู้ดีกว่าแฟนหนังของพวกเขาต้องอะไร และอยากจะเห็นอะไร ทำให้พากันลงมือใส่อรรถรสให้กับเรื่องราวของหนังเรื่องนี้แบบไม่มีแผ่ว บนพื้นฐานของโครงสร้างเส้นเรื่องนี้ยังมีอยู่ ถึงจะไม่ได้แปลกใหม่และชวนว้าวมากนัก แต่ระหว่างทางก็เต็มไปด้วยเซอร์วิสที่เซอร์ไพรส์แฟนหนังแบบเหนื่อยกันไปข้าง อาจจะกล่าวได้ว่า Deadpool and Wolverine คือหนังฮีโร่ที่ใส่เครื่องปรุงออกมาเป็นมหกรรมการแกงแบบหม้อใหญ่ ๆ แกงแบบรสชาติจัดจ้าน ชนิดที่ยังไม่เคยมีหนังมาร์เวลเรื่องไหนกล้าทำเช่นนี้มาก่อน ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาก็คือความบันเทิงชามโตเสิร์ฟตรงถึงคนดูแบบเต็ม ๆ บอกได้ว่านี่คือหนังที่พวกชอบสปอยล์อาจจะต้องเหนื่อยกันสักหน่อย ที่จะบรรยายรายละเอียดต่าง ๆ ในเรื่องนี้แบบเหนือชั้นให้ได้ทั้งหมด เพราะพวกเขาจัดให้แบบกองพะเนิน ที่สำคัญที่ทำให้ Deadpool and Wolverine กลายเป็นหนังที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แพรวพราวมาก ๆ ก็คือลีลาการแสดงอันเป็นสไตล์ของ ไรอัน เรย์โนลด์ส ที่ยังคงเป็นฮีโรกวนอวัยวะช่วงล่าง พร้อมกับคารมที่พูดมากพูดเยอะตลอดเวลา แต่ก็แซะเสียดสีจิกกัดได้อย่างทะลุทะลวงแทบจะทุกนาทีของหนังเลยก็ว่าได้ เป็นการปล่อยมุกยิงมุกที่ไม่ว่างเว้นและไม่เหน็ดเหนื่อยจริง ๆ และการสวมวิญญาณเป็นเดดพูล ก็น่าจะเป็นหนึ่งในจิตวิญญาณที่ติดตัวเขาไปเสียแล้ว อีกทั้งเมื่อมาผสมร่วมโรงกับ ฮิว แจ็คแมน ที่กลับมาเป็นตำนานวูลฟ์เวอรีนอีกครั้ง ยังไงก็ต้องเป็นผู้ชายคนนี้จริง ๆ ไม่ว่าเวลาจะผ่านล่วงเลยไป 20 กว่าปีแล้ว โลแกนก็ยังเป็นบทที่ติดตัวเขาและติดตาคนดูไปแล้ว เคมีของนักแสดงหนุ่มจากแคนาดากับหนุ่มจากออสเตรเลียคู่นี้ ได้เปล่งประกายออกมาได้อย่างเหมาะเจาะ บางก็ยังมีมุมแผลอจิ้นให้สาววายสมองไหลได้บริหารต่อมจิ้น มันคือความเข้าขากันอย่างไม่น่าเชื่อ และยังเป็นความบันเทิงแบบคาดไม่ถึง ไม่เพียงเท่านั้น Deadpool & Wolverine ยังพกทีเด็ดเอาซุกซ่อนเอาไว้อีกเพียบ โดยเฉพาะตัวละครสมทบ อย่าง “เอ็มมา คอร์ริน”, “แมทธิว แม็คฟาดเยน” หรือ “ร็อบ เดลานีย์” เป็นส่วนเสริมที่มาช่วยเติมเต็มให้หนังเรื่องนี้สมบูรณ์ขึ้น พร้อมกับกองทัพดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรส์ที่ต้องไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาดวงเอง เพราะนี่คืออรรถรสที่เหมาะเหลือเกินที่อยากจะให้ไปสัมผัสฟีลลิงนั้นในโรงภาพยนตร์แบบตื่นเต้นชวนว้าว และอีกองค์ประกอบที่ขาดไปไม่ได้เลยในการเป็นหนังเดดพูล ก็คือการสรรหาคัดเลือกเพลงประกอบในหนังเรื่องนี้ ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ยียวนกวนประสาทเหมือนเคย แต่ก็นับว่าเป็นการสรรเสริญเพลงดังอมตะในช่วงยุค 1990s จนถึงช่วงต้นยุคปี 2000s ที่บางเพลงก็เป็นเพลงเห่ย ๆ แต่เมื่อนำมาใส่อยู่ในหนังเรื่องนี้แล้ว กลับกลายเป็นว่าช่วยเสริมชีวิตชีวิตให้กับ Deadpool and Wolverine ได้อย่างประทับใจมากยิ่งขึ้น ดังนั้นในภาพรวมแล้ว เราอาจจะบอกไม่ได้หรอกว่า Deadpool and Wolverine คือหนังที่มากอบกู้มาร์เวลในยุคที่กำลังตกต่ำนี้ เพราะมันก็เหมือนกับเป็นหนังที่มาเบรกคั่นเวลาก่อนจะกลับไปสู่เส้นทางเรื่องหลักของจักรวาลหนังมาร์เวลนั่นเอง แต่ผลผลิตของหนังเรื่องนี้ตอบโจทย์ความบันเทิงได้อย่างแท้ทรู เป็นอรรถรสที่แฟน ๆ น่าจะคุ้นเคยกันดี แต่ก็เป็นสิ่งที่คิดถึงเพราะว่ามันขาดหายไปหลายปีแล้วเหมือนกัน ไม่เพียงเท่านั้น Deadpool & Wolverine ยังกลายเป็นหนังที่ชวนกระตุ้นต่อมคนึงจิตต์ (Nostalgia) ให้กับแฟน ๆ มาร์เวลได้อย่างถลำลึกไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะความพยายามสดุดีตำนานของอดีตค่ายทเวนตี เซ็นจูรี ฟ็อกซ์ สตูดิโอที่ถือว่าเป็นผู้บุกเบิกตำนานหนังฮีโรมาร์เวลมาตั้งแต่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ก่อนจะมาควบรวมกับดิสนีย์ในปัจจุบัน ที่มันคือบทสรุปที่ปิดตำนานนี้ลงอย่างจับใจ งดงามสไตล์น้ำฮาต้องไหลเล็กกันเลยทีเดียว beartai หลังจากที่หนังซูเปอร์ฮีโรซบเซาอย่างหนัก ก็คงจะมีแต่ ‘Deadpool & Wolverine’ หนังเรื่องเดียวในปีนี้ของ Marvel Studios ที่สร้างกระแสความ Hype มาโดยตลอด ตั้งแต่การเข้าสู่จักรวาล MCU ครั้งแรกของ Deadpool และ X-Men การกลับมารับบทวูล์ฟเวอรีนครั้งแรกในรอบ 7 ปีของคุณพี่ ฮิว แจ็กแมน (Hugh Jackman) ซึ่งคราวนี้ได้เพื่อนซี้ของทั้งคู่อย่าง ชอว์น เลวี (Shawn Levy) ที่เคยทำงานกับแจ็กแมนใน ‘Real Steel’ (2011) และกับเรย์โนลส์ใน ‘Free Guy’ (2021) และ ‘The Adam Project’ (2022) มากำกับและเขียนบทร่วมกับเรย์โนลส์, พอล เวอร์นิก (Paul Wernick) และเร็ตต์ รีส (Rhett Reese) มือเขียนบทจาก 2 ภาคแรก รวมทั้งเซ็บ เวลส์ (Zeb Wells) ผู้เขียนบทซีรีส์ ‘She-Hulk: Attorney at Law’ (2022) ‘Deadpool & Wolverine’ เป็นเหตุการณ์ที่สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ใน ‘Deadpool 2’ (2018) หลังจากเหตุการณ์นั้น เวด วิลสัน/Deadpool (ไรอัน เรย์โนลส์ – Ryan Reynolds) ตัดสินใจแขวนชุดดำ-แดง เกษียณตัวเองอยู่กับบ้าน โชคดีหน่อยตรงที่เขาเองยังคงมีแฟนสาว วาเนสซา (โมเรนา แบ็กคาริน – Morena Baccarin) และเพื่อน ๆ อยู่พร้อมหน้า แต่ผลจากการไปป่วนแก้ไขไทม์ไลน์ ส่งผลให้เขาถูกองค์กรกำกับสาขาเวลา (Time Variance Authority) หรือ TVA บุกเข้ามาจับตัว เขาได้ทราบจากปากของ พาราด็อกซ์ (แมธธิว แม็กเฟเดียน – Matthew Macfadyen) เจ้าหน้าที่ TVA ว่า Earth-10005 หรือจักรวาลที่เขาอยู่นั้นกำลังเกิดความปั่นป่วนขั้นร้ายแรง ที่อาจส่งผลทำให้เส้นเวลาของเขาถูกทำลายลง เวดจึงต้องกลับมาสวมชุด Deadpool สุดเฟี้ยวรัดติ้วเพื่อออกตามหา โลแกน/Wolverine (ฮิว แจ็กแมน – Hugh Jackman) ผู้หมดไฟในการเป็นวูล์ฟเวอรีน เพื่อร่วมกันทำภารกิจปกป้องเส้นเวลาของตัวเองจากการคุกคาม ที่มี แคสแซนดรา โนวา (เอ็มมา คอร์ริน – Emma Corrin) มิวแทนต์พลังจิตคอยบงการ คือถ้าพี่ Deadpool แกตั้งตนเป็นศาสดา Marvel ก็คงต้องใช้คำว่าศาสดาลงมาโปรดแล้วด้วยจริง ๆ ในขณะที่เรย์โนลส์ ทั้งในฐานะนักแสดงและโปรดิวเซอร์ ก็ยังคงรักษาจิตวิญญาณความเป็น Deadpool ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ใครที่กลัวว่าพอเข้า MCU แล้วจะเป็นเรต R เพดานต่ำไหม คำตอบก็คือไม่ครับ บรรยากาศและความบันเทิงแบบภาคก่อน ๆ ยังมาเต็ม ทั้งบรรดาคำหยาบคาย มุกทะลึ่ง ฉากแอ็กชันซาดิสม์เลือดสาดในสเกลใหญ่กว่าเดิม มุกยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ทลายกรอบสังคม ขย่มกรอบ PC (Political Correctness) หรือแม้แต่มุกบ้าบอคอแตกแบบ “เ-ี้ยอะไรวะเนี่ย” ก็ยังคงมีอยู่ครบถ้วนตั้งแต่ซีนแรกยัน End-Credits สุดท้าย อีกอันที่ผู้เขียนชอบมาก และเป็นสิ่งที่ส่วนตัวชอบมากที่สุดในภาคนี้ก็คือ มุกการทลายกำแพงที่ 4 ที่นับเป็นอีกไม้ตายของ Deadpool ที่คราวนี้มันไม่ได้มีเอาไว้แค่หันมามองกล้องแล้วเล่าเรื่อง แอบแวะแซะคนอื่น วนกลับมาแซะตัวเอง หรือการการใส่ Easter-Egg เหมือนภาคอื่นเท่านั้น แต่มัน ก.ส.ต. ชิกหัยขึ้นไปอีกสเต็ป เพราะภาคนี้พี่เค้าล้อเลียนข้ามค่าย ข้ามสตูดิโอ ล้อ Pop-Culture ไปเรื่อยไปเปื่อย แต่ไม่ได้มีแค่ Mention เฉย ๆ มันลามไปถึง Art Direction ที่ล้อใหญ่ล้อโตแบบไม่สนลูกใครกันไปเลย ความเล่นใหญ่นี้ยังสะท้อนไปถึงบรรดา Cameo เซอร์ไพรส์ที่อยู่ในหนังครับ บอกเลยว่าไอ้ที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี่คือสิว ๆ เพราะจริง ๆ แล้วในหนังยังมีเซอร์ไพรส์อีกบาน มีทั้งที่คาดถึง คาดไม่ถึง และโคตรจะคาดไม่ถึง โดยเฉพาะ Fan Service จากบรรดาหนัง Pre-MCU (หนังจากสตูดิโอที่สร้างจากคาแรกเตอร์ของ Marvel ก่อนการก่อตั้ง Marvel Studios) ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น X-Men ของ 20th Century Fox ที่ชวนให้นึกถึงยุคต้น 2000 และก่อนหน้านั้นนิดหน่อย ถ้าใครอายุ 25 ปีขึ้น และทันได้ดู X-Men ก็จะอินและกรี๊ดไปกับการ Tribute ยั่วล้อ (และดักแก่) ที่ไม่ได้แค่โผล่มาขำ ๆ เพราะต่างก็มีบทบาทของตัวเอง แต่ด้วยความที่ตัวหนังไม่ได้เสียเวลาอธิบายมุกวงใน คนไม่เคยดูหรือไม่อินก็อาจจะงงจนแป้กได้ (แต่ถ้ามองอีกแง่ พอ MCU เล่นท่านี้มาก ๆ มันก็แอบเศร้านะที่ได้เห็นจักรวาล Fox มันจบไปแล้วต่อหน้าต่อตา และมันก็เป็นการย้ำหนักเข้าไปอีกว่า MCU ยุคนี้ยังไม่มีอะไรที่จะเอามาชูโรงได้จริง ๆ จัง ๆ สักที จนต้องไปพึ่งพาฮีโรจากจักรวาลอื่นที่จบสิ้นไปแล้วแทน) อีกอย่างที่ผู้เขียนชอบสุด ๆ ก็คือ สำหรับคนที่อินกับ ‘Logan’ (2017) คงแอบสงสัยแหละว่า เอาพี่แจ็กแมนกลับมาขนาดนี้ มันจะไม่เป็นการปู้ยี้ปู้ยำการตายอันยิ่งใหญ่ของโลแกนใช่ไหม คำตอบก็คือไม่เลยครับ ตัวหนังฉลาดมากในการอธิบายเชิงประจักษ์ ตั้งแต่เหตุผลที่วูล์ฟเวอรีนใส่ชุดสีเหลือง-น้ำเงินแบบเดียวกับในคอมิก รวมถึงพล็อตช่วงต้นเรื่องที่ Deadpool อธิบายให้เห็นกันโต้ง ๆ ไปเลยว่า หนังเรื่องนี้ไม่ได้หากินกับมุกมัลติเวิร์ส ขุดเอาดาราเก่ามาย้อมใหม่แบบไร้เหตุผล (นะโว้ย) แต่ที่ชิกหัยขั้นสุดก็คงหนีไม่พ้นการหันกลับมาแวะแซะบ้านเก่า 20th Century Fox และหันกลับมาแซะบ้านใหม่ Disney และ Marvel ได้แบบแสบสันชนิดที่ไม่ผิดหวัง และที่ชิกหัยขั้นสุดก็คือเราจะได้เห็นพล็อตที่ว่าด้วยเส้นเรื่องการกอบกู้ไทม์ไลน์ของ Deadpool and Wolverine ที่ขนาบคู่ไปกับการกอบกู้ MCU และวิกฤติศรัทธาที่ Marvel Studios สูญเสียไปจากความล้มเหลวของหนังซูเปอร์ฮีโรด้วย ซึ่งตัวหนังก็แฟร์มากที่กล้าจะวิจารณ์นโยบาย วิสัยทัศน์ของสตูดิโอที่ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไปจนถึงบรรดาแฟนหนังซูเปอร์ฮีโรบางส่วนแบบตรงไปตรงมา เป็นการบิดเอาโลกที่เกิดขึ้นจริงมายั่วล้อกับโลกที่เกิดขึ้นในหนังได้เจ็บแสบและฉลาดสุด ๆ คือจริง ๆ ถ้าจะดูหนังเรื่องนี้ในแง่ของการเป็นแฟนเซอร์วิส ไม่ว่าจะเป็นแฟนของทั้ง Deadpool เอง หรือเป็นแฟนเซอร์วิสหนัง Pre-MCU ก็ตาม ก็นับได้ว่าเต็มอิ่มจนไม่รู้จะติอะไรเลยครับ สำหรับผู้เขียนมันเป็นหนังธีมมัลติเวิร์ส และมีตัวแปร (Variant) ที่เข้าท่าที่สุดใน Multiverse Saga นับตั้งแต่ซีรีส์ ‘Loki’ (2021–2023) เลยก็ว่าได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพล็อตเรื่องก็ยังคงเดินเรื่องแบบเส้นตรงที่ไม่ได้ซับซ้อน ในขณะที่ตัวหนังก็ยังแอบมีจุดที่เสียรายละเอียดในเนื้อเรื่องเพื่อโชว์ตลกไปบ้างอยู่เหมือนกัน ยังดีที่ตัวหนังทดแทนกันด้วยพาร์ตดราม่า และการเติมหัวใจให้กับตัวละครที่บอบช้ำและเต็มไปด้วยบาดแผลอย่างเข้มข้นและอิ่มอกอิ่มใจ ทั้งในแง่ของมิตรภาพ ครอบครัว การต่อสู้เพื่ออะไรสักอย่างด้วยความหวัง และรับมือกับวิกฤติวัยกลางคน (Midlife Crisis) ที่เข้ามารุมตบคนหนึ่งให้รู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญ และรุมกระทืบอีกคนหนึ่งจนรู้สึกว่าตัวเองห่วยแตก ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอแล้วล่ะที่จะทำให้มองข้ามความไม่ซับซ้อนและดูได้แบบเพลิน ๆ ส่วนของนักแสดงหลักของเรื่อง แน่นอนว่า ถ้าพี่แจ็กแมน คือหนึ่งเดียวของบทวูล์ฟเวอรีน พี่เรย์โนลส์ก็คือหนึ่งเดียวในบทบาทเดดพูลเหมือนกัน และ 2 คนนี้ก็กลายเป็น Deadpool & Wolverine ที่มีครบทั้งความ Frenemy หยุมหัวกันสะใจ ในขณะที่ก็มีความ Bromance ขำ ๆ ที่เคมีเข้าแข้งเข้าขากันสุด ๆ ในขณะที่เรย์โนลส์คือ Deadpool ที่ซึมลึกเข้าไปถึงตัวตน แจ็กแมนก็กลับมารับบทโลแกนได้อย่างสมศักดิ์ศรี ฉากแอ็กชันดุ ๆ และฉากดราม่าซึ้ง ๆ ก็ยังเอาอยู่ เติมด้วยมุกฮาหน้าตายที่เพิ่มเข้ามาได้กำลังดีจนไม่เสียตัวตน เอาจริง ๆ หลังจากนี้ก็คงใกล้จะเห็นภาพความเป็นจริงแล้วล่ะ ว่าที่สถาปนาตัวเองว่าเป็นศาสดาแห่ง Marvel จะเข้ามากอบกู้ศรัทธาของ MCU ให้กลับมาเรืองรองได้ในระยาวมากน้อยแค่ไหน แม้จะมีปัญหากับบทนิดหน่อย แต่ยังให้อภัยได้กับการเป็นหนังที่วางให้มีเซตติงแบบจบในตัว โดยไม่ต้องวอนหาเรื่องเชื่อมต่อเรื่องราวไปสู่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ แบบที่หนังเรื่องอื่น ๆ ของ MCU เคยเป็นมา รวมทั้งยังเป็นหนังที่เรียกความหวังของแฟน ๆ MCU และแฟนหนังฮีโรให้กลับมา Hype และบันเทิงแบบสะใจได้อีกครั้ง รวมทั้งมหกรรม Cameo ที่ให้อารมณ์ใกล้เคียงกับ Cameo ใน ‘Avengers: Endgame’ (2019) และ ‘Spider-Man: No Way Home’ (2021) เป็นหนังที่แฟน Deadpool จะได้ทั้งขำและตกใจกับบรรดาอภิมหาเซอร์ไพรส์กันจนเหนื่อย (แต่ดันเป็นความเหนื่อยที่ก็เพลินจนไม่อยากจะให้จบเหมือนกันนะ เอาเข้าไป) ในขณะที่ถ้าคุณเป็นแฟนหนังซูเปอร์ฮีโรยุคต้น 2000 จะฟินกับการถูกพี่ ๆ เค้าดักแก่ ด้วยการล่วงละเมิดทางความทรงจำ สะกิดติ่ง Nostalgia จนฟินน้ำตาไหลถึงจุดสุดยอดกันไปข้างหนึ่งเลย นักแสดง
ผู้กำกับ
รีวิวหนัง Deadpool and Wolverine (2024) ดูหนังออนไลน์