ดูหนัง Come Play (2020)
เด็กชายขี้เหงาที่อยากมีเพื่อน ได้แท็บเล็ตเป็นเพื่อนปลอบใจ รวมทั้งสิ่งมีชีวิตปริศนาที่พร้อมก่อเหตุชั่วร้ายเพื่อให้ตัวเองสมปรารถนา โอลิเวอร์เป็นเด็กออทิสติกที่ไม่สามารถพูดได้และใช้สมาร์ทโฟนเพื่อสื่อสารกับผู้อื่น เขาเข้าเรียนที่โรงเรียนและได้รับการดูแลจากแม่ของเขา ซาราห์เป็นส่วนใหญ่ ส่วนพ่อของเขา มาร์ตี้ ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ การแต่งงานของซาราห์และมาร์ตี้เริ่มยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ จนมาร์ตี้ต้องย้ายออกไปอยู่ข้างนอก คืนหนึ่ง โอลิเวอร์เห็นแอปบนสมาร์ทโฟนของเขา ชื่อว่า “Misunderstood Monsters” ซึ่งเล่าเรื่องราวของสัตว์ประหลาดชื่อแลร์รีที่ “ต้องการแค่เพื่อน” หลังจากที่เขาอ่านเรื่องราวนั้นไฟก็ดับลงเอง เขาเล่นแอปบนแท็บเล็ตที่สามารถระบุใบหน้าได้ และแอปดังกล่าวสามารถระบุใบหน้าในพื้นที่ว่างข้างๆ เขา ที่โรงเรียน โอลิเวอร์ถูกเพื่อนร่วมชั้นรังแกเนื่องจากอาการของเขา พวกเขาจึงล่อลวงเขาไปที่ทุ่งนาและหยิบโทรศัพท์ของเขาไปโยนทิ้งในทุ่งนา
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Gillian Jacobs จิลเลียน จาค็อบส์

John Gallagher Jr.

Azhy Robertson

ผู้กำกับ : Jacob Chase
รีวิว Come Play (2020)
beartai
หนังผีที่ออกฉายไปตั้งแต่ปี 2020 แต่เพิ่งลง Netflix แล้วก็ฮิตติดอันดับทันที ต้องบอกก่อนนะครับว่าเรื่องนี้เป็นหนังฟอร์มเล็กมาก ๆ สมควรสร้างลงสตรีมมิงตั้งแต่แรก ไม่สมควรฉายโรงเลย เพราะออกฉายในช่วงที่โควิดยังไม่ซาด้วย หนังใช้ทุนสร้างไป 9 ล้านเหรียญ ได้เงินค่าตั๋วกลับมาแค่ 13 ล้านเหรียญ คือที่ผ่านมา เราเห็นหนังสยองขวัญทุนต่ำแบบนี้ แต่ทำออกมาน่ากลัว ได้รับเสียงร่ำลือแบบปากต่อปาก กลายเป็นหนังฮิตร้อยล้านกันมาก็เยอะแล้ว แต่ไม่ใช่สำหรับ Come Play ครับ หนังเป็นผลงานของ จาคอบ เชส (Jacob Chase) ผู้กำกับที่โนเนมสุด ๆ เพราะมีแต่ผลงานหนังสั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเรื่อง Larry หนังสั้นแค่ 5 นาที เรื่องของอสุรกายต่างมิติที่ออกมาตามล่าเด็กขี้เหงาแล้วลากกลับไปอยู่กับมัน ซึ่งเชสก็นำเอาพล็อตเรื่องนี้ล่ะ มาขยายเป็น Come Play ที่เขาเหมารวมทั้งหน้าที่เขียนบทและกำกับ
หนังมีตัวแสดงหลัก ๆ อยู่แค่ครอบครัว พ่อ-แม่ และ โอลิวเวอร์ ลูกชาย (Azhy Robertson)วัย 9 ปีของครอบครัว โอลิเวอร์มีปัญหาด้านการออกเสียง ทำให้น้องไม่พูดกับใคร สื่อสารกับพ่อแม่และคนรอบข้างด้วยแอปออกเสียงในโทรศัพท์มือถือ หนังความยาวแค่ 96 นาที ก็เลยเดินหน้าไปแบบรวดเร็ว เปิดเรื่องก็แนะนำสมาชิกครอบครัวและการมาถึงของ แลร์รี ไปพร้อมกันเลย ส่วน แลร์รี ก็เป็นอสุรกายที่ผู้กำกับเชสสร้างสรรค์ขึ้นมาในรูปของนิทานสำหรับเด็ก ที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่มาบนหน้าจอมือถือของโอลิเวอร์ พอโอลิเวอร์เปิดอ่านไปทีละหน้า ก็เป็นการแนะนำตัวแลร์รีให้โอลิเวอร์และคนดูได้รู้จักมันไปพร้อมกัน แลร์รีเป็นอสุรกายตัวลีบ ๆ ยาว ๆ ท่าทางเก้งก้างที่อยู่ในมิติไหนสักแห่ง ด้วยรูปร่างที่น่าเกลียดน่ากลัวทำให้แลร์รีไม่มีเพื่อน รู้สึกเหงาจึงออกมาสื่อสารกับโอลิเวอร์ผ่านทางนิทานเรื่องนี้และต้องการชักชวนให้โอลิเวอร์ไปอยู่กับมัน
ข้อกำหนดของแลร์รีคือจะสื่อสารกับเหยื่อได้ผ่านทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีหน้าจอทั้งมือถือ แท็บเล็ต มอนิเตอร์ และทีวี ซึ่งบทหนังก็ค่อย ๆ เผยขีดความสามารถของแลร์รีไปเรื่อย ๆ ไปพร้อมกับฉากสยองที่สอดแทรกมาเป็นระยะ ๆ ก็ถือว่า มีทั้งความละม้ายกับ Babadook อยู่มาก ทั้งในเรื่องของปีศาจที่ออกมาจากนิทาน และความผูกพันของแม่กับลูกชาย แต่เชสก็ปรับให้แตกต่างด้วยการเพิ่มเรื่องข้อจำกัดในการสื่อสารของแลร์รีขึ้นมา ว่าจะมองเห็นตัวมันได้ผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ซึ่งเชสก็ใช้ประโยชน์จากจุดนี้ได้ดีในหลาย ๆ ฉาก ที่ทั้งพ่อ แม่ และโอลิเวอร์ ได้เห็นแลร์รีทั้งโดยบังเอิญและตั้งใจ และฉากเหล่านี้ก็น่าตอบสนองความพอใจกลุ่มคนรักหนังสยองขวัญได้บ้าง ที่ได้ลุ้นกับภาพมืด ๆ ว่าแลร์รีจะโผล่มาให้สะดุ้งตอนไหน และแน่นอนว่าถ้าได้ดูฉากเหล่านี้ในโรงที่มืด ๆ ย่อมได้อรรถรสมากกว่า หนังมีฉากตุ้งแช่พอควร แล้วก็ทำให้สะดุ้งได้จริง แต่ไม่ได้สะดุ้งกับภาพหรอกนะ สะดุ้งกับเสียงประกอบมากกว่า