ดูหนัง Jan Dara Patchimbot (2013) จันดารา ปัจฉิมบท
บทสรุป อันยิ่งใหญ่ แห่งการ ล้างแค้น ทวงคืนสมบัติ ช่วงชิงอำนาจ พลิกผัน ชะตาชีวิต อันมิอาจ คาดเดา เล่าเรื่องราว แห่งการ ล้างแค้น อันสืบเนื่อง มาจากอดีต อันแสน รันทดของ จัน ดารา อันนำมา ซึ่งการ พลิกผัน ในชะตากรรม ของทุกคน อย่างหลีกเลี่ยง ไม่ได้ อีกทั้งยัง เป็นกระจก สะท้อนให้เห็น ธาตุแท้ ของความ เป็นมนุษย์ อันน่าสมเพช จนนำไปสู่ หายนะ อย่างแท้จริง ภาพยนตร์สร้างจากนิยายอีโรติกชื่อดังของไทย บอกเล่าเรื่องราวของ จัน เด็กชายที่เติบโตมาในบ้านของหลวงวิสนันท์ พ่อของเขาที่มีนิสัยซาดิสม์และเป็นเพลย์บอย เรื่องราวเกิดขึ้นในยุค 2470 เล่าถึงความเจ็บปวดของจัน ซึ่งแม่ของเขาเสียชีวิตขณะให้กำเนิดเขา และเป็นคนที่พ่อของเขาเกลียดชังอย่างรุนแรง จันเติบโตมากับน้าวาด แม่เลี้ยง ซึ่งเป็นน้องสาวของดาราที่เป็นแม่ของจัน เขาโหยหาความรักจากผู้หญิงหลาย ๆ คนในชีวิต รวมถึงไฮซินธ์ที่เขาหลงรัก และต่อมา คุณนายบุญเลื่อง คนรักของพ่อที่กลายเป็น กุญแจสำคัญในการตื่นตัวทางเพศของจัน
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
มาริโอ้ เมาเร่อ
ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต
ศักราช ฤกษ์ธำรงค์
ผู้กำกับ : หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล
รีวิว Jan Dara Patchimbot (2013) จันดารา ปัจฉิมบท
เกรียนหนัง
ความลักลั่น ผิดผี ในโปรดักชั่นของ จันดารา ฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นการพยายามเอา มาริโอ้ เมาเร่อ มาเล่นเป็นคนแก่อายุ 80, การเอานัท มีเรีย มาพากษ์เสียงไทยแทนเสียงของ โช นิชิโนะ (นักแสดงญี่ปุ่นมาที่มาเล่นบทคุณแก้ว) ตลอดจน ไดอะล็อกพูด, ท่าทีในการแสดง, การดำเนินเรื่อง ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ได้ทำให้ “มาตรฐานความสมจริงของหนัง” ถูกลดชั้นไปอยู่ในระนาบเดียวกับละครโทรทัศน์ หรือละครเวที อย่างช่วยไม่ได้
เชื่อว่าหลายคนคงประจักไปบ้างแล้วใน จันดารา ภาคปฐมบท ที่ออกฉายล่วงหน้าไปเมื่อปีก่อน ขณะที่ในภาคปัจฉิมบท ตอนต่อซึ่งถือเป็นภาคจบนี้ ภาวะการที่เรียกว่า “ลักลั่น ผิดผี” ดังกล่าวยังคงดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ไม่เปลี่ยนแปลง อาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ถ้าสังเกตุจากหลายจังหวะที่หนังกลายสภาพไปเป็นความชวนหัวชวนฮา เรียกเสียงหัวเราะ(แบบไม่ตั้งใจ)จากคนดูขึ้นมาเป็นระยะๆ ตลอดทั้งเรื่อง
อาทิ ฉากหนึ่งที่คุณบุญเลื่องเดินเข้าไปนั่งเศร้าในห้อง พอลงมือกดเปียโนขึ้นมาสองสามกริ๊ง ก็ต้องตกใจผงะ เพราะไอ้คุณจันได้แอบมานอนถ่างขารออยู่บนโซฟาตรงมุมห้อง พร้อมๆ กันนั้นก็ได้ถามคุณบุญเลื่องขึ้นมาว่า “นี่คุณบี๋จะไม่เอาน้ำแข็งมาถูหลังให้กระผมเลยรึ เมื่อก่อนกระผมยังเคยถูให้คุณเลย” (ฮา)
หรือในอีกฉากหนึ่งที่ จันดาราตั้งชื่อให้ลูกว่า ปรีย์ (มาจาก อัปรีย์) น้าวาด ก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “โอ้ ช่างเป็นชื่อที่ไพเราะเสียนี่กะไร” (ฮา) และอีกมากมายหลายฉากที่อยู่ในอารมณ์คาบลูกคาบดอกลักษณะนี้ โดยเฉพาะฉากที่พระเอกหล่อขั้นเทพโผล่มาเป็นนักแสดงรับเชิญในฐานะตัวละครรุ่นหลานๆ ของจันดารา ก็ทำเอาคนดูฮาครืนพร้อมกันทั้งโรง เพราะพี่หล่อแกรับบทเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานอยู่ในองค์การนาซ่า (ฮา) ว่าไปโน่นเลย
ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเป็นความต้องการของผู้สร้างที่อยากให้หนังมีอารมณ์ขัน หรือเป็นเพราะความบังเอิญที่ไม่ตั้งใจกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ก็คือความพิลึกพิลั่นเหล่านี้มันได้ทำให้ จันดารา ภาคปัจฉิมบท กลายเป็นหนังฮากระจาย ในขณะเดียวกันความสมจริง ความน่าเชื่อถือของหนังก็ถูกลดทอนลงไปจนแทบหมดสิ้น