ดูหนัง Homefront (2013) โคตรคนระห่ำล่าผ่าเมือง
เจสัน สเตแธม รับบท ฟิล โบรคเกอร์ อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยปราบยาเสพติด ผู้พาลูกสาวของเขาหลบหนีเรื่องราววุ่นวายในอดีตไปอยู่ที่เมืองอัตคัดความเจริญเมืองหนึ่ง แต่ในระยะเวลาไม่นาน โลกอันสงบสุขของโบรคเกอร์ก็ต้องล่มสลายลง เมื่อเขาพบว่าเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ก็หนีไม่พ้นอำนาจครอบงำของยาเสพติดและความรุนแรง ซึ่งคนที่นำสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้นเข้ามาคือเกเตอร์ โบดินี (เจมส์ ฟรังโก) เจ้าพ่อยาเสพติดจอมโหด ผู้บีบบังคับให้โบรคเกอร์ต้องหวนคืนสู่บทบาทที่เขาคุ้นเคยอีกครั้ง เพื่อปกป้องครอบครัวของตัวเอง และรักษาเมืองที่บริสุทธิ์ให้คงอยู่ ฟิล โบรกเกอร์ เจ้าหน้าที่ DEAบุกค้น ห้องแล็ปผลิต เมทแอมเฟตามีนของแดนนี่ ทีหัวหน้าแก๊งมอเตอร์ไซค์ และเกษียณจากหน่วยงาน โบรกเกอร์ย้ายไปที่เมืองเล็กๆในลุยเซียนากับแมดดี้ ลูกสาวของเขา วันหนึ่ง แมดดี้ทะเลาะกับเท็ดดี้ คลุม ผู้รังแก โบรกเกอร์จึงถูกเรียกตัวไปที่โรงเรียน ขณะที่พวกเขากำลังเตรียมตัวกลับบ้าน แคสซี่ แม่ของเท็ดดี้ ยุยงให้สามีทะเลาะกับโบรกเกอร์ ซึ่งโบรกเกอร์ชนะไปอย่างง่ายดาย แคสซี่โกรธจัดจึงขอให้เกเตอร์ พี่ชายของเธอ ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งที่ดูแลห้องแล็ปผลิตเมท ขู่โบรกเกอร์ ขณะที่ทำงาน ทีโด เพื่อนของโบรกเกอร์ เตือนเขาว่าคนในท้องถิ่นอาจทะเลาะกันแบบเดิมๆ และอย่าไว้ใจพวกเขา เมื่อโบรกเกอร์และแมดดี้ไปขี่ม้า เกเตอร์บุกเข้าไปในบ้านของพวกเขา ลักพาตัวลูเธอร์ แมวของแมดดี้ และพบเอกสารบุคลากรเก่าของ DEA
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Jason Statham เจสัน สเตธัม

James Franco

Winona Ryder

ผู้กำกับ : แกรี่ เฟลเดอร์
รีวิว Homefront (2013) โคตรคนระห่ำล่าผ่าเมือง
หนังโปรดของข้าพเจ้า
• คนยุคก่อนเขามี ‘สตีฟ แมคควีน’, ‘ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน’, ‘อาโนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์’, ‘บรูซ วิลลิส’ คนรุ่นเราก็มี ‘ทอม ครูซ’ กับ ‘เจสัน สเตแธม’ เนี่ยแหละ คนบ้าอะไรเล่นแต่หนังแอ็คชั่นเกือบทุกเรื่อง
• เรื่องย่อคือ ‘โบรคเกอร์’ (Jason Statham) เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ปปส.ที่ปลอมตัวไปจับกุมพ่อค้ายารายใหญ่ ทีนี้พี่แกเลยถอนตัวมาใช้ชีวิตเงียบ ๆ ที่เมืองห่างไกลกับลูกสาวคนเดียว แต่ดันไปมีปัญหากับพ่อค้ายาประจำเมือง ผลจะเป็นอย่างไรคงเดากันได้เนาะ
• เอาจริง ๆ ซิลเวสเตอร์ สตอลโลนไม่ใช่คนที่เขียนบทเก่งกาจอะไร ตอนที่เขาได้เข้าชิงออสการ์เขียนบทยอดเยี่ยมจาก Rocky นั่นก็ไม่ใช่บทที่ดีเลิศอะไรขนาดนั้น คือเล่าเรื่องตามสูตร underdog fighting ครบตามสูตรเลย ที่ชนะภาพยนตร์ยอดเยี่ยมนั่นก็เพราะเหตุผลทางการเมืองทำให้เรื่องอื่นโดนเมินเสียมากกว่า (All the President’s Men กับ Network ต่างได้บทยอดเยี่ยมทั้งคู่) แล้วงานเขียนบทอื่น ๆ ของสตอลโลนก็เห็น ๆ กันอยู่
• เรื่องนี้ก็เช่นกัน บทหนังตามสูตรทั่วไปมาตรฐานเลย พระเอกเก่ง – โดนรังแก (คือหุ่นแบบสเตแธมนี่มันก็ไม่ควรมีใครไปรังแกป่ะวะ) – ตอบโต้ จบ. นี่หนังยังดีนะ ยังมีช่วงที่แสดงให้เห็นว่าพระเอกเราไม่อยากมีเรื่อง ขอโทษก็แล้ว ยอมก็แล้ว แต่ถ้าจบแค่นั้นจะดูทำไมฟะ มันต้องยิงกันให้กระจายตามสไตล์หนังเจสัน สเตแธมดิเฟ้ย
• หนังดราม่าอาชญากรรมของเจสัน สเตแธมส่วนมากก็ไม่ใช่แนวบู๊เป็นหลักอยู่แล้ว แต่จะเป็นแนวที่มีฉากบู๊มาเกี่ยวข้องเป็นช่วง ๆ โดยเฉพาะช่วงจบที่ต้องบู๊ใหญ่ ข้อดีของเจสัน สเตแธมคือเขาไม่ได้ผูกติดกับภาพ action stars ประเภทใดเป็นพิเศษ จะมือเปล่า จะติดอาวุธ จะขับรถไล่ล่าเราก็รู้สึกว่าเขาทำได้หมด เพราะภาพจากหนังที่ผ่าน ๆ มามันส่งให้เขามาเป็นแบบนี้ (ต่างจากจา พนมที่ดังมาจากศิลปะการต่อสู้มือเปล่า พอมาถือปืนคงต้องใช้เวลาสร้างภาพกันใหม่, หรืออย่างบรูซ วิลลิสที่เราคุ้นตาเวลาถือปืนมากกว่า)
• ดังนั้นใครคาดหวังว่า Homefront จะบู๊เยอะก็ say goodbye ได้เลยครับ ฉากบู๊มีแค่ตอนจบเรื่องเท่านั้น ส่วนนอกนั้นก็มีโชว์การป้องกันตัวมือเปล่าของเจสัน สเตแธมนิด ๆ หน่อยอยู่ 2-3 ฉาก ฉากละไม่กี่วินาที (ยาวกว่านั้นก็ขึ้นเวทีชกมวยเถอะครับแหม่)
• ภาพรวมของบทหนังนี่ไม่ค่อยเหมือนหนังอาชญากรรมดราม่าแฮะ เหมือนหนังที่พยายามจะขายเจสัน สเตแธมบู๊เดี่ยวเสียมากกว่า เพราะดราม่าพ่อปกป้องลูกก็เบาหวิว จะดูดราม่าเรื่องความขัดแย้งของสองครอบครัวที่เริ่มต้นจากเด็กสองคนทะเลาะกันก็ต่อยอดไปไม่ได้
• และที่เห็นว่าไม่เวิร์คก็คงเป็นฉากจบที่บรรจงปั้นให้เจสัน สเตแธมได้บู๊เดี่ยวมากเกินไป (ตำรวจตามคนร้ายเป็นพรวน แต่อยู่ดี ๆ เหลือแค่เจสัน สเตแธมไล่ตามคันเดียว, หรือฉากขึ้นไป 1-1 กับคนร้ายบนสะพาน มันโคตรจะจงใจให้เป็น Statham’s one-man show เกิ๊น)
• สรุปแล้วถ้าใครชอบเจสัน สเตแธมเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเหมือนอย่างผม ก็พอดูได้ไม่น่าเกลียดอะไรครับ ตามมาตรฐานหนังที่เขาเล่นเรื่องก่อน ๆ น่ะแหละ