ดูหนัง Chronicle (2012) โครนิเคิล บันทึกลับเหนือโลก
เด็กไฮสคูลทั้งสามคนได้สร้างการค้นพบสุดเหลือเชื่อขึ้นมา ซึ่งทำให้พวกเขามีพลังประหลาดที่สามารถพัฒนาต่อไปได้โดยการทำความเข้าใจของพวกเขา แต่ถึงแม้พวกเขาจะเรียนรู้การควบคุมความสามารถพิเศษของพวกเขาและใช้มันในด้านดี แต่ชีวิตของพวกเขาก็ต้องเริ่มเสียการควบคุมไป เพราะด้านมืดในตัวพวกเขามาครอบงำ ในซีแอตเทิลแอนดรูว์ เดทเมอร์ วัยรุ่นถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียนและถูกทำร้ายโดยริชาร์ด พ่อที่ติดเหล้าของเขา ในขณะเดียวกันก็ต้องรับมือกับการต่อสู้กับโรคมะเร็ง ของคาเรน แม่ของเขา ครอบครัวของเขายังมีหนี้ค่ารักษาพยาบาล และต้องดิ้นรนหาเงินจ่ายค่ารักษาของคาเรน เพื่อนเพียงคนเดียวของเขาคือแมตต์ แกเร็ตตี้ ลูกพี่ลูกน้องของเขา แอนดรูว์ได้รับแรงบันดาลใจจากเคซีย์ แฟนสาวที่คบๆ เลิกๆ กันของแมตต์ จึงซื้อกล้องเพื่อสร้างไดอารี่วิดีโอเกี่ยวกับชีวิตของเขา
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Dane DeHaan เดน ดีฮาน

Alex Russell

Michael B. Jordan

ผู้กำกับ : Josh Trank
รีวิว
entertainment
โดยหนังเรื่องนี้จะเล่าถึงเรื่องราวของเด็กวัยรุ่น 3 คนที่ได้รับพลังพิเศษและใช้มันตามภาษาเด็กวัยรุ่น สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้แตกต่างจากหนังทั่วไปคือ การใช้มุมกล้องแบบ Found footage เช่นเดียว Cloverfield (2008) กับ The Blair Witch Project (1999)
และจุดแตกต่างของหนังตรงนี้เองที่ทำให้ คุณสัมผัสถึงความเกรียนของเด็กวัยรุ่น วัยคึกคะนองที่ได้รับพลังพิเศษมาอย่างใกล้ชิด ผมชอบการออกแบบตัวละคร โดยเฉพาะตัวละครนำอย่าง Andrew Detmer (Dane DeHaan) ที่ตั้งแต่เกิดมา เขาถูกพ่อทำร้าย ทำให้เป็นเด็กเก็บกด พอได้รับพลังพิเศษมา จึงทำให้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
มิติของตัวละครที่น่าสนใจและมุมกล้องแบบ Found footage เป็นผลงานความคิดสร้างสรรค์จากการมีต้นทุนผลิตหนังแค่ 15 ล้านดอลลาร์ ของผู้กำกับ Josh Trank ผมต้องขอชื่นชมเขาจริงๆ และอยากจะให้มีภาคสองมาก
Super Review Channel
หนังใช้วิธีการนำเสนอผ่านกล้อง แฮนด์ดี้แคม ของวัยรุ่นคนหนึ่งและกล้องของบุคคลอื่น กล้องตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนภาพก็จึงออกมาแบบดิบ ๆ แบบมือกล้องสมัครเล่นทั่วไปถ่าย เทคนิคนี้ทำให้คนดูอาจรู้สึกปวดหัวโดยเฉพาะครึ่งแรก แต่เข้าครึ่งหลัง วัยรุ่นคนหนึ่งที่ได้พลังในการควบคุมวัตถุก็สามารถใช้พลังจิตควบคุมกล้องโดยไม่ต้องใช้มือถือ ภาพจึงนึ่งขึ้น เทคนิคการนำเสนอภาพจากกล้องแฮนด์ดี้แคมแบบนี้เราได้เห็นมาแล้วในหลายเรื่องที่ผู้เขียนขี้เกียจจะยกตัวอย่าง
ในจังหวะหนังเขาจะบิ้วอารมณ์เราเขาก็ทำได้ดีมาก การสู้กันนะมันก็สนุกไม่ต่างกับหนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่เลย ประมาณว่าบ้านเมืองพังยับ ฉากแอ็คชั่นในช่วงท้ายนั้นถือว่าสนุกมาก แต่ละคนใช้พลังสู้กันมันหยด ไอ้คนบ้าพลังก็บ้าไป ไอ้เพื่อนที่จะเตือนนั้นพอเดินไม่ได้ก็ใช้พลังเตือนไป ปล่อยพลังใส่กันแทบจะสนุกกว่าหนังซุปเปอร์ฮีโร่บางเรื่องในช่วงเวลาปัจจุบันเลย
หนังสะท้อนภาพสังคมอเมริกันโดยเฉพาะช่วงชีวิตของวัยรุ่นที่ไม่อยู่นิ่ง ชอบค้นหาตัวตน ตั้งคำถามกับทุกอย่าง ชอบแสดงออกและชอบที่จะเป็นจุดสนใจ และก็ชอบให้ระบบสุริยะจักรวาลหมุนรอบตัวเอง ทั้งยังสะท้อนสภาพครอบครัวที่พ่อติดสุรา แม่ป่วยเป็นโรคร้าย ที่ใช้เงินรักษาจำนวนมากจนครอบครัวประสบปัญหาด้านการเงิน ลูกจึงกลายเป็นเด็กมีปัญหาไป ซ้ำร้ายลูกบางคนยังมีลักษณะเป็นคนอ่อนแอ ถูกเพื่อนล้อรังแกตลอดเวลา หนังแนวนี้อเมริกันชอบทำนักแล จนรู้สึกว่า วัยรุ่ยในสังคมอเมริกันเป็นเช่นนั้นจริงหรือ
ไอ้เรื่องประเด็นการใช้พลังแบบไม่มีขีดจำกัด ไม่มีสามัญสำนึกในการควบคุม เขาก็ต้องการนำเสนอออกมาอย่างชัดเจน จนน่ารำคาญไปเลย ก็ไม่รู้ว่าจะบ้าพลังอะไรขนาดนั้น ก็อย่างว่าแหละ เรื่องของอำนาจไม่เข้าใครออกใคร ไม่ว่าจะเป็นอำนาจเงิน หรืออำนาจกำลัง อำนาจบารมีพ่อ บารมีแม่ ใคร ๆ ก็อยากมี