ดูหนัง All the Old Knives (2022) สายลับอดีตรัก
เจ้าหน้าที่ซีไอเอสองคนซึ่งเคยเป็นอดีตคู่รัก (คริส ไพน์ และธันดิเว นิวตัน) หวนกลับมาเจอกันหลังจากเหตุการณ์การพยายามช่วยเหลือตัวประกันที่ล้มเหลวเมื่อหลายปีก่อน และทำให้ต้องมองข้ามขอบเขตระหว่างเรื่องงานและความรู้สึก ในเรื่องราวสุดตื่นเต้นของการจารกรรมระดับโลก สถานการณ์ขัดแย้งทางศีลธรรม และการหักหลังที่ส่งผลถึงชีวิต ในช่วงต้นปี 2020 เจ้าหน้าที่ CIA เฮนรี่ เพลแฮม ได้รับแจ้งจากวิก วอลลิงเกอร์ หัวหน้าของเขาว่า CIA ได้เปิดคดีของ Turkish Alliance 127 ขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์การจี้เครื่องบินของกลุ่มก่อการร้ายในปี 2012 ที่จบลงด้วยโศกนาฏกรรม สำนักงานใหญ่สงสัยว่ามีการรั่วไหลของข้อมูลจากสถานีในเวียนนา ซึ่งเป็นที่ที่เฮนรี่และวิกทำงานอยู่ เฮนรี่ถูกส่งไปสัมภาษณ์ซีเลีย แฮร์ริสัน ซึ่งทำงานอยู่ที่สถานีในเวียนนาในช่วงเวลาที่เกิดการจี้เครื่องบินเช่นกัน เฮนรี่และซีเลียเป็นคู่รักกัน แต่เธอทิ้งเขาไปไม่นานหลังจากเหตุการณ์นั้น ซีเลียซึ่งตอนนี้เกษียณแล้ว อาศัยอยู่ที่เมืองคาร์เมลบายเดอะซี รัฐแคลิฟอร์เนีย กับครอบครัวของเธอ เฮนรี่พบเธอที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งซึ่งแทบจะไม่มีลูกค้าและพนักงานเลย ขณะที่เฮนรี่และซีเลียคุยกัน เธอเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ข่าวกรองชาวออสเตรียชื่อคาร์ล สไตน์ เข้ามาหาเธอไม่นานหลังจากที่เธอย้ายไปที่เมืองคาร์เมล เขาต้องการให้เธอแจ้งข่าวเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานของเธอ แต่เธอปฏิเสธ เฮนรี่ขอให้ซีเลียเล่าเหตุการณ์การจี้เครื่องบินให้ฟัง
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Chris Pine คริส ไพน์

Thandiwe Newton
Laurence Fishburne

ผู้กำกับ : Janus Metz Pedersen
รีวิว All the Old Knives (2022) สายลับอดีตรัก
playinone
ด้วยความที่หน้าหนังเหมือนหนังคู่รักสายลับที่เคยมีมาก่อนนี้อย่างมาก อย่าง Mr. & Mrs. Smith หรือแนวนี้ที่ต้องมีสายลับพระเอกนางเอกมาชิงไหวพริบหักเหลี่ยมกัน พร้อมฉากแอ็กชั่นยิงกันมันส์หยด ทำให้ผู้ชมที่คาดหวังจากอะไรแบบนี้เททิ้งหนังเรื่องนี้ในเว็บให้คะแนนมากอย่าง IMDB แต่ถ้าใครดูจนจบหรือเข้าใจว่าหนังไม่ได้เป็นอย่างที่ว่า คะแนนก็จะออกมาดีแบบผิดคาดเลย ซึ่งนี่คือหนึ่งในหนังเสียงแตก แต่ไม่ได้แตกเพราะตัวหนังมีปัญหา แต่เป็นความเข้าใจผิดและดูไม่จบของผู้ชมล้วนๆ
ต้องบอกให้เข้าใจก่อนเลยว่านี่เป็นหนังสายลับที่มีแต่บทสนทนาล้วนๆ ไม่มีฉากแอ็กชั่น ไม่ได้เน้นระทึกอะไรมาก ซึ่งถือว่าแหวกแนวหนังแนวนี้ไปเลย แล้วอะไรที่ทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาดี ต้องบอกว่ามันคือครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเรื่องที่เซอร์ไพรส์คนดูเอามากๆ คือทั้งเรื่องชั่วโมงแรกหนังจะเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการสืบสวนย้อนกลับไป 8 ปีก่อน เมื่อทีม CIA ต้องเจอกับผู้ก่อการร้ายมุสลิมที่จี้เครื่องบินออสเตรเลียไว้ แล้วยื่นเงื่อนไขให้ปล่อยตัวนักโทษจำนวนหนึ่ง แต่หนังจะไม่ลงลึกในรายละเอียดใดๆ ถึงเหตุการณ์นี้เลย แล้วปล่อยให้คนดูเคว้งกับข้อมูลค่อยๆ ปะติดปะต่อมาทีละนิดจากบทสนทนาที่พระเอกตามสืบเค้นข้อมูลจากคนร่วมทีมในวันนั้นเมื่อ 8 ปีก่อน โดยมีฉากหลักอยู่ที่โต๊ะดินเนอร์ของตัวเอกทั้งคู่ ซึ่งจะเป็นการพูดคุยสนทนาถึงเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา เมื่อทั้งคู่คืออดีตคนรัก แต่เหตุการณ์จี้เครื่องบินนั้นกลับเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปทั้งคู่ และไม่อาจจะได้มาอยู่ด้วยกันอีกต่อ
ใน 1 ชั่วโมงแรกหนังอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรมาก คือเราก็แค่รับรู้ข้อมูลเหตุการณ์วันจี้เครื่องบินไปเรื่อยๆ เชื่อว่าถ้าใครยังดูไม่พ้นตรงนี้ก็คงเทหนังเรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าอดทนดูอีกนิดหลัง 1 ชั่วโมงไป เรื่องราวกลับมีอะไรไม่ชอบมาพากลเข้ามา และจะเปิดเซอไพรส์แรกให้เราได้ชมกัน ซึ่งเชื่อเลยว่ามีอึ้งแน่นอน และต่อจากนั้นคือหนังสายลับอีกม้วนที่เป็นเรื่องราวทรยศหักหลังแบบที่คาดไม่ถึง ต่อด้วยฉากไคลแม็กซ์ที่ทำให้เรื่องราวทั้งหมดกลายเป็นหนังรักแบบไม่คาดคิดเลยว่าที่ปูมาทั้งหมดจะมาลงเอยที่จุดนี้ได้ ซึ่งนี่เองคือส่วนที่สุดยอดของหนังเรื่องนี้ และก็มาจากบทสนทนาล้วนๆ แทบจะเรียกว่าเป็นหนังทุนต่ำที่เล่นกับบทสนทนาล้วนๆ เลยก็ว่าได้ แต่ก็ยังแฝงไปด้วยอารมณ์สายลับจริงจังที่ดูเรียลแบบดูแล้วรู้สึกเชื่อเลยว่าการทำงานสายลับจริงๆ เป็นแบบนี้มากกว่าพวกเจมส์บอนด์อะไรแบบนั้น
หนังโปรดของข้าพเจ้า
คือรอดพ้นจากการเป็นหนังสายลับที่ถูกลืมได้ด้วยฉากจบอย่างเดียวเลย พล็อตมันแค่ว่า ‘เฮนรี่’ (Chris Pine) เจ้าหน้าที่ CIA ต้องมาสอบสวนหาหนอนบ่อนไส้จากเหตุการณ์เมื่อ 8 ปีก่อน หนึ่งในผู้ต้องสงสัยหลักคือ ‘เซเลีย’ (Thandiwe Newton) คนรักเก่าของเขา เล่าด้วยแฟลชแบ็กย้อนความหลังเป็นหลัก เสียดายที่ระหว่างทางไม่มีอะไรพีค ๆ แบบพวกหนังสายลับ และไม่ได้เพิ่มความเคลือบแคลงมากพอ
สิ่งเดียวที่หนังรอดตายมาได้หวุดหวิดคือฉากเฉลยที่เรายังรู้สึกว่ามันเล่นมุกแบบนี้ได้โดยที่คนดูไม่สงสัยมากนัก ก็เพราะวิธีการเล่าเรื่องแบบเลือกเล่าของผู้กำกับ มีอาหารพร้อมเสิร์ฟ แค่เรียงลำดับจานดี ๆ เริ่มเสิร์ฟจานรองเท้าเบา ๆ ต่อด้วยจานหลัก แล้วปิดท้ายด้วยของหวานที่คนดูทานแล้วจะไม่ลืมมื้อนี้ไปเสียก่อน
แต่เอาเข้าจริงฉากเฉลยมันก็ไม่ได้พีคเลเวลที่แบบทำให้หนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ ที่เล่ามามันกลายเป็นของอร่อย ก็ยังจบในระดับแค่พอทานได้อยู่ดี