ดูหนัง Bridget Jones Mad About the Boy (2025) บริดเจ็ท โจนส์ หลงหนุ่มหนักมาก
บริดเจ็ท โจนส์ ที่ตอนนี้อยู่ในวัยห้าสิบต้น ๆ ต้องเผชิญกับความท้าทายของชีวิตสมัยใหม่ ไปพร้อมกับรับผิดชอบในหน้าที่ของการเป็นแม่ บริดเจ็ท โจนส์ ซึ่งตอนนี้เป็นแม่ของบิลลี่และเมเบิลวัยเรียน กำลังเตรียมตัวออกไปข้างนอกเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ในขณะที่รอแดเนียล คลีเวอร์ พี่เลี้ยงเด็กมา เธอเกือบจะเปลี่ยนใจไม่ไป แต่เธอก็ได้เข้าร่วมงานเฉลิมฉลองชีวิตของมาร์ก ดาร์ซี สามีผู้ล่วงลับของเธอ ซึ่งเสียชีวิตเมื่อสี่ปีก่อนระหว่างปฏิบัติภารกิจด้านมนุษยธรรมในซูดาน เธอใช้เวลาช่วงเย็นอันแสนทรมานนี้ไปกับการรับคำไว้อาลัยและถูกกดดันให้เริ่มออกเดตอีกครั้ง เมื่อบริดเจ็ตกลับถึงบ้าน เมเบิลและบิลลี่ยังไม่นอน เธอจึงเล่านิทานให้ฟังตามปกติ เมเบิลกล่าวคำราตรีสวัสดิ์กับนกฮูกสีขาวข้างนอกก่อนที่แม่ของเธอจะเดินลงบันไดมา บริดเจ็ตจำได้ว่ามาร์กร้องเพลงให้เด็กๆ ฟัง และจินตนาการว่าจะได้เห็นเขาทำแบบนี้ บริดเจ็ตไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของเธอได้ จึงไตร่ตรองคำแนะนำและข้อเสนอแนะที่มักจะขัดแย้งกันซึ่งเพื่อนและครอบครัวของเธอเสนอให้
อ่านรีวิวก่อน ดูหนัง
นักแสดง
Renée Zellweger เรเน เซลเวเกอร์
Chiwetel Ejiofor
Leo Woodall
ผู้กำกับ : ไมเคิล มอร์ริส
รีวิว
entertainment
ก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าหนังโรแมนติกระดับตำนานกับความสัมพันธ์ของหญิงสาวชาวอังกฤษเรื่องนี้จะกลายเป็นแฟรนไชส์หนังรักที่สร้างออกมาต่อเนื่อง จนบัดนี้สู่ภาคที่ 4 แล้วใน “Bridget Jones: Mad About the Boy บริดเจ็ท โจนส์ หลงหนุ่มหนักมาก” ที่น่าจะเป็นการปิดฉากการเดินทางที่แสนยาวนานของสาวช่างฝันผู้นี้ และเสมือนเป็นการนัดรวมญาติในรอบทศวรรษที่ชวนคิดถึงและโหยหายอดีตที่เต็มไปด้วยความทรงจำ
บริดเจ็ท โจนส์ คนดีคนเดิมในวัยเลข 5 ที่ใช้ชีวิตเป็นแม่ม่ายและคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว โดยเธอยังห้อมล้อมไปด้วยผู้คนที่รักและหวังดีกับเธอ ไม่ว่าจะครอบครัว เพื่อนฝูงสนิท รวมทั้งอดีตคนเคยรัก อย่าง แดเนียล ที่ยังวนเวียนอยู่ในชีวิตเธอ เมื่อตั้งหลักได้เธอกลับมาทำงานอีกครั้ง ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้เธอถูกชักจูงเข้าสู่สังคมของแอปพลิเคชันแก้เหงา กลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสัมพันธ์ที่เข้ามาพร้อม ๆ กัน 2 คนที่ล้วนแต่อายุน้อยกว่าเธอ คนหนึ่งเป็นคุณครูที่สอนลูกสาวเธอ กับอีกคนหล่อสุดฮอตแต่อายุแทบจะเป็นลูกชายของเธอได้
การกลับมาครั้งนี้ของบริดเจ็ท ถือว่าเป็นก้าวการเติบโตที่สำคัญของเธออีกเช่นกัน ก่อนหน้านี้ใน 3 ภาคที่ผ่านมา เส้นเรื่องค่อนข้างเป็นหนังรักจ๋า ๆ แต่มาถึงภาคล่าสุดนี้ค่อนข้างจริงจังขึ้น นำไปสู่เส้นทางการใช้ชีวิตของคนวัยกลางคนมากยิ่งขึ้น เป็นหนังรักผู้ใหญ่ที่เติบโตไปด้วยหน้าที่รับผิดชอบมากมาย ปล่อยช่วงเวลาไปกับการรับมือในสิ่งที่ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ราวกับหลงมือการใช้ชีวิตของตัวเองไป ทำให้หนังเรื่องนี้มีโทนที่ค่อนข้างต่างไปจากเดิมพอประมาณ
ในขณะเดียวกัน สเกลหนังเรื่องนี้ดูค่อนข้างเล็กลงไปสักหน่อย อาจจะเป็นเพราะว่าหนังไม่ได้เข้าโรงฉายในอเมริกาที่เป็นตัวกำหนดกระแสหลักของหนังหลาย ๆ เรื่อง แต่หนังเองก็ทำการตลาดทั่วโลกด้วยการเข้าฉายโรงตามปกติ โดยภาคนี้ได้ “ไมเคิล มอร์ริส” ผู้กำกับซีรีส์ดัง ๆ อย่าง 13 Reasons Way และ Better Call Saul มารับหน้าที่ดูแลงานสร้าง นี่น่าจะเป็นผลงานสร้างหนังเรื่องแรก ๆ ในอาชีพของเขา ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายังต้องลับคมอยู่หลายจุด
VIDEO