ดูหนัง Ford V Ferrari (2019) ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์
จากเรื่องจริงของการแข่งขันชิงความเป็นที่หนึ่งระหว่างสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์ ฟอร์ด (Ford) และ เฟอร์รารี่ (Ferrari) ในการแข่งขันรถซิ่งระดับโลก เลอม็องส์ (Le Mans) เมื่อปี 1966 เมื่อนักออกแบบรถซิ่ง แคร์โรล เชลบี้ (แมตต์ เดมอน) และนักซิ่งหัวรั้นอย่าง เคน ไมล์ส (คริสเตียน เบล) ที่ต้องร่วมกันฝ่าฟันทั้งการแทรกแซงขององค์กรใหญ่และกฏของฟิสิกส์เพื่อปฏิวัติวงการเจ้าความเร็วกับสนามแข่งสุดหฤโหดอย่าง Le Mans 66 ในปี 1963 ลี ไออาค็อกกา รองประธานบริษัทฟอร์ดมอเตอร์เสนอให้เฮนรี่ ฟอร์ดที่ 2 กระตุ้นยอดขายรถโดยซื้อเฟอร์รารี่ซึ่งครองตลาดในรายการ 24 Hours of Le Mans เอ็นโซ เฟอร์รารี่ เจ้าของบริษัทใช้ข้อเสนอของฟอร์ดเพื่อตกลงกับเฟียต ซึ่งจะทำให้เขาได้เป็นเจ้าของทีมแข่งของบริษัทอย่างสคูเดอเรีย เฟอร์รารี่ และดูถูกฟอร์ดและบริษัทของเขาทั้งหมด เหตุการณ์นี้ส่งผลให้ฟอร์ดสั่งให้แผนกแข่งของเขาสร้างรถเพื่อแข่งขันกับเฟอร์รารี่ที่เลอม็อง และไออาค็อกกาจึงจ้างเจ้าของบริษัทเชลบี แคร์รอลล์ เชลบี ชาวอเมริกัน อดีตนักขับที่เคยคว้าชัยชนะที่เลอม็องในปี 1959 เชลบีจึงจ้างเคน ไมล์ส เพื่อนของเขา ซึ่งเป็นนักแข่งรถชาวอังกฤษอารมณ์ร้อนและวิศวกรเครื่องกล
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง
Matt Damon แมตต์ เดมอน
Christian Bale
Jon Bernthal
Caitríona Balfe
ผู้กำกับ : James Mangold
รีวิว
อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก
Ford v Ferrari หนังดีเหลือเกิน ดีจนเสียดายที่ไม่ค่อยมีคนไปดู 9/10
James Mangold ผู้กำกับ Logan ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย รู้สึกปลื้มมากกกกหลังจากออกมาจากโรงหนัง ปลายปีแบบนี้จะเป็นเทศกาลหนังล่ารางวัล Knives Out ที่เพิ่งรีวิวไปก็ดี Irishman ก็ดีมากกกกกกกก จนมาล่าสุด Ford v Ferrari นี่ก็อยากจะบอกว่าโคตรจะดีแบบดีฉิบหาย รู้สึกเลยว่าหนังแถวหน้าที่จะได้ชิงออสการ์นี่มันมีดีของมันจริงๆ และที่สำคัญ James Mangold นี่ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลย ไปดูแบบไม่พยายามอ่านเรื่องย่อหรือดูตัวอย่างใดๆ ไปดูแบบหัวว่างๆผมก็พบว่านี่มันเป็นหนังที่เล่าเรื่องได้อย่างกลมกล่อม และนำเสนอประเด็นในเรื่องราวชีวิตความอหังการขอนักแข่งรถที่ต้องเลือกระหว่างการท้าทายในอาชีพหรือธุรกิจเป็นหนังแข่งรถที่ปล่อยของเอาแบบสะใจคนดูและแน่นอน ประเด็นดราม่าก็แข็งแรงมาก!!
Ford v Ferrari แน่นอนว่ามันคือเรื่องราวการแข่งขันระหว่าง Ford กับ Ferrari โดยเนื้อหาจะเป็นเหตุการณ์ในยุค 60 เมื่อทางฟอร์ดพบว่าบริษัทรถจากอิตาลีอย่างเฟอรารี่นั้นชนะการแข่งขันรถยนต์เลอมังค์24ชั่วโมงติดต่อกันมาหลายปี ทางฟอร์ดเองก็อยากจะลิ้มรสชัยชนะบ้าง ก็เลยมีความพยายามจะไปซื้อกิจการเฟอรารี่มาเป็นของตัวเองเพื่อเปิดแผนกรถแข่ง แต่ไปๆมาๆกลับเสียหลี่ยมให้กับเฟอรารี่เมื่อเฟอรารี่กลับใช้ฟอร์ดเป็นแค่ตัวต่อรองในการอัพราคาบริษัทตัวเองเพื่อไปขายให้กับทางเฟียต ซึ่งทางฟอร์ดเองก็แค้นมากเลยตัดสินใจไปจ้างให้ เชลบี้ (แมท เดมอน) นักออกแบบรถแข่งที่เป็นอดีตนักแข่งรถอเมริกันคนเดียวที่ชนะการแข่งขันเลอมังค์ 24 ชั่วโมงมาแล้ว แต่เชลบี้ประสบปัญหาสุขภาพเป็นโรคหัวใจ เค้าเลยถอยมาเป็นคนทำงานเบื่องหลัง และเชลบี้ก็พยายามผลักดันให้ ไมล์ เคน (คริสเตียน เบลล์) นักแข่งรถฝีปากกล้าที่กำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรง เข้ามาเป็นนักแข่งเพื่อทำทุกวิถีทางให้รถที่เค้าออกแบบให้ฟอร์ดสามารถชนะเลิศการแข่งขันเลอมังค์24ชั่วโมงให้ได้
หนังสนุกครับ สนุกมาก!!!! คือจังหวะการเล่าเรื่องของหนังดีมากกกก ด้วยแรงของนักแสดงระดับคุณภาพ ทั้งแมท เดมอน และ คริสเตียน เบลล์ นี่แหละที่ส่งให้หนังมันออกมาสนุก ไหลลื่น โดยเฉพาะคริสเตียน เบลล์ นี่ลดน้ำหนักอีก 30 กิโล (อีกแล้ว) เพื่อมารับบทเคน แน่นอนว่ามันเวิร์คมาก การแสดงของเบลล์เปี่ยมไปด้วยพลัง และการส่งอารมณ์ร่วมนี่คือดีมาก ดีจนภาวนาให้ไดชิงออสการ์เหอะ มาขนาดนี้แล้ว
หนังจะว่าด้วยเรื่องราวความท้าทายของลูกผู้ชายนักแข่งรถที่รักและทะนงตัวแบบอีโก้แรงเลยก็ว่าได้ เมื่อเค้าต้องพบความท้าทายระหว่างความเป็นนักแข่งรถกับเรื่องของธุรกิจ ที่วงการนี้มันเคี่ยวสุดแสนจะเคี่ยว
หนังพาเราไปพบกับเรื่องราวของวงการรถ การหักเหลี่ยม ชิงไหวชิงพริบกันบนโต๊ะเจรจา การด่าการจิกกัดกันแบบลูกผู้ชาย และที่สำคัญพาเราไปพบกับความสกปรกในวงการนี้ด้วย แถมหนังยังพูดถึงประเด็นของความเป็นพ่อ ความเป็นผู้นำครอบครัว และความรับผิดชอบ หนังนำเสนอมุมมองในแต่ละมุมที่เวิร์คมาก
หนังแข่งรถ หนังรถแข่ง มันต้องมีฉากแข่รถใช่ไหม เรื่องนี้มีทั้งแข่งเดโทน่า และ เลอมัง สองรายการ โดยเฉพาะรายการหลังนี่หนังปล่อยให้เราดูฉากรถแข่งยาววนไปร่วม 30 นาที ดูจบนี่ลุ้นสุดใจ และในส่วนดราม่า หนังทำออกมาได้กลมกล่อมมาก หลายตอนมีแอบน้ำตาคลอ หนังดีมากกกกกกกกก ดีมากๆๆๆๆ จริงๆน่าเสียดายที่ว่ารอที่ได้ดูคนจะค่อนข้างน้อบ นี่แหละคนไทยไม่ชอบดูหนังแบบนี้ Ford v Ferrari จะว่าไปมันประเทืองปัญญา พาเราไปเรียนรุ้ประวัติศาสตร์ของบริษัทรถใหญ่ที่มีอายุเป็นร้อยๆปี ไปเรียนรู้แนวคิดจากฝรั่งที่เค้าอยู่ในบ้านเมืองที่พัฒนาแล้วนี่แหละ คือสิ่งทีเ่ราควรไปดูและเก็บรายละเอียด ผมให้ 9/10 ครับ ไปดูเถอะหนังดีมาก!!!!
Callmepetchy
[CR] Mini Review: Ford V Ferrari ศึกยักษ์ชนยักษ์ ที่ไม่ได้มีดีเเค่ฉากเเข่งรถ
Ford V Ferrari [9/10]
กระหึ่ม สะใจ ครึ่งชั่วโมงสุดท้ายโคตรคลั่ง
เรื่องย่อ
เมื่อบริษัท Ford Motor ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์จากอเมริกาถึงคราวต้องตกอับจนเกือบถึงขั้นต้องยกเลิกกิจการ เนื่องจากโดนบริษัทจากเเดนมะกะโรนีอย่าง Ferrari กระโดดปาดหน้าขึ้นมาเป็นเจ้าตลาดเเทน ดังนั้น Ford จึงหวังที่จะใช้สนามเเข่งเเนสคาร์สุดโหดอย่าง ‘เลอ มังส์’ เป็นตัวชี้ชะตา เพราะหากพวกเขาสามารถสร้างรถเเข่งที่เอาชนะเฟอร์รารี่ได้ ทิศทางความนิยมทั้งหมดจะวกกลับมาหา Ford อีกครั้ง
ทางฟอร์ดได้ติดต่อไปยัง เเคร์โรล เชลบีย์ (แมตต์ เดม่อน) อดีตนักแข่งชาวอเมริกันหนึ่งเดียวที่เคยเอาชนะสนามเลอ มังส์ ที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นเซลล์และช่างออกเเบบรถเเข่ง พ่วงด้วย เคน ไมลส์ (คริสเตียน เบล) ช่างซ่อมรถเเละนักแข่งรถฝีปากกล้าผู้ที่ต้องการเงินเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
จนกระทั่งทั้งคู่ได้มารู้ว่า คู่เเข่งที่เเท้จริงหาใช่เฟอร์รารี่ไม่ หากแต่เป็นเหล่าผู้บริหารของฟอร์ดเองนี่เเหละที่คอยเสียบตัดขาพวกเขาอยู่เสมอ
รีวิว
ช่วงเเรกของหนังมีบทสนทนาเยอะเเยะยุ่บยั่บไปหมด มีศัพท์เทคนิคเกี่ยวกับรถเเข่งพอประมาณ แต่สำหรับคนที่ชอบฟังตัวละครต่อบทกันน่าจะชอบใจเพราะทำได้อย่างลื่นไหล ผมชอบที่ไดอะล็อคมันดูเเมนๆแบบลูกผู้ชายคุยกัน พบได้ตั้งเเต่ตั้งแต่ช่วงที่เชลบี้พบว่าตัวเองเป็นโรคร้ายเเละช่วงที่ทั้งเคนเเละเชลบี้ต้องฝ่าฟันกับเหล่าผู้บริหารที่สนใจเเต่เรื่องภาพลักษณ์
หนังพาผู้ชมไปสัมผัสกับความผันผวนด้านอารมณ์ของ เคน ไมลส์ ที่ตอนแรกจะมีเเต่ฉากที่เขาพูดจาโผงผาง ทำตัวเป็นนักเลงหาเรื่องไปทั่ว เเต่จริงๆเเล้วเคนก็คือคนหนึ่งที่เนิร์ดเเละรักรถสุดหัวใจ จนกระทั่งเขาค่อยๆยอมอ่อนข้อลงและเปิดเผยความเป็นมนุษย์ออกมามากขึ้น ในจุดนี้คริสเตียน เบล ทำได้ดีมากครับ ผนวกกับสำเนีบงบริติชที่กวนๆของเขาทำให้ตัวละครนี้ออกมาสมบูรณ์ทีเดียว
ในส่วนของเชลบี้ ที่เเสดงโดยเเมตต์ เดม่อนส่วนตัวผมคิดว่าไม่ค่อยมีโอกาสโชว์ของมากนัก จริงๆเอาใครมาเล่นก็ได้นะ แต่อย่างน้อยเขาก็ทำให้ผู้ชมสัมผัสถึงความอบอุ่นเเละความเชื่อใจที่มอบให้กับเคนได้
อีกตัวละครที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ คือ เหล่าผู้บริหารของฟอร์ดอย่าง ลี เอียค็อกกา เเละ บีบี ที่คอยขัดขาเหล่าตัวเอก นับว่าเป็นสีสันอย่างหนึ่งของเรื่อง จนอดคิดไม่ได้ว่า ชื่อเรื่องที่เเท้จริงของหนังเรื่องนี้ น่าจะเป็น Shelby & Ken V Ford มากกว่า
ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายของเรื่องคือความระห่ำอย่างเเท้จริง ฉากเเข่งรถที่สนามเลอมังส์ นับว่าเป็นหนึ่งในฉากเเข่งรถที่ดีที่สุดของปีนี้เลยทีเดียวครับ ทั้งด้านมุมมองการถ่ายทำเเละการมิกซ์เสียง โดยเฉพาะในเรื่องเสียงผมคิดว่าน่าจะเข้าชิงออสการ์ได้เลยนะ และในฐานะของคนที่ไม่ได้มีความรู้พื้นฐานในเรื่องนี้มาก่อน ผมคิดว่าตอนจบค่อนข้างสะเทือนใจเลยล่ะ
จุดเด่นของหนัง
– การมิกซ์เสียงขั้นเทพ ใครที่ชอบเสพย์เสียงคำรามของเครื่องยนต์ ห้ามพลาด
– หนังให้ความบันเทิงพอสมควร สองชั่วโมงกว่าของหนังผ่านไปอย่างรวดเร็ว
– ฉากเเข่งรถที่รวดเร็ว ดุดัน
– การเเสดงของคริสเตียน เบล
สรุป
Ford V Ferrari เป็นหนัง Based on true story อีกเรื่องที่ห้ามพลาดครับ สำหรับผม ให้ 9/10 เลย หักนิดหนึ่งตรงตัวละครเชลบี้และครอบคัวของเคน น่าจะเล่นอะไรได้มากกว่านี้
ปล. หากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เพราะผมรีวิวไม่ค่อยเก่ง แหะๆ
[CR] รีวิว FORD V FERRARI หนังรถแข่งจากเรื่องจริง ที่ทำได้ลงตัว งานเสียงดีมาก !
หนังแข่งรถ หรือ เรื่องราวที่เกี่ยวกับรถนั้นก็ถือว่าเป็นหนังที่อาจจะไม่ได้มีมาบ่อยๆเท่าไรนักและที่หลายๆคนชอบกันก่อนหน้านี้คงจะเป็นเรื่อง Rush ก่อนหน้าซึ่งก็ถือว่าเป็นแนวคล้ายๆกันที่สร้างจากเรื่องจริงนั้นเอง และในครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นอีกครั้งที่นำเสนอการแข่งรถ ประวัติต่างๆที่สร้างจากเรื่องจริงแต่จะเป็นอีกแนวนึงนั้นเองครับ เพราะในครั้งนี้จะเป็นเรื่องราวของทาง Ford และ การผลิตรถแข่งครั้งแรก และลงสนามแข่งครั้งแรกของค่าย และมีเรื่องราวการสู้กันระหว่าง Ferrari โดยตรงคือทางเจ้าของ Enzo Ferrari นั้นเอง เรียกได้ว่าน่าสนใจเพราะทาง Ferrari เองนั้นเป็นเจ้าของรางวัลเยอะมากๆในการแข่ง และ ล้มได้ยากมากแต่ในครั้งนี้ Ford มีแนวคิดที่จะทำรถแข่งออกมา สู้ และเป็นครั้งแรกเลยเพราะแต่ก่อน Ford นั้นจะเป็นรถบ้านๆทั่วไปเลย ไม่ได้มีรถเท่ๆแรงๆแบบใครเค้าครับ เรื่องราวถือว่าน่าสนใจเลยแหละ และเรื่องนี้จะเน้นไปทาง Carroll Shelby ที่เป็นนักแข่ง และ ตำนานของรถแข่ง หรือรถบรรดาตระกูล Ford Shelby นั้นเอง และ มีชื่อเสียงจนถึงปัจจุบัน แต่อีกคนที่ทำให้ความสำเร็จมีขึ้นมาไม่พ้นของตัวนักแข่ง Ken miles ที่เป็นนักแข่งคนสำคัญที่ทำให้ Ford Shelby มีมาได้ถึงทุกวันนี้และชนะการแข่ง แต่น้อยคนที่จะรู้ เรื่องราวของหนังเลยจะมาเล่าในส่วนนี้นั้นเองครับ ถือว่าทำได้ดีและน่าสนใจจริงๆ
ในตัวหนังนั้นเป็นการเล่าที่อิงจากเรื่องจริงของทาง Ford Shelby ที่เกือบจะใกล้เคียงความจริงมากๆครับ แต่เรื่องของความเป๊ะอาจจะไม่ได้ตรงมากนักถ้าเทียบกับของ Rush ถ้าอิงตามเรื่องรางจริงๆนะครับ แต่แน่นอนว่าทางเรื่อง FordvFerrari เองนั้นก็ถือว่าเล่าเรื่องได้ดีและน่าสนใจอย่างมากในแง่ของความสนุกบันเทิง และ น่าติดตามลุ้นไปกับตัวละครถือว่าทำได้ดีจริงๆเพราะว่าทำให้หนังมันสนุกจริงๆทั้งเรื่องราวของตัวละคร การแข่งขัน ตัวรถยนต์อันนี้สำคัญที่ รถยนต์นั้นมันมีความสวยน่าติดตามและในยุคสมัยนั้น จุดนี้เลยทำให้มันเล่นตรงส่วนรถอะไรเน้นไปทางรถได้ดีและมีความสวยและลงลึกได้มากกว่าในตัว Rush แน่นอนว่าด้วยความยุคนั้นเลยทำให้ตัวรถของF1 ยุคนั้นอาจจะไม่ได้ว้าวสวยหรือน่าติดตามมากนัก แต่จุดนี้แหละทำให้ FordvFerrari มีประเด็นเล่นในเรื่องรถอะไรได้ดีกว่า
ส่วนตัวบทนั้นกระจายเล่นได้ดีครับทำให้พอรู้ลึกเรื่องราวของแต่ละคนหลักได้และพอมีความเข้าใจในตัวละคร แต่เรื่องของการพัฒนาการตัวละครนั้นอาจจะไม่ได้เยอะเท่าไรมาก แต่ก็พอเข้าถึงตัวละครได้ครับ เป็นการเล่าเรื่อยแบบตรงๆไปเรื่อยเป็นตามประวัติจริงๆเลย และ เล่าถึงจุดสิ้นสุดของตัวละครนั้นๆ แน่นอนว่ามันมีประเด็นบางอย่างที่แอบเสียดายว่าถ้าเราให้ลงลึกในตัวละครมากกว่านั้นอาจจะทำได้ซึ้งมากกว่านี้น่าจะเข้าถึงได้ดีกว่านี้แต่ก็ไม่ได้สุดเท่าไรครับ เป็นแค่จุดเดียวเท่านั้นในตัวหนังเรื่องนี้ที่เจอ ส่วนตัวหนังก็มีแทรกมุก แทรกเรื่องราวอะไรเข้ามาทำให้ไม่น่าเบื่อและบันเทิง หรือจะเป็นการเล่าแซะๆเล็กน้อยกับตัว Ford ทั้งตัวผู้บริหารเอง การบริหาร องค์กร หรือจะเป็นการคิด ธุรกิจที่แตกต่างกันระหว่าง Ford Ferrari แน่นอนว่าเสียดายที่ไม่ได้ไปเน้น Ferrrari เท่าที่ควรหรือเอาแค่ชื่อมาแค่นั้น แต่ไม่ได้ลงลึกหรือสู้กันแบบจริงจังหรือไปเน้นฝั่งนั้นมากเท่าไรครับ เอาง่ายเน้นประวัติ Ford Shelby มากกว่า
ตัวงานภาพนั้นไม่ได้มีการเน้นเรื่องของโทนภาพเท่าไรนักแต่เรื่องของความเนียน เนี๊ยบในแง่ของ Production นั้นทำได้ดีจริงๆ และ การตัดต่อที่ค่อนข้างดูง่ายและไม่งง และต่อเนื่อง แม้ว่ามุมกล้องอะไรอาจจะไม่ได้โหดเท่า Rush หรือการเล่นโทนภาพจะไม่ได้โหดเท่าไร เพราะในเรื่องนั้นจะเป็นมุมมองของนักแข่งทำให้เราเหมือนนักแข่งจริงๆ แต่เรื่อง FordvFerrari นั้น จะเป็นมุมมองของผู้ชมหรือบุคคลที่ 3 มากกว่าเลยอาจจะคนละแบบกันไปเลย แต่ก็มีดีแตกต่างกันครับ แต่กล้องนั้นเองแม้จะไม่ได้เล่นในมุมมองนักแข่งแต่ก็ทำให้เราลุ้นกับนักแข่ง การเอาขนะได้ดีไม่แตกต่างกัน แต่ที่ชอบมากกกก ของเรื่อง FordvFerrari นั้นจะเป็นเรื่องเสียงที่ดีมากกกดีกว่าทั้งเรื่องอื่นๆที่เคยดูมา เสียงงานเสียงประกอบดีมากจริงๆเสียงเครื่องยนต์เข้าถึงมากสะใจหนักแน่น และใส่ใจรายละเอียดทุกๆอย่างในหลายๆฉากเป็นจุดที่ดีมากของเรื่องนี้และใครที่ชอบเรื่องรถยนต์เข้าไปฟังเสียงเครื่อง GT40 และ Ferrari ก็คุ้มมากแล้วครับ
และที่ต้องชื่นชมอีกจุดคือนักแสดงทั้ง Matts Demon และ Cristian Bale นั้นต่างแบกหนักเอาไว้ได้แบบไร้ที่ติ ยิ่งตัว Cristian Bale เองนั้นที่แสดงเป็น Ken Miles นั้นคือเหมือนเป็นคนละคนที่เราคุ้นเคยกันจริงๆ แสดงได้ดีมากๆยอมรับในการแสดงของเค้าจริงๆครับ ส่วนตัว Matss Demon เองนั้นก็แสดงได้ดีคนละแบบกันชัดเจนในทั้ง 2 ตัวละครและทั้งแววตา สีหน้าในแต่ละฉาก การพูดคุยกันระหว่าง 2 ตัวละครนั้นทำได้ดีจริงๆ และอินไปกับฉากนั้นๆครับ เป็นหนังที่มีนักแสดงดีๆทั้ง 2 คนเป็นคนพาเรื่องไปเรื่อยๆและน่าติดตาม อีกทั้งนักแสดงรองก็ซัพพอร์ทได้ดีเช่นกัน เป็นเรื่องที่ไม่มี สาวๆหรือใช้ความเซกซี่อะไรของตัวละครหญิงเลย แต่เป็นความเซกซี่ของตัวรถ การแข่ง เสียงเครื่องยนต์ การแต่งรถปรับต่งทดสอบมาแทน ต้องบอกว่าเป็นหนังสำหรับ ผู้ชายรักรกของจริงเลยแหละ และคนทั่วไปก็สามารถดูได้เพลินๆ และมีซึ้งเข้าถึงกับตัวละครได้ดีไม่แพ้กันครับ แต่ถ้าสายรถนั้นก็จะอินกับมุกได้ง่ายขึ้นเข้าใจขึ้น
ในภาพรวมนั้น เป็นหนังรถที่ดีมากอีกเรื่อง ที่มีการพูดเทียบกับ rush นั้นเพราะหลายๆคนถามกันมาครับเลยเทียบกันนิดหน่อย หนังมีดีทั้งคู่เด่นแตกต่างกันไป โดยส่วนตัวชอบทั้งคู่ครับ แต่งานเสียง รถยนต์ นักแสดง นั้นแอบชอบเรื่องนนี้มากกว่าพอสมควรเลย แต่งานภาพ หรือ บทจากเรื่องจริงเรื่อง Rush นั้นจะอิงได้แม่นกว่า และเห็นการพัฒนาของตัวละครมากกว่านิดหน่อยครับ ไม่แพ้กันเลยสำหรับ 2 เรื่องนี้แต่ถ้าใครชอบเสียงรถยนต์แน่นๆ โชว์รถสวยๆหลายๆฉาก ประสิทธิภาพของรถในแต่ละรุ่น เรื่อง FordvFerrari ตอบโจทย์คนรักรถได้ดีมากๆดูและยิ้มตามไปกันเลย เป็นหนังที่ลงตัว ทั้งบท นักแสดง เสียง และ ความลื่นไหล และยิ่งสร้างจากเรื่องจริงเลยทำให้มัน เข้าถึงได้ดีขึ้นครับ รู้ประวัติคนที่อยู้เบื้องหลังอะไรได้ดีจริงๆ เป็นหนังที่แนะนำให้ดู สำหรับทุกคน และ ยิ่งแนะนำสำหรับสาวกรถแข่ง หรือ คนเล่นรถทุกคนต้องรู้จักและมาดูสำหรับประวัติของ Carroll Shelby แนะนำครับเรื่องนี้ แต่นักแสดงก็เอาเรื่องแล้ว