ดูหนัง Home For Rent (2023) บ้านเช่า บูชายัญ
ปริศนาบ้านเช่าสุดสะพรึง ทุกตีสี่ จะมีเสียงสวด คราบเลือด และการบูชายัญ! พบกับภาพยนตร์ที่ได้แรงบันดาลใจจากคดีสะเทือนขวัญ เมื่อผู้เช่า..คือพวกลัทธิประหลาดกำลังคุกคามครอบครัวเจ้าของบ้านเพื่อเอาชีวิตมาเป็นเครื่องสังเวย หนิงและกวิน พ่อแม่ลูกหนึ่ง ตัดสินใจปล่อยบ้านของตนให้เช่าแก่ ราตรี เขมารักษ์ แม้ในตอนแรกกวินจะไม่เห็นด้วยก่อนจะเปลี่ยนใจยินยอมหลังได้พูดคุยกับราตรี เมื่อทั้งสามได้ย้ายออกไปอยู่หอพัก เพื่อนบ้านได้ส่งข้อความพร้อมแนบรูปภาพของราตรีกำลังประกอบพิธีกรรมบางอย่างโดยการนำเครื่องรางจากขนอีกาและซากศพของอีกามาประดับรอบบ้าน และทุกตีสี่ของทุกคืน จะมีเสียงสวดประหลาดดังออกมา ในขณะที่หนิงพยายามตามหาความจริงของผู้เช่า เธอสงสัยว่ากวินอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของ “ลัทธิ” ดังกล่าว
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
นิษฐา คูหาเปรมกิจ
ศุกลวัฒน์ คณารศ
เพ็ญพักตร์ ศิริกุล
ผู้กำกับ : โสภณ ศักดาพิศิษฏ์
รีวิว Home For Rent (2023) บ้านเช่า บูชายัญ
kapook
ช่วงแรกๆ ของหนังให้ความรู้สึกคล้ายๆ กับเรื่อง ลัดดาแลนด์ ในแง่ที่พยายามเล่นกับประเด็นครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่งที่แม้ภายนอกจะดูอบอุ่นและมีความสุข แต่ลึกๆ กลับซ่อนไว้ซึ่งปัญหาที่เตรียมพร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าจะว่าไปแล้วโดยรวมของหนังจะมีส่วนคล้ายๆ กับเรื่อง Annabelle: Creation และ Insidious มากกว่าทั้งในส่วนของพลอตเรื่องและการดำเนินเรื่องที่มีส่วนผสมของความเป็นหนังผีกับหนังแนวลัทธิบูชาซาตาน บรรยากาศของเรื่องโดยรวมคือดีฮะ ดูหลอนและเต็มไปด้วยความไม่น่าไว้วางใจ ในส่วนของจังหวะตุ๊งแช่ หรือที่เรียกว่า Jump Scare ก็ทำหน้าที่ของมันได้ดีฮะ ไม่เยอะเกินไปจนน่ารำคาญ
หนังค่อยๆ เล่าเรื่องและค่อยๆ เผยปมปริศนาต่างๆ โดยเล่าผ่านมุมมองของตัวละคร หนิง นั่นก็คือ ตั้งแต่ต้นเรื่องคนดูจะไม่ได้รับรู้อะไรเลยจนสุดท้ายที่รับรู้ถึงวัตถุประสงค์ของลัทธินี้ไปพร้อมๆ กับตัวละคร หนิง ซึ่งข้อดีของการนำเสนอแบบนี้ก็คือคนดูจะรู้สึกผูกพันและคอยเอาใจช่วยตัวละคร หนิง และพอถึงช่วงที่เฉลยปมเหตุใหญ่ของเรื่อง หนังก็ปรับเปลี่ยนวิธีการเล่ามาเป็นการเล่าแบบ Flashback และเล่าผ่านมุมมองของตัวละคร กวิน ซึ่งก็ช่วยทำให้อารมณ์ของหนังเปลี่ยนไปจากช่วงต้นเรื่อง และก็ถือว่าทำออกมาได้ดีและเคลียร์ปมได้ค่อนข้างชัดเจนดี (แต่สำหรับคนที่ไม่ชอบวิธีการเล่าเรื่องแนว Flashback อาจจะไม่ถูกใจเท่าไหร่)
ในส่วนของนักแสดงที่เรียกได้ว่าเป็นเดอะแบกของเรื่องก็คือ มิว-นิษฐา และน้อง กัสจัง-ธัญญภัสร์ ที่เล่นได้ดีมากๆ สื่ออารมณ์ได้ดีสุดๆ แต่ที่น่าผิดหวังเป็นอย่างมากเลยก็คือ เวียร์-ศุกลวัฒน์ ที่เล่นได้ขาดเสน่ห์มากๆ ดูไม่มีพลังเลย และอีกตัวละครหนึ่งที่น่าเสียดายสุดๆ ก็คือตัวละคร ราตรี ที่เล่นโดย ต่าย-เพ็ญพักตร์ คือเสียของมากฮะ จริงๆ ตัวละครลาสบอสที่มาแนวๆ นี้ และเปิดตัวได้น่าสนใจขนาดนี้ ควรจะมีพิษสงความร้ายกาจอะไรที่มากกว่านี้นะฮะ แต่สุดท้ายกลับใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพซะงั้น ทั้งๆ ที่มีอะไรให้เล่นได้เยอะกว่านี้
และพอดูจบก็รู้สึกว่าหนังไปไม่สุดสักทางฮะ ไม่ว่าจะเป็นในด้านความตื่นเต้นระทึกขวัญ ความสยองน่ากลัว ที่เทียบกับผลงานเรื่องก่อนๆ ไม่ได้เลยฮะ หรือในส่วนของดราม่า ก็แลดูแปลกๆ และไม่สามารถดึงอารมณ์ของคนดูให้คล้อยตามไปกับตัวละครได้ ทั้งๆ ที่ปมในเรื่องค่อนข้างหนักมากๆ
beartai
เรื่องราวเริ่มต้นจากคู่สามีภรรยา กวิน (ศุกลวัฒน์ คณารศ) หนิง (นิษฐา คูหาเปรมกิจ) และ อิง ลูกสาววัย 7 ขวบ ที่ตัดสินใจย้ายออกจากบ้านเพื่อไปอาศัยอยู่ที่คอนโดมีเนียม และปล่อยบ้านให้คนมาเช่า จนกระทั่งมีผู้เช่าอย่าง ราตรี (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) คุณหมอวัยเกษียณ และ นุช ลูกสาววัย 40 คู่แม่ลูกที่ดูแปลกประหลาดมาขอเช่าบ้านหลังนี้ นับแต่นั้นก็มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น
เมื่อหนิงเริ่มสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลก ๆ ของผู้เช่า ทั้งการแขวนเครื่องรางที่ทำจากขนนกอีกา แขวนซากอีกาไว้รอบบ้าน และทุก ๆ 04.00 น. ชาวบ้านรอบข้างก็มักได้ยินเสียงสวดประหลาด ๆ สร้างความหวาดกลัวให้กับเพื่อนบ้านใกล้เคียง จนกระทั่งกวินเองก็เริ่มมีพฤติกรรมแปลกไป และมีรอยสักสัญลักษณ์สามเหลี่ยมที่ดูไม่น่าไว้วางใจ และอิง ลูกสาวตัวน้อยที่เข้าไปพัวพันกับอันตรายบางอย่างที่มองไม่เห็น
แม้หนังหลายเรื่องของจิมที่ผ่านมา มักจะเล่าเรื่องลี้ลับผ่านผีหรือวิญญาณ แต่หนังเรื่องนี้ก็ยังมีผีอยู่ แต่หนังทั้งเรื่องล้วนขับเคลื่อนด้วยบรรยากาศลี้ลับของลัทธิประหลาดที่มีความแฟนตาซีอยู่พอควร ทำให้หนังเรื่องนี้ก็เลยมีกลิ่นอายความเป็นกึ่ง ๆ Fantasy-Horror ที่ขับเน้นความหลอนจากธีมคำสาป ปริศนาความลับ และฉากความรุนแรงโหด ๆ มากกว่าจะเอาผีมาหลอกกันตรง ๆ และจังหวะ Jump Scare คม ๆ ที่ยังทำงานได้ดีไม่แพ้หนังเรื่องก่อน ๆ
และวิธีการเล่าเรื่องที่ค่อย ๆ เผยปมไล่จากน้อยไปหามาก ตั้งแต่หนิง ตัวแทนของคนที่รู้น้อยที่สุด เรียกว่ารู้น้อยเท่าคนดู ไปจนถึงกวิน ผู้เข้ารีตในลัทธิด้วยเป้าประสงค์บางอย่าง และคุณหมอราตรี ผู้กำความลับเกือบทั้งหมดในหนังเอาไว้ ทั้งหมดนี้ถูกเชื่อมเข้าเป็นสามเหลี่ยมที่โยงใยเรื่องราวทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้หนังของจิมเรื่องนี้ดูมีความเข้าใกล้เส้นความบันเทิงที่เน้นบรรยากาศหลอน และวิธีการเล่าที่แปลกกว่าหนังเรื่องอื่น ๆ ของจิมที่มักเล่าเป็นเส้นตรงกว่า