Ad Vitam (2025) ปฏิบัติการเพื่อชีวิต

นักแสดง

Guillaume Canet  กีโยม กาเนต์

Stéphane Caillard

Nassim Lyes

ผู้กำกับ : Rodolphe Lauga

รีวิว  Ad Vitam (2025) ปฏิบัติการเพื่อชีวิต

entertainment

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องบอกก่อนว่าผมเองไม่เคยเห็น รู้จัก หรือแม้แต่ได้ยินชื่อมาก่อนเลย เรียกได้ว่าเป็นการเข้าไปดูแบบสุ่มๆ ก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะผมตัดสินใจเข้าไปดูแบบไม่ได้อ่านเรื่องย่อหรือดูตัวอย่างก่อนเลย ตัดสินใจแค่จากหน้าหนังที่เห็นว่าน่าจะเป็นหนังแอ็คชั่น และเห็นว่าเป็นของ Netflix แถมยังติดอันดับในไทยอีก ผมจึงกดเข้าไปดูแบบไม่คิดด้วยความหวังที่ว่าหนังเรื่องนี้จะสามารถมอบความบันเทิงกลับมาให้กับผมที่กำลังเบื่อๆ อยู่ได้ แต่แล้วพอได้ดูไปซักพักผมก็เริ่มตระหนักได้ว่า “ผมคิดผิด” เพราะหนังเรื่องนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่เกือบทั้งเรื่องไปกับการเล่าย้อนเรื่องราวในอดีต ซึ่งมันทั้งช้า ทั้งเนิบ และน่าเบื่อชวนหลับมากๆ

ซึ่งผมยอมรับนะว่าตอนเปิดเรื่องตัวหนังเปิดมาได้ดีและค่อนข้างน่าสนใจ หนังเปิดเรื่องมาแบบที่ไม่ให้คนดูรู้อะไรเลย เปิดมาถึงเราก็จะได้เห็น Franck (พระเอก) ที่เป็นชายหนุ่มธรรมดาทำงานหาเช้ากินค่ำและอาศัยอยู่กับภรรยาที่กำลังตั้งท้อง จากนั้นหนังก็ให้เราได้เห็นว่าบ้านของพระเอกถูกโจรขึ้นและถูกรื้อค้น พร้อมกับทิ้งปมไว้เล็กๆ ด้วยการให้รู้ว่าพระเอกเหมือนรู้อยู่แล้วว่าใครเป็นคนที่หมายหัวเขาอยู่ จากนั้นหนังก็เร่งเครื่องด้วยการให้เห็นว่าพระเอกถูกคนลอบทำร้ายในระหว่างการทำงาน แถมหลังจากกลับมาบ้านก็ยังถูกกลุ่มคนปริศนาบุกเข้ามาทำร้ายเขาและภรรยา พร้อมทั้งข่มขู่พระเอกให้ส่งของบางอย่างให้กับเขา ซึ่งจนถึงจุดนี้เราคนดูที่ดูมาก็งงไปหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้น พร้อมกับตั้งคำถามมากมายว่า แท้จริงแล้วพระเอกเป็นใคร? กลุ่มคนที่เข้ามานี้คือใครและต้องการอะไร แต่หลังจากสงสัยได้ไม่นาน หนังก็ได้พาเราย้อนเวลากลับไปดูจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง

playinone

หนังแอ็กชั่นฝรั่งเศสที่เล่าเรื่องของอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษที่มีทักษะการเอาตัวรอดสูง ที่ต้องตามหาภรรยาท้องแก่ใกล้คลอดที่ถูกจับตัวไป แต่ว่าตัวเรื่องก็ไม่ได้เป็นแนวสูตรสำเร็จแบบจอห์นวิค เทคเคน พวกนั้น ไม่ใช่หนังแนวฮีโร่ลุยเดี่ยว แต่ว่าเป็นแนวดราม่าแอ็กชั่นมากกว่า โดยเรื่องเริ่มมาในตอนต้นตัวเอกกับภรรยาก็โดยจับตัวไป โดยที่ไม่ได้เกริ่นนำหรือเล่าเรื่องราวไว้เลยว่าสองคนนี้เป็นใคร มีแค่ฉากต่อสู้แบบประชิดตัวเหมือนมือโปรทั้งคู่เป็นซีนโชว์สั้นๆ กับศัตรูที่ดูเหมือนมืออาชีพมากเช่นกัน โดยไม่มีการอธิบายอะไรเลย ก่อนที่เรื่องจะเล่าย้อนกลับไปยังอดีตของทั้งคู่ว่าอยู่หน่วยตำรวจพิเศษคล้ายๆ พวกหน่วยสวาท

แต่มีภารกิจจู่โจมตามพื้นที่จับกุมอาชญากรต่างๆ มากกว่าแค่บุกจู่โจมใหญ่เพียงอย่างเดียว ซึ่งตัวเรื่องก็ใช้เวลาเล่าดราม่าการสร้างทีมของตัวเอก มีพบรักกับคนในทีม มีคนใหม่มาเข้าทีม ฉากการสูญเสียคนในทีม โดยเป็นแนวดราม่าแทบจะล้วนๆ ยาวกินเวลาไปถึง 1 ชั่วโมงเพียงเพื่อจะลำดับเหตุการณ์ให้มาถึงฉากที่ทั้งคู่โดนจับเป็นตัวประกันเท่านั้น ซึ่งนี่คือจุดประสงค์ของการเล่าเรื่องที่ยาวเกินไปหน่อย โดยเดาว่าผู้กำกับคงไม่ต้องการเล่าแบบตัดสลับปัจจุบันสลับอดีตแบบหนังเรื่องอื่นๆ แค่นั้น