ดูหนัง Mae Bia (2015) แม่เบี้ย
ทุกเรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อ “ชนะชล สุพรรณภูมิ” (ชาคริต แย้มนาม) ประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ผู้มั่งคั่ง มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นเจ้าของ “เรือนไทยโบราณริมแม่น้ำ” ทำให้ “ภาคภูมิ” (จิรวิชญ์ พงษ์ไพจิตร) เลขาคนสนิท ได้พาเขาไปดูเรือนไทยโบราณที่ อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ของ “เมขลา พลับพลา” (กานต์พิสชา เกตุมณี) เจ้าของบริษัท “เมขลาทัวร์” ซึ่งเป็นเพื่อนหญิงรุ่นพี่ของภาคภูมิ ที่นั่น ชนะชลเกิดความลุ่มหลงในความเร้นลับของบรรยากาศเรือนไทยโบราณแห่งนั้น รวมทั้งเสน่ห์อันยั่วยวนใจ ของเมขลาเจ้าของบ้าน ทำให้ทั้งสองติดต่อกันเรื่อยมาจนก้าวข้ามไปสู่ความสัมพันธ์ฉันชู้สาวอย่างลึกซึ้ง และที่เรือนไทยแห่งนี้ ชนะชลได้ค้นพบขนบธรรมเนียมประเพณีไทยที่บ้านนั้นรักษาไว้อย่างเคร่งครัด พร้อมกับความลึกลับที่มี “งูเห่ายักษ์” แฝงเร้นความน่าสะพรึงกลัวในบ้านนั้น และคอยจับจ้องทำร้ายเขาในทุกขณะจิต
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
และที่นี่เขาก็ได้พบกับ “ลุงทิม” (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) Mae Bia (2015) แม่เบี้ย คนเก่าแก่แห่งครอบครัวพลับพลาผู้เฝ้าดูแลและกุมความลับเหนือธรรมชาติของเรือนไทยโบราณแห่งนี้ ซึ่งชนะชลรู้สึกคุ้นเคยกับชายชราผู้นี้เป็นพิเศษราวกับเคยรู้จักกันมาแต่เก่าก่อน รวมถึงการล่วงรู้ความลับดำมืดในบ้านเรือนไทยหลังนี้ที่ได้สร้างความปวดร้าวใจแก่ “คุณโกสุม” (อาภา ภาวิไล) มารดาของเมขลาเป็นยิ่งนัก ซึ่งมันอาจจะเกี่ยวพันกับปริศนาชีวิตในอดีตของเขาที่ยังไม่อาจคลี่คลาย ยิ่งเวลาผ่านไป สัมพันธ์สวาทของชนะชลและเมขลาก็ยิ่งดำดิ่งเป็นปมลึก และนั่นได้นำพาทั้งคู่และคนรอบข้างไปสู่หายนะแห่งชีวิต ไม่ว่าจะเป็น “ไหมแก้ว” (ภัทรนันท์ รวมชัย) ภรรยาของชนะชลที่ไม่อาจยอมรับการนอกใจของสามีได้ และ “พจน์” (ชัยวัฒน์ ทองแสง) เพื่อนสนิทและคู่ขาของเมขลาที่หึงหวงอย่างรุนแรงต่อการปันใจของเธอให้ชายอื่น รวมถึง “คุณ” (งูเห่ายักษ์) ที่ปรากฏตัวให้ชนะชลและเมขลาเห็นบ่อยขึ้น และแสดงอำนาจเร้นลับมากขึ้นทุกที ราวกับจะดึงสติทั้งคู่ให้กลับมาอยู่ในทำนองคลองธรรม
นักแสดง
Karnpitchar Ketmanee กานต์พิศชา เกตุมณี
Jiravich Pongpaijit จิรวิชญ์ พงษ์ไพจิตร
ผู้กำกับ : พันธุ์เทวนพ เทวกุล
รีวิว
KWANMANIE
ฉบับตีความใหม่ของ “หม่อมน้อย” มีจุดอ่อนอยู่ที่การตีความใหม่หรือการนำเสนอสารใหม่ของผู้กำกับฯ นี่แหละค่ะ มันแปลกประหลาดเสียเหลือเกิน และแอบสงสัยไม่ได้ด้วยว่า หม่อมกำลังพายเรือวนในแม่น้ำสายเดิมอยู่รึเปล่า เพราะหนังเรื่องล่าๆ ของหม่อม ไม่ว่าจะหยิบจับวรรณกรรมเรื่องไหนมาแปลง ก็ดูเหมือนท่านจะวนเวียนอยู่กับการสะท้อนประเด็นสังคมชนชั้นสูง ปมครอบครัวพ่อแม่ลูก และกมลสันดารตัณหาราคะของมนุษย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ในส่วนของภาพสวยๆ องค์ประกอบศิลป์ต่างๆ และการอนุรักษ์ความเป็นไทยนั้น หม่อมทำได้ดีไร้ที่ติอยู่แล้ว เป็นจุดที่น่าชื่นชมจริงๆ
ส่วนฉากเลิฟซีนหรือฉากเปลือยก็งดงามเป็นศิลปะเช่นกัน มีไม่ต่ำกว่าห้าฉาก เอะอะก็เอากันๆ จนบางทีก็ดูไม่เมคเซนส์ แต่เขาก็ตั้งใจจะให้ฉากเซ็กส์เป็นฉากขับเคลื่อนการดำเนินเรื่องนั่นแหละ แบบวรรณคดีไทย พอเข้าใจ
เห็นนมเห็นตูดกันจะจะ โดยเฉพาะนางเอกทั้งสอง ส่วนแฟนคลับฮัทก็ได้ฟินแน่ๆ ยกเว้นชาคริตโชว์น้อยกว่าที่คาดมาก แต่ยังไงก็อย่าไปคาดหวังความเร่าร้อนมากมาย เพราะนี่เป็นหนังวิจิตรกามา ไม่ใช่หนังเรตเอ็กซ์เรตอาร์ นักแสดงนำหลักๆ พอประคองบทบาทของตัวเองไปได้ขนถึงตลอดรอดฝั่ง ทุกคนดูทุ่มจริงจัง โดดเด่นหน่อยก็ แม็กกี้ อาภา งดงามและเล่นดี แต่เสียดายทบทน้อยไปหน่อย (นี่พูดจากใจ ไม่ได้อวยน้องนุ่งตัวเอง) อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญของหนังเรื่องหนึ่ง นอกจากองค์ประกอบศิลป์อันสวยงามละเอียดลออ การใส่ใจเซตฉากต่างๆ และการออกแบบการแสดงแล้ว คนทำหนังไทยคงต้องทุ่มให้กับตัวพล็อตของหนังกับไดอะล็อกมากขึ้นด้วย เพราะบางทีถ้าจะให้ฉากเซ็กส์เป็นตัวขับเคลื่อนการดำเนินเรื่องอย่างเดียว…มันคงไม่พอ ป.ล. แต่ชอบที่หนังหม่อมเหมือนหนังรวมญาติ นักแสดงและลูกศิษย์ในสังกัดหม่อมมาเต็มเรื่อง ใช้อย่างคุ้ม แขกรับเชิญพิเศษแต่ละคนแซ่บๆ ทั้งนั้น พูดเลย