ดูหนัง Civil War (2024) วิบัติสมรภูมิเมืองเดือด
โลกในอนาคตอันใกล้ ได้เกิดเหตุสงครามกลางเมืองครั้งที่ 2 ขึ้นและลุกลามไปทั่วสหรัฐอเมริกา ทีมนักข่าวได้ออกเดินทางข้ามประเทศที่กำลังรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกหย่อมหญ้า เพื่อจับตาการปะทะกันระหว่างกองกำลังสหรัฐฯ และกลุ่มกองกำลังตะวันตกหัวรุนแรง ที่เรียกร้องต้องการแบ่งแยกดินแดนรัฐเท็กซัสและรัฐแคลิฟอร์เนียออกจากการปกครองภายใต้รัฐบาลเดิม เพราะบัดนี้พวกเขาได้แปรเปลี่ยนรัฐบาลเผด็จการ ในอนาคตอันใกล้ สงครามกลางเมืองได้แผ่ปกคลุมสหรัฐอเมริกา รัฐบาลกลางเผด็จการที่นำโดยประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่สามกำลังเผชิญกับการเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดน แม้ว่าประธานาธิบดีจะอ้างว่าชัยชนะใกล้เข้ามาแล้ว แต่คาดว่าในไม่ช้านี้ วอชิงตัน ดี.ซี. จะเข้าถึงได้โดยกองกำลัง “ตะวันตก” (WF) ที่นำโดยเท็กซัสและแคลิฟอร์เนีย หลังจากรอดชีวิตจากเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในนิวยอร์กซิตี้ ลี สมิธ ช่างภาพสงครามผู้ช่ำชองและโจเอล นักข่าวเพื่อนร่วมงานได้พบกับแซมมี่ ที่ปรึกษาของพวกเขา เพื่อแบ่งปันแผนการสัมภาษณ์ประธานาธิบดีผู้โดดเดี่ยว ขณะที่พยายามเกลี้ยกล่อมพวกเขาไม่ให้ไปที่เมืองหลวง แซมมี่ก็เข้าร่วมกับพวกเขาเพื่อไปที่แนวหน้าในชาร์ลอตส์วิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย เช้าวันรุ่งขึ้น ลีพบว่าโจเอลอนุญาตให้เจสซี คัลเลน ช่างภาพข่าวสาวผู้ใฝ่ฝันที่ลีพบในเหตุระเบิดเข้าร่วมกับพวกเขา
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Kirsten Dunst เคียสเตน ดันท์

วากเนอร์ มูรา

คาลี สแปนีย์

ผู้กำกับ : อเล็กซ์ การ์แลนด์
รีวิว Civil War (2024) วิบัติสมรภูมิเมืองเดือด
beartai
โดยเหตุการณ์พื้นหลังของ ก็คือจินตนาการถึงสหรัฐอเมริกาในจินตนาการของการ์แลนด์ที่ถูกแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายมีวอชิงตัน ดีซี หรือ เซ็นทรัล อเมริกา ที่มีประธานาธิบดีกุมอำนาจและหวังจะรวมชาติอีกครั้ง แต่ทว่าเท็กซัส แคลิฟอร์เนียที่เป็นกองกำลังแบ่งแยกดินแดนตะวันตกกำลังรุกคืบและตั้งใจเผด็จศึกประธานาธิบดีให้ได้ภายในวันที่ 4 กรกฎาคมหรือวันชาติของสหรัฐอเมริกา แต่แทนที่การ์แลนด์จะเล่าเรื่องราวโดยอิงปฏิบัติการทางทหารหรือเอาใจไปเข้าร่วมฝักฝ่ายใด เขากลับสร้างตัวละครเอกให้มีอาชีพฐานันดรที่ 4 นั่นคือผู้สื่อข่าวสงคราม
ท่ามกลางเหตุการณ์คาร์บอมบ์สุดอันตรายทำให้ ลี (รับบทโดย เคิร์สเทน ดันส์, Kirsten Dunst) ช่างภาพสงครามฝีมือดีได้ช่วยชีวิต เจสซี่ (รับบทโดย เคลี่ สแปนี, Cailee Spaeny) ช่างภาพมือสมัครเล่นที่ถือกล้องฟิล์มนิคอนให้รอดพ้นจากอันตรายและแม้จะไม่เต็มใจนัก เจสซี่ก็ได้ร่วมเดินทางกับลี และพรรคพวกอีก 2 คนได้แก่ โจเอล (รับบทโดย แวกเนอร์ มัวร่า, Wagner Moura) ผู้ช่วยของลีและแซมมี่ (รับบทโดย สตีเฟน แม็กคินลีย์ เฮนเดอร์สัน, Stephen McKinley Henderson) นักข่าวอาวุโส โดยจุดมุ่งหมายหลักของลีคือวอชิงตัน ดีซี ที่เธอและโจเอล ตั้งใจจะบุกไปสัมภาษณ์ประธานาธิบดีให้ทันก่อนวันเผด็จศึก
เชื่อว่าอ่านเรื่องย่อแล้ว ผู้อ่านหลายคนต้องคาดหวังความเป็นหนังสงครามที่จะทำให้เราเห็นยุทธวิธีการบุกโจมตีของกองทัพพระเอกเหมือนหนังสงครามเรื่องอื่น แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่การ์แลนด์ต้องการนำเสนอกลับเป็นการทำงานของสื่อมวลชนภาคสนามที่เราจะขอเรียกสั้น ๆ ว่านักข่าวสงคราม และสิ่งที่จะเป็นปัญหาแน่ ๆ สำหรับคนที่เข้าโรงไปชม ‘Civil War’ โดยแบกความคาดหวังและความเคยชินเข้าไปคงเจอคำถามใหญ่ ๆ อยู่หลายช่วงของหนังแน่นอนเพราะหนังเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการอธิบายที่มาที่ไปของสงครามกลางเมือง ไม่ว่าจะในรูปแบบแคปชั่นตอนไตเติ้ลก่อนเริ่มหนัง หรือมีภาพข่าวมาตัดมองทาจเพื่อปูพื้นความรู้ของผู้ชมต่อสถานการณ์เบื้องหลังในภาพยนตร์
ขอบสหนัง
หนังมีองค์ประกอบหลายๆอย่าง ที่ถ้าหากเราดูที่บ้านมันไม่สามารถให้บรรยากาศแบบเดียวกับโรงภาพยนตร์แน่นอน งานภาพที่ทีมงานเรื่องใช้สัดส่วนของภาพแบบ Flat ทำให้เวลาฉายบนจอ IMAX มันดูเต็มตามากๆ ระบบเสียง ที่อันนี้ต้องปรบมือดังๆให้กับทีมมิกซ์เสียง เพราะเป็นหนังสงครามอีกเรื่องที่ทำเสียงปืนได้บันเทิงเหี้ยๆ ยิ่งพอผสมรวมกับระบบเสียงแบบ 12 Channel มันดีย์จนเหมือนดูดเราเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ในหนังได้เลย
.
อาจไม่ใช่หนังสงครามในอุดมคติของใครๆหลายคน ที่ต้องยิงกันตูมตาม ใส่กันปังๆ ตลอดทั้งเรื่อง เพราะตลอดทั้งเรื่องหนังมีส่วนนี้เพียงแค่ช่วงไคลแมกซ์ของเรื่อง ซึ่งมันเป็นส่วนไคลแมกซ์ที่ดีมากๆ ทำดีทำถึง และยังไงแม้ จะไม่ได้มีฉากสงครามตลอดทั้งเรื่อง แต่ในเส้นเรื่องของหนังทุกๆฉากสำคัญของมัน มันก็ทำให้คนดูอย่างเรา รู้สึกกระอักกระอ่วนได้ทุกฉากจริงๆ กดดัน ผมคิดว่าฟิวการดู มันให้ฟิวคล้ายๆเราดู A Quiet Place ที่คนสร้างหนังทำให้เรารู้สึกไปกับเหตุการณ์และตัวละครในเรื่องนี้มากๆ บางฉากแค่หยิบป็อปคอร์นมากินยังรู้สึกไม่กล้าเลย
.
ฉากการปรากฎตัวของ Jesse Plemons แม่งฉากแห่งปีจัดๆ
ส่วนที่ผมติดและแอบหงุดหงิดใจตลอดการดู ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวกับหนัง ก็คือการที่ตัวละครเจสซี่ แม่งใช้กล้องฟิลม์อย่าง Nikon FE2 มาถ่ายทอดสงครามในเรื่องนี้แหละ คือถ้าผมเป็น ลี คงบอกอีหนูนี่ไปแล้ว
entertainment
วิบัติสมรภูมิเมืองเดือด เป็นเรื่องราวของโลกในอนาคตอันใกล้ ได้เกิดเหตุสงครามกลางเมืองครั้งที่ 2 ขึ้นและลุกลามไปทั่วสหรัฐอเมริกา ทีมนักข่าวได้ออกเดินทางข้ามประเทศที่กำลังรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกหย่อมหญ้า เพื่อจับตาการปะทะกันระหว่างกองกำลังสหรัฐฯ และกลุ่มกองกำลังตะวันตกหัวรุนแรง ที่เรียกร้องต้องการแบ่งแยกดินแดนรัฐเท็กซัสและรัฐแคลิฟอร์เนียออกจากการปกครองภายใต้รัฐบาลเดิม เพราะบัดนี้พวกเขาได้แปรเปลี่ยนรัฐบาลเผด็จการ
แน่นอนว่าเราคงจะต้องยกให้ว่า เรื่องนี้คือผลงานชิ้นมาสเตอร์พีชในฐานะผู้กำกับของ “อเล็กซ์ การ์แลนด์” ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมายาวนานกับการเป็นนักเขียนบทหนังที่ได้รับการยอมรับ งานชิ้นนี้เขาก็ยังคงรับหน้าที่กำกับและเขียนบทด้วยตัวเองเช่นเคย พร้อมกับถ่ายทอดมันออกมาได้อย่างคมคายและทรงพลังแทบจะทุกอณูของหนังเรื่องนี้ หลาย ๆ ฉากที่ร้อยเรียงออกมาได้อย่างเหมาะเจาะและกลมกล่อม
คงจะต้องบอกคุณผู้อ่านก่อนว่า ถ้าหากคุณคาดหวังที่จะไปดู Civil War เรื่องนี้ เพื่อสัมผัสกับเนื้อหนังสงครามมันส์ ๆ ยิงกันระห่ำ เต็มไปด้วยชั้นเชิงงัดข้อเรื่องการเมืองการปกครอง เรื่องนี้อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ด้านนี้ให้ได้ เพราะกลายเป็นว่าหนังใช้วิธีเล่าเรื่องด้วยลีลาและสไตล์ที่แทบจะใช้ฉากสงครามเอามาเป็นแค่ตัวประกอบเท่านั้น แต่มันกลายเป็นฉากเอ็กซ์ตราที่เต็มไปด้วยพละกำลังที่ทรงพลังอย่างจัดจ้าน
ต้องไม่ลืมว่าหนังเรื่องนี้เป็นงานสร้างของค่ายหนังเล็ก ๆ อย่าง A24 ที่มักจะทำหนังเฉพาะกลุ่มออกมาเป็นหลักมากกว่า ดังนั้นคุณต้องลืมไปได้เลยว่า Civil War ไม่ใช่หนังบ็อกซ์บัสเตอร์แอคชันสงครามอะไรทำนอง แต่เสนห์และเอกลักษณ์ของหนังค่ายนี้ก็คือแนวทางการเล่าเรื่อง ที่ได้เลือกพาคนดูไปตามรอยย่างก้าวจากมุมมองของอาชีพนักข่าวและช่างภาพสงครามภาคสนาม ที่การอินไซด์คลุกวงในสงครามที่ค่อนข้างแปลกใหม่ไม่น้อย อีกทั้งยังเป็นการสดุดีหนึ่งในวิชาชีพที่เสี่ยงตายสุด ๆ อีกอาชีพหนึ่งของโลก