ดูหนัง Creed 3 (2023) ครี้ด 3
หลังจากที่สร้างอิทธิพลให้โลกของการชกมวย อโดนิส ครีดประสบคามสำเร็จทั้งด้านอาชีพการงานและชีวิตครอบครัว เมื่อเพื่อนวัยเด็กและอดีตนักมวยที่ไม่ธรรมดาอย่าง ดาเมียน (โจนาธาน เมเจอร์ส) ได้รับการปล่อยตัวหลังจากการถูกขังในเรือนจำเป็นเวลานาน เขาอยากพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคือผู้คู่ควรกับสิ่งเหล่านั้น การเผชิญหน้าระหว่างเพื่อนเก่ามีสิ่งที่มากกว่าการต่อสู้ ในการทำคะแนนครั้งนี้อโดนิสเอาอนาคตตัวเองมาเดิมพันเพื่อต่อสู้กับดาเมียน ผู้เป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับสิ่งใด
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง
Michael B. Jordan
Tessa Thompson
Jonathan Majors
Wood Harris
ผู้กำกับ : Michael B. Jordan
รีวิว Creed 3
ekka_eak
[CR] [#Review] CREED III – เหมือนดู Killmonger โดน Killmonger กลับมาล้างแค้น และการก้าวออกจากร่มเงาของ ROCK
🥊🥊🥊
ก่อนหน้านี้ผมเล่าถึงหนังชีวประวัติของ Mike Tyson ซึ่งเป็นหนังหมัดมวยเหมือนกัน การเล่าเรื่องก็จะเล่าถึงช่วงไต่เต้า ช่วงสำเร็จ ช่วงโรยรา ซึ่งหนังแบบนี้ก็จะหนีไม่พ้นวนเวียนชีวิตแบบนี้ทุกเรื่อง กับเรื่อง CREED ที่ภาคนี้เป็นภาคที่สามแล้ว โดยในภาคนี้ความชัดเจนของหนังคือการไม่มี Sylvester Stallone มารับบท Rocky เป็นพี่เลี้ยงให้กับหนังอีกต่อไป ด้วยเหตุผลทางด้านความไม่พอใจส่วนตัวเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ตัวละคร ทำให้หนังในภาคนี้ถือว่าเป็นภาคที่จะพี่สูจน์ว่า CREED จะสลัดตัวเองออกจากร่มเงาของ Rocky ได้หรือไม่
🥊🥊🥊
เรื่องราวในภาคนี้ หลังจากที่ Adonis Creed ได้ป้องกันแชมป์ครั้งสุดท้ายและแขวนนวมไปแล้วเป็นเวลาถึงสามปี แต่กลับมีเหตุการณ์ในอดีตที่มาทำให้เขาต้องหวั่นไหว เมื่อ Dame หรือ Damian Anderson ผ็ที่เป็นเหมือนพี่ชายของเขา ได้ออกจากคุกและมาหาเขาเพื่อทวงคืนความฝันที่จะเป็นแชมป์มวยโลกให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีการสกปรกแค่ไหนก็ตาม ทำให้ Adonis จำเป็นต้องหวนคืนสังเวียนอีกครั้งเพื่อสะสางเรื่องราวในอดีตระหว่างเขาและ Dame ให้จบไป
🥊🥊🥊
เอาจริงๆ หนังหนีไม่พ้นวัฏจักรที่เกริ่นไปก่อนหน้าจริงๆ ภาคแรก CREED ไต่เต้าตัวเองขึ้นมา สู้จนได้เป็นแชมป์ ภาคสองเจอคู่ต่อสู้ที่สุดแข็งแกร่ง และประสบความสำเร็จ ภาคสามความโรยราของวัยและสภาพร่างกาย ซึ่งหนังแนวนี้ก็จะหนีไม่พ้นสเต็ปประมาณนี้ และคนดูเองก็จะเดาทางหนังได้ไม่ยาก เพียงแต่หนังเรื่องนี้ใส่ประเด็นดราม่าเข้ามาเยอะกว่าภาคก่อนๆ ให้หนังมันมีรสชาติมากขึ้นกว่าแค่เป็นหนังต่อยมวย
🥊🥊🥊
แต่กับดราม่าต่างๆ เหล่านั้น หนังกลับไม่ได้เอาจุดที่หนังอุตส่าห์สร้างประเด็นขึ้นมามาเล่นต่อ ไม่ว่าจะประเด็นลูกสาวของ Adonis กับ Bianca หรือ ประเด็นความสัมพันธ์แม่ลูก ซึ่งประเด็นเหล่านี้เหมือนถูกพูดขึนมาแล้วปล่อยให้หลุดไป หนังจะไปเล่นหนักๆ คือเรื่งของสองเพื่อนรักเสมือนพี่น้องคือ Adonis และ Damian ซึ่งกว่าประเด็นเหล่านั้นจะถูกเฉลยออกมาก็เกือบจะจบเรื่องแล้ว ทำให้บางฉากบางตอนมันเหมือนติดๆ ขัดๆ และอารมณ์มันกั๊กๆ ยังไงบอกไม่ถูก แล้วในภาคนี้ก็เรื่องราวดราม่าค่อนข้างยาวซะด้วย
🥊🥊🥊
แต่ประเด็นของ Adonis และ Damian ก็มีน้ำหนักพอที่จะทำให้หนังมันเดินทางไปได้ดีและมีรสชาติเข้มข้น แล้วมันโอเคตรงที่ว่าหนังเอาจุดนี้พาคนดูให้อินไปถึงจุดพีคตอนท้ายเรื่องได้ แต่ดูการกลับมาของตัวละคร Dame มันช่างคล้ายกับการกลับมาทวงบัลลังก์ของ Killmonger จากเรื่อง Black Panther ที่ Michael B. Jordan แสดงเป็น Killmonger เอาไว้ และการได้ Jonathan Major มารับบท Kang เอ้ย Dame แล้วมาเชือดเฉือนกับ MBJ ก็ทำให้หนังดูมีมิติมากขึ้น เพราะตัวละคร Dame ดูเป็นตัวละครที่มีมิติให้คนดูจดจ่อกับตัวละครตัวนี้ได้มากกว่า CREED ด้วยซ้ำ เรียกว่าเป็นตัวหลักอีกตัวของเรื่องที่เข้ามาช่วยประคองหนังในส่วนของการขาดหายไปของ Rocky ได้เป็นอย่างดี
🥊🥊🥊
ในส่วนของฉากบนเวที หนังทำได้สุดยอดมาก เรียกว่าเดือดทุกฉากที่ต่อยกันเลย ซึ่งตรงจุดนี้ต้องยกความดีความชอบให้ Michael B. Jordan ที่เป็นทั้งพระเอกหน้าเดิมและผู้กำกับหน้าใหม่ ซึ่ง MBJ เอาความได้เปรียบของการที่ตัวเองเป็นนักแสดงในบทบาทบนเวที มาใช้กับความเข้าใจในมุมกล้องที่จะถ่ายทอดออกมา ทำให้ภาพบนเวทีเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก และเสียงดนตรีประกอบ และบรรยากาศโดยรอบ ทำให้เหมือนคนดูขึ้นไปอยู่บนเวทีกับตัวละครด้วย ทำให้ฉากบนเวทีดุเดือดอะดีนาลีนหลั่งสุดๆ
🥊🥊🥊
แต่สุดท้ายผมไม่รู้ว่าจะคิดเหมือนกันรึเปล่า แต่ผมก็ยังรู้สึกคิดถึงตัวละคร Rocky อยู่ดี เพราะอาจจะด้วยว่าเราผูกพันกับตัวละครนั้นมายาวนาน และ CREED ยังไม่สามารถทำให้คนดูผูกพันกับตัวละคร Adonis ได้มากเท่า ถึงแม้ในหนังจะมีการเอาตัวละครเก่ากลับมาอย่างคนที่เล่นเป็นพี่เลี้ยง Rocky ก้ยังไม่ทำให้คนดูหยุดคิดถึง Rocky ได้ แถมตัวหนังเองก็ยังไม่ได้ฉีกหนีความเป็น Rocky กับ Apollo Creed ได้สักเท่าไหร่ มันเลยยังบอกได้ไม่เต็มปากว่า CREED สามารถออกจากร่มเงาของ Rocky ได้หรือยัง
🥊🥊🥊
ก็ไดแต่หวังว่า ถ้าหากมีภาคต่อ (หรืออาจจะไม่มีแล้ว) CREED จะฉีกตัวเองให้หลุดจากกรอบของ Rocky ได้มากกว่านี้ หรือหากไม่มีภาคต่อ ก็คิดว่าหนังไม่ได้แย่อะไร หนังดีด้วยซ้ำ เพียงแต่ถ้าถามว่าเมื่อนึกถึงหนังเรื่อง CREED เราจะไม่นึกถึงหนังเรื่อง ROCKY ได้ไหม แค่นั้นเอง
เรื่องนี้ดูหรือข้าม
(#filmreview)
…………………
#creedlll
CREED III รีวิวเรื่องนี้ดูหรือข้าม
กลับมาอีกครั้งกับหนังมวยแห่งยุคที่สานต่อบรรยากาศและตำนานของร๊อคกี้ ผ่านเรื่องราวของ Adonis Creed (รับบทโดย Michael B. Jordan) ลูกชายของเพื่อนรัก Rocky ที่ชีวิตพัดพาให้เข้าเขาได้มีชีวิตลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น และพิสูจน์ตัวเองมาแล้วสองภาค และกลายเป็นการขยายจักรวาลแฟรนไชส์ร๊อคกี้ได้อย่างสง่างาม กลับมากับภาคสามกับเรื่องราวใหม่และอดีตที่ไม่มีใครเคยรู้ของ Adonis ที่มาพร้อมเพื่อนรักเพื่อนแค้นอย่าง Damian ที่รับบทโดย Jonathan Majors หรือพี่แคงของเราจาก MCU นี่เอง ที่กลับเข้ามาในชีวิตของ Adonis และทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป โดยภาคนี้ได้ผู้กำกับมาแรงคนเดิมอย่าง Ryan Coogler กลับมาสานต่อ
อย่างไรก็ตามในความคิดของเรา creed 3 ถ้าเปรียบเทียบกับภาคที่ผ่านๆมาแล้ว รู้สึกได้เลยว่ามันเป็นภาคที่มีความเข้มข้นน้อยที่สุดและอินน้อยที่สุดแล้ว แม้ว่าจะมีฉากแอคชั่นบนสังเวียนที่ยอดเยี่ยมมากๆไม่แพ้ภาคแรกๆเลย แต่ในส่วนของดราม่าซึ่งเป็นจุดขายมาตลอดของแฟรนไชส์ Rocky ต้องบอกเลยว่าภาคนี้เบาบางมาก ซึ่งต้องบอกก่อนว่ามันไม่ได้แย่อะไร แต่มันไม่เข้มข้น ไม่ติดดิน หรือชวนลุ้นอะไรมากนัก หลักๆเลยเป็นเพราะการปูทางเนื้อเรื่องของภาคนี้ทำได้ค่อนข้างจืด ตัวละครใหม่แม้จะมีคาแรกเตอร์น่าสนใจ แต่ปูมหลังมีความหยาบมา หมายถึงมันไม่ได้ลึกอะไรมากไม่ๆได้ละเอียดหรือน่าติดตามอะไร มันจืดชืดไปหน่อย ถ้าเทียบกับสิ่งที่เราเคยได้ดู
กระนั้นข้อดีที่เราคาดหวังว่าควรจะได้ ก็ยังครบถ้วน การบิ้วอัพฉากแอคชั่นสำคัญที่โคตร Hype ความเป็นอนิเมะที่โคตรเอาเรื่อง จังหวะกะโคนต่างๆที่น่าตื่นเต้น รวมถึงตัวละครและการแสดงที่ยังคงมาตรฐานที่ไว้ใจได้ Jonathan Majors มีความเป็นตัวร้ายที่มีมิติทีเดียว แม้สุดท้ายจะยังดูตื้นเขินไปนิดในตอนจบ ก็ทำให้เราประทับใจได้พอสมควร
สรุป โดยรวมมันยังเป็นหนังที่เราเอนจอยมากๆอยู่ แม้จะไม่ได้พีคหรือเข้มข้นเหมือนภาคก่อนๆแต่ก็ยังได้กลิ่นอายของความเป็น creed และ Rocky แบบหายคิดถึงไปอีกภาค ถ้าใครอยากดูอะไรมันส์ๆแนะนำเลย