ดูหนัง Avengers Endgame (2019) อเวนเจอร์ส เผด็จศึก เรื่องราวการปิดจักรวาลมาร์เวลเฟส 3 เหตุการณ์ภายหลังจากที่ธานอสดีดนิ้วล้างครึ่งจักรวาล เหล่าฮีโร่ที่เหลือรอดจะหาทางกอบกู้จักรวาลนี้คืนมาได้อย่างไร โดยในภาคนี้จะมีตัวเด็ดอย่างกัปตันมาร์เวลมาร่วมเสริมทัพด้วย
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง Avengers Endgame
Robert Downey Jr.
Chris Evans
Mark Ruffalo
Chris Hemsworth
ผู้กำกับ
Anthony Russo / Joe Russo
รีวิวหนัง Avengers Endgame (2019) ดูหนังออนไลน์
พอดู Avengers: Endgame จบ เราจึงได้เข้าใจและเห็นความสำคัญของการปูเรื่องราวตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้มากว่า 11 ปี คือทุกคนที่ดูเรื่องนี้ ส่วนมากคงเติบโต ผูกพัน และรู้จักกับตัวละครเหล่านี้มามากพอสมควร ทุกตัวละครจึงแข็งแรงพอ ที่จะทำให้คนดูอินไปกับพวกเขาและเส้นเรื่องใน Endgame นั่นแหละ ผลของการเสียเวลาปูมา 11 ปี เลยทำให้มันเป็นสุดยอดหนังฮีโร่ไปแล้ว
“เวลาคนเรามีความสุข เวลาจะผ่านไปเร็วเสมอ” คำกล่าวนั้นใช้กับ Endgame ได้ดีเลย เพราะเวลา 3 ชั่วโมง ฟังดูอาจนาน แต่พอได้ดูแล้วมันผ่านไปเร็วเหลือเกิน ไม่รู้จะอธิบายคำพูดออกมายังไงเหมือนกันนะ มันเป็นความรู้สึกประทับใจ และอิ่มเอมใจอย่างบอกไม่ถูก คือหลายๆ คนคงตื่นเต้นตั้งแต่หนังปล่อยคลิปมายั่วถี่ๆ พอถึงวันก็ยิ่งตื่นเต้นตั้งแต่นั่งดูโฆษณาก่อนหนังฉายซะอีก Endgame คือหนังฮีโร่ที่มีครบรสมาก สนุก มันส์ ซึ้ง ดราม่า ตลก ผ่านไปแปบเดียว อ้าวจบแล้วหรอ คือเรายังอินกับเรื่องราวอยู่เลย
เขียนรีวิวยากเหมือนกันนะ 5555 จะเขียนยังไงไม่ให้สปอยล์ดีหว่า หนังเรื่องนี้คุณจะได้เข้าใจเลยว่าทำไมถึงกลายมาเป็น Endgame ไม่ใช่ Infinity War Part 2 เพราะหนังมันให้ความรู้สึกที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง และมันเหนือชั้นไปกว่านั้นมาก หนังโคตรมีจินตนาการในการเล่าเรื่อง คนดูอาจจะพยายามเดาว่าจะเกิดไรขึ้นต่อ แต่หนังก็พาคุณฉีกไปเรื่อยๆ เซอร์ไพรส์อีกหลายๆ ฉาก เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ ตื่นตาตื่นใจ คุณต้องร้องว้าวแน่นอน บางฉากคุณอาจจะอยากกรี๊ดหรือลุกขึ้นมาปรบมือให้ตรงนั้นเลย (ใครดูแล้วคงจะเข้าใจ) จุดพีค จุดไคลแม็กซ์แต่ละจุด เรียกว่ามทำได้ถึงมากถึงมากที่สุด แถมยังตอบคำถามที่ค้างคาหลายๆ อย่างในจักรวาลที่ถูกปูมาทั้ง 11 ปีอีกด้วย แต่…เอาเป็นว่ามันก็ยังมีบางจุดที่ไม่ค่อยเวิร์ค ดูรวบรัดเกินไปอยู่เหมือนกัน
สรุปแล้ว Avengers: Endgame เป็นหนังที่บ่งบอกความเป็น Marvel สุดๆ และมันทำออกมาได้ดีมากอย่างไม่ต้องสงสัยเลย หลายๆ อย่างที่คุณคิดว่าจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้ คุณจะได้เห็นเกินกว่าที่คุณคิดว่าจะได้เห็นซะอีก สำหรับเรา มันไม่ใช่หนังที่เราชอบที่สุดในจักรวาล MCU แต่มันเป็นหนังที่เราประทับใจที่สุดไปแล้ว
beartai
หลัง ธานอส ดีดนิ้วสลายสิ่งมีชีวิตไปครึ่งจักรวาล สร้างบาดแผลให้ทีมอเวนเจอร์สอย่างยากจะเยียวยา แต่ด้วยเลือดนักสู้พวกเขาเลือกแปรความเจ็บปวดแล้วร่วมมือผู้รอดชีวิตต่อสู้กับเจ้าแห่งจักรวาล แม้จะด้อยทั้งกำลังคนและพละกำลัง แต่เพื่อแก้แค้นให้ครอบครัวอเวนเจอร์ส พวกเขาจะยืนหยัดต่อกรกับธานอสแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม
นับจาก Ironman ภาคแรกในปี 2008 จนถึง Avengers Infinity War ในปี 2018 ที่ผ่านมาสิริรวมหนังเฉพาะในจักรวาลหนังมาร์เวลอย่างเป็นทางการ 21 เรื่องที่ผ่านมา หนังได้แนะนำให้เราได้รู้จักทั้งเศรษฐีค้าอาวุธกลับใจ คนตัวเล็กๆ ที่ต้องการโอกาสในการรับใช้ชาติ เทพเจ้าที่ค้นพบคุณค่าความเป็นมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ผู้มีปีศาจแห่งความโกรธแฝงในตัว กลุ่มคนนอกคอกแห่งกาแล็คซี่ เด็กน้อยที่พยายามบาลานซ์เรื่องครอบครัวและการปกป้องโลก กระทั่งหัวขโมยกลับใจมาเป็นฮีโร่ร่างจิ๋ว ไม่เว้นแม้แต่ฝั่งสาวๆ ที่ทำให้หนุ่มๆ เห็นถึงพลังของผู้หญิงที่มาพร้อมกับความสวยงาม ซึ่งจากที่กล่าวมาหากเราถอดพลังวิเศษ ถอดชุดเกราะหรือเรื่องราวไซไฟล้ำยุคออก มันแทบจะเป็นบทบันทึกด้านมนุษยวิทยาร่วมสมัยย่อมๆ ได้เลย จนระยะเวลาร่วม 12 ปี มาร์เวลไม่เพียงทำให้เหล่าซูเปอร์ฮีโร่เป็นเพียงผู้พิทักษ์ หรือเป็นไอดอลสำหรับคนดูเท่านั้น แต่เรื่องเล่าและตัวละครที่แข็งแรงของมันกลับทำให้พวกเขากลายเป็นเพื่อน เป็นพี่ชาย และท้ายที่สุดบางคนก็กลายเป็นพ่อ ที่เราผูกพันสัมผัสได้ถึงจิตใจแห่งความเป็นมนุษย์นั่นต่างหากคือความแข็งแรงของจักรวาลภาพยนตร์มาเวลที่ยากเกินใครเลียนแบบ
ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่หนังมาร์เวลแต่ละเรื่องมีความโดดเด่น แตกต่างและได้ความบันเทิงแบบไม่ทิ้งคุณภาพของภาพยนตร์คือการคัดเลือกผู้กำกับที่ตาถึงมากๆ ของ เควิน ไฟกี โปรดิวเซอร์ผู้เป็นเสมือน นิค ฟิวรี่ ผู้ประสานจักรวาลภาพยนตร์ที่ผ่านมาตลอด 3 เฟส และการตัดสินใจที่เรียกได้ว่าแจ๊คพ็อตครั้งหนึ่งของไฟกี คือการเลือก แอนโธนี และ โจ รุสโซ่ เลื่อนขั้นจากผู้ช่วยผู้กำกับมาเป็นผู้กำกับเต็มตัวตั้งแต่ Captain America Winter Soldier ที่แอบใส่เรื่องการเมืองร่วมสมัยลงไป และมาทดลองทำหนังก่อนอเวนเจอร์ส อย่าง Captain America Civil War ที่เรียกได้ว่าเป็น หนังอเวนเจอร์ส ย่อมๆ ได้เลย และแน่นอนเมื่อได้มาสานต่อหนังที่ใกล้ปิดท้ายเฟส 3 อย่าง Avengers : Endgame พี่น้องรุสโซ่ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะนอกจากบทภาพยนตร์ที่กลั่นกรองมาเป็นอย่างดีทั้งเหตุปัจจัยต่างๆที่บีบให้ตัวละครต้องสู้ เดิมพันที่ตัวละครจะต้องจ่ายเพื่อให้ชนะศึกครั้งนี้ที่ถูกถักทออย่างเป็นเหตุเป็นผลมากๆ จนหนังกล้าที่จะให้เรื่องราวกว่า 40% ของมันเป็นดราม่าทั้งที่คนดูต่างตั้งความหวังมาดูฉากแอ็คชั่นหรือความแฟนตาซี แต่ดราม่าของมันกลับนำพาอารมณ์ผู้ชมไปสำรวจจิตใจและสร้างอารมณ์ร่วมกับตัวละครอย่างได้ผล โดยเฉพาะการกำกับซีนดราม่าที่เอาคอเมดีแทรกของพวกเขายังทำให้เห็นทักษะในการเล่นกับอารมณ์ผู้ชมเป็นอย่างดี ที่สำคัญมันยังสามารถเชื่อมร้อยเหตุการณ์ในหนังก่อนหน้าได้อย่างสมเหตุสมผลและน่าประทับใจมาก
ในส่วนดราม่าครอบครัวขอบอกว่าประเด็นที่โดนใจผมมากที่สุดหนีไม่พ้นการตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทความเป็นพ่อที่หนังทำออกมาได้ลึกซึ้งมาก โดยไม่ได้เป็นเพียงการเล่นง่ายๆ แต่หลายปมของหลายตัวละครมันกลับทำให้เราได้กลับมาตั้งคำถามกับตัวเองได้อย่างไม่น่าเชื่อว่าหากเรามีครอบครัวที่สมบูรณ์จะเอาไปเสี่ยงเพื่อ ผลประโยชน์ ของส่วนรวมมั้ย หรือกระทั่งการให้ความหมายของครอบครัวที่ไปไกลกว่าแค่บ้านที่มีพ่อแม่ลูกแต่เป็นมิตรสหายที่เข้าอกเข้าใจเป็นคนแบบเดียวกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่มันสามารถเชื่อมโยงและสัมผัสใจคนดูได้เป็นอย่างดีในหนังมาร์เวลตลอด 12 ปีที่ผ่านมา ซึ่งถ้าสังเกตดีๆในหนังของมาร์เวลจะแอบแทรกดราม่าครอบครัวไว้ตลอด ไม่เว้นแม้แต่หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดูหน้าหนังมุ่งขายความบันเทิงอย่าง Endgame ก็ยังใช้ดราม่าครอบครัวมาเชื่อมร้อยปมต่างๆในหนังได้เป็นอย่างดี และมันยังเป็นเหตุผลรองรับและเดิมพันครั้งใหญ่ในการต่อสู้ของตัวละครทุกตัวได้เป็นอย่างดี ทั้งในแง่ครอบครัวแบบพ่อ แม่ ลูก หรือครอบครัวอเวนเจอร์สที่ผูกพันกันมากกว่าแค่มิตรสหายร่วมรบธรรมดา
อีกส่วนหนึ่งของหนังที่อยากชื่นชมคือการพยายามเปลี่ยนทัศนคติและสร้างมุมมองด้านบวกต่อเพื่อนมนุษย์ ทั้งการให้ความโดดเด่นกับตัวละครผู้หญิง ด้วยภาพลักษณ์ของนักรบที่พร้อมทั้งความงามและความกล้าหาญ รวมไปถึงบทบาทสำคัญในการประคับประคองครอบครัว หรือการให้พื้นที่คนผิวสีในหนังฮีโร่ ซึ่งแม้จะมีช่วงเวลาโชว์พลังหรือความโดดเด่นน้อยไปหน่อย แต่เรียกได้ว่าแมสเสจที่ผู้สร้างพยายามจะส่งผ่านไปยังผู้ชมก็สามารถรับรู้ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นการสานต่ออารมณ์ร่วมของยุคสมัยทั้งการเมืองเรื่องเพศ การเมืองเรื่องสีผิว และทำให้ภาพลักษณ์ของ องค์กร อย่างดิสนีย์ ดูเป็นองค์กรที่มีความหลากหลายในเชิงพหุวัฒนธรรมจากคอนเทนต์ที่ผลิตมาตลอด 12 ปีนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งที่ผมชอบที่สุดคือแม้ชื่อภาคและการตลาดจะทำให้เราจดจ่อแค่ว่าเหล่าฮีโร่จะจัดการกับธานอสยังไง แต่ที่จริงมันกลับมีเรื่องเล่าที่สัมผัสใจ และความสนุกที่เกินพิกัดเท่าที่หนังเรื่องหนึ่งจะให้ได้จริงๆ
ขอบสหนัง
– 11 ปีของพวกคุณยิ่งใหญ่จริงๆ MARVEL มันไม่สูญปล่าวเลย เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้คือคำตอบที่ดี หนังมีช่วงเวลาที่ดีมากๆ ตลอด 3 ชม. ใครที่เป็นแฟนมาร์เวล ดูหนังตั้งแต่เรื่องแรกจนถึงเรื่องสุดท้าย และยิ่งเป็นแฟน COMIC ด้วยแล้ว คุณจะรู้สึกอยากกริ๊ดแตกทุกวินาทีของมัน แม่งมีเท่าไรจัดมาให้หมด ยิ่งช่วงสุดท้ายเอาไปเลย 10 คะแนนเต็ม ๆๆๆๆๆๆ
– การแบ่งพาร์ทของตัวละคร
ชอบที่หนังรู้จักความโดดเด่นของตัวละคร AVENGERS ทั้งหกในรุ่นแรก และดึงประสิทธิภาพพวกเขามาได้ครบ ทุกตัวมีช่วงเวลาที่เด่นและประทับใจไม่แพ้กันเลย
-นี่แหละบทสรุปที่ดี ส่วนนี้ไม่บอกอะไรมาก แต่คงต้องบอกว่านี่แหละมันคือการปิดตำนาน infinity saga ที่สมบรูณ์แบบ
จุดด้อย
ถ้าจะมีก็คงต้องบอกว่า นี่ไม่ใช่หนังที่ถ้าคุณไม่ได้รับรู้เรื่องราวของมาร์เวลมาก่อน คุณอาจจะทำให้ดูหนังเรื่องสนุกได้น้อยลง เพราะหนังหยิบวัตถุดิบต่างๆของหนังทั้ง 21 เรื่องมาใช้ในคุ้มมาก ใครไม่ได้ตามอาจงงได้
สรุป
ไปดูๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เถอะ ชอบมากกกกกกกกก คำเตือน เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนดูหนังเราไม่อยากให้คุณพลาดทุกช่วงเวลาของหนังจริ
10/10