ดูหนัง Along With The Gods 1 (2017) ฝ่า 7 นรกไปกับพระเจ้า ภาค 1
ครั้งแรกที่ภาพของดินแดนปรโลกจะปรากฏต่อหน้าเราทุกคน เตรียมตัวออกผจญภัยฝ่านรกทั้ง7 ขุมที่จะไม่ได้เป็นแค่ภาพในจินตนาการ ไปกับ 3 ยมทูตนักสู้ เพื่อส่งสุดยอดวิญญาณของนักดับเพลิงหนุ่มไปเกิดใหม่ให้สำเร็จ ในภาพยนตร์แอคชั่น-แฟนตาซีฟอร์มยักษ์ที่สร้างจากเว็บคอมมิคส์พันล้านวิวของเกาหลี
อ่านรีวิวก่อน ดูหนังนักแสดง
ฮา จอง-อู
ชา แท-ฮย็อน
คิม ฮยัง-กี
โท กย็อง-ซู
ผู้กำกับ : Kim Yong-hwa
รีวิว Along With The Gods 1 (2017) ฝ่า 7 นรกไปกับพระเจ้า ภาค 1
สมาชิกหมายเลข 3535939
[รีวิวหนัง] Along with the Gods: The Two Worlds | ทำไมหนังมันดีอย่างนี้ + มาแสดงความรู้สึกหลังดูกันครับ [สปอย+ไม่สปอย]
เรื่องย่อ
โดยหนังจะเล่าเรื่องของ คิม จาฮง (ชา แทฮยอน) นักดับเพลิงเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิด เขาถูกนำตัวไปยังปรโลกเคียงคู่กับเหล่าเทพผู้พิทักษ์ทั้งสาม คือ ผู้นำทีมเทพผู้พิทักษ์ คังลิม (ฮา จุงวู), เทพนักต่อสู้ฝีมือกล้าแกร่ง เฮวอนเมก (จู จีฮุน) และ เทพแห่งมันสมอง ดัคชุน (คิม ฮยางกี) นำไปสู่การผจญภัยฝ่าขุมนรกแห่งบาปทั้ง 7 ที่ทั้งมนุษย์และทวยเทพต้องยำเกรง ได้แก่ นรกแห่งบาปฆาตกรรม, นรกแห่งบาปเกียจคร้าน, นรกแห่งบาปหลอกลวง, นรกแห่งบาปอยุติธรรม, นรกแห่งบาปทรยศ, นรกแห่งบาปความรุนแรง, นรกแห่งบาปอกตัญญู เพื่อพิสูจน์ตัวตนให้ผ่านด่านพิพากษาจาก ราชันย์ยอมรา (รับบทโดย อี จุงแจ) เทพแห่งนรก เพื่อจะได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งภายในกำหนดเวลา 49 วัน และในขณะเดียวกันเพื่อตามล่าสืบค้นเบื้องหลังปริศนาในตัวของ คิม จาฮง เหล่าเทพผู้พิทักษ์จึงต้องเดินทางมายังโลกของมนุษย์ เพื่อพิสูจน์ตัวตนที่แท้จริงของชีวิตที่พวกเขากำลังปกป้อง
รีวิว
ไม่คิดว่าจะมีหนังเรื่องใหนในปี 2017 นี้ที่ทำให้ให้ร้องให้ได้อีกแล้วนะ หลังจากเรื่อง Kimi no Suizo wo Tabetai ตับอ่อนเธอนั้น ขอฉันเถอะนะ แต่พอได้ดูเรื่องนี้จบ มันไม่ใช่แค่ซึมๆนะสิ แต่สะอึกสะอื้นเป็นบ้านเป็นหลัง ตอนแรกก็คิดว่ามันจะดราม่าอะไรขนาดนี้นะ
ถ้าดูจากหน้าปกหนังใครๆก็คิดว่ามันต้องเป็นหนังแอคชั่น แฟนตาซี ผจญภัยประมาณนั้น แต่พอเอาเข้าจริง เปิดเรื่องมาหนังเข้าเรื่องเร็วมาก ไม่ต้องท้าวความอะไรให้ยืดยาด พอดูๆไปหนังจะพยายามเฉลยถึงสิ่งที่เราสงสัยออกมาทีละหน่อย เหมือนจะเป็นอย่างที่คิดว่ามันต้องแอคชั่นแน่ๆ พอดูไปดูมา เอ้า! หนังกลับมีความดราม่าซะงั้น ไม่ใช่ดราม่าธรรมดานะ ดราม่าโคตรหนักหน่วงตลอดทั้งเรื่อง
หนังเหมือนจะไม่มีปมเยอะมากมายในตอนแรกนะ แต่พอดูๆไปปมของตัวละครยิ้มค่อยๆโผล่มา ยิ่งหนังดำเนินเรื่องไปปมยิ้มก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ เยอะไม่พอ พอผ่านแต่ละ Point ก็เอาปมที่ว่ามาขยี้ให้ซึ้งให้เศร้าให้น้ำตาแตกกันเป็นพักๆ ขยี้ไม่พอมีพลิกปมก็มี โอ้โห แล้วไม่ใช่แค่ปมเพื่อนนะ ปมพี่น้อง ปมพ่อแม่ เอามาหมด พอถึงฉากคลายปมสุดท้ายนะคือแบบ คลายได้หลายชั้นมากกก โอ้ God ร้องให้น้ำตาแตกสะอึกสะอื้นแบบเป็นสิบนาที เจ็บจี๊ดเลยจร้าาาา (จะดราม่าหนักหน่วงไปใหนเนี่ย น้ำตาไหลไปเป็นลิตรละ)
แต่ถึงจะมีดราม่าหนักหน่วง หนังก็ยังมีส่วนฮาๆ ตลกๆมาให้หายสะอึกสะอื้นปนๆกันไปอยู่บ้าง มุขแต่ละมุขส่วนใหญ่ก็เป็นมุขแบบเกาหลีมากๆอะ แบบว่าไม่ต้องใช้คำพูดอะไรมากมายให้มันฮาเลยนะ (ถ้าคนดูซี่รี่ย์เกาหลีมาเยอะจะพอเดาได้ว่ามันเป็นยังไง) ใช้แค่กริยาท่าทาง สีหน้าและการแอคติ้ง เออ มันฮานะเฮ้ย มันฮาจริงๆ
ตัวหนังมีการดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างเร็ว ตรงใหนส่วนใหนที่คิดว่าคนดูน่าะรู้อยู่แล้วก็ไม่ลงลึกถึงรายละเอียดอะไรมากมาย หลายๆฉากหลายๆปมเป็นการดำเนินเรื่องในแบบที่ให้คนดูได้คิดตามว่าท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร บางส่วนที่ซับซ้อนหรือยากเกินไปที่จะคิดตามตัวหนังก็มีความผ่อนความเร็วลง เพื่อให้คนดูได้มีเวลาในการคิด และหายใจด้วยเช่นกัน
ฉากแอคชั่นต่อสู้โคตรเจ๋งมาก ทั้งฉากต่อสู้ ฟันดาบ การใช้อาวุธต่างๆ ที่ตัวละครทุ่มเข้าใส่กันมันมีความเท่ มีความเป๊ะ มีความมาด ยิ่งได้พระเอกแถวหน้าอย่างจุงวู และจีฮุนมาเล่นในบทนี้แล้วคือแบบว่าเท่ Susๆ อย่างกะนีโอใน The Matrix อะ โอ๊ยยยย โคตรเท่ เท่ Shift หาย ฉากไล่ล่าก็ไม่ธรรมดานะ แต่ละฉากนี่จัดเต็ม (อย่างกับ Volcano High ศึกป่วนฟ้าโรงเรียน มหาเวทย์ + Man of Streel) คือแบบว่าแต่ละฉากโคตรเจ๋งทั้งมุมกล้อง ทั้งวิธีการเคลื่อนที่ วิธีการวาร์ปของเทพกับวิญญาณ ดูแล้วตะโกน Here ออกมาดังมาก โอยยย ส่วน ฉากทำลายล้างก็เล่นใหญ่ดีมาก ถึงแม้บางส่วน CG อาจดูลอยๆไปหน่อย แต่แทบลืมไปได้เลยเพราะได้ส่วนของความดราม่ามาบังไว้หมด ยกนิ้วให้เลยตรงนี้
ที่เด็ดไม่แพ้กันเลยคงจะหนีไม่พ้น ซาวด์หรือสกอร์ประกอบ ฉากไล่ล่าก็ลุ้นกันกันแบบใจหายใจคว่ำ ฉากใหนต่อสู้ก็มันส์เวอะๆ อย่างกะหนังฮอลลีวูด ฉากเรียกน้ำตากก็บิวท์ซะแทบบ่อน้ำตาแตกกันไปข้างนึงอะ เออชอบมากตรงนี้ ถึงแม้ว่าซาวด์จะไม่ติดหูสักเท่าไหร่หลังดูหนังจบ แต่มันก็เจ๋งมากที่ทำให้อารมของเรานั้นอินไปกับภาพที่ดูอยู่ได้ปรบมือ
สนุกมากๆ สนุกที่สุด ไม่รู้จะหักคะแนนไปเพื่ออะไร ฮา จุงวู มาดโคตรเข้ม ฉากชูดาบแต่ละฉากนี่โคตรเท่ยิ้มวายป่วง ทางด้าน จู จีฮุน ก็มาดนิ่งๆ แต่ฉากเสกอาวุธแล้ววิ่งไปสู้นี่แบบว่า โอ้โหมีความนิ่งและเท่วัวตายความล้มอะ (เจ้าชายเย็นชาเวอร์ชั่นนักรบ) ส่วน คิม ฮยางกี ก็มีความสดใสน่ารักมากๆ เธอคือความสดใสในเรื่องเลยก็ว่าได้ และ ชา แทฮยอน ถึงแม้จะไมีค่อยได้แสดงฉากแอ็คชั่นอะไรแต่ก็แสดงอารมได้ดีเหลือเกิน อย่างกะนายเจี๋ยมเจี้ยมเวอร์ชั่นดราม่าขั้นอัพสกิล (อันที่จริงหนังมีดาราดังคนอื่นๆมาเล่นด้วยเยอะนะ แต่ต้องไปสังเกตเอาเองนะ ถ้าเป็นคอหนังหรือซีรีย์เกาหลี ก็น่าจะดูได้ไม่ยาก)
หลังจากดูจบได้ข้อคิดเยอะมากนะเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การใช้ชีวิตอย่างไรให้คุ้มค่า การช่วยเหลือผู้อื่น การคิดร้ายคิดดีต่อกัน และท้ายที่สุดเลยที่เห็นหลักๆคือ การกตัญญู (อยากกลับบ้านไปกอดแม่มากๆ)
ให้คะแนนเลยนะไม่ต้องคิดอะไรมาก 10/10 ก็ตามนี้ ชอบมาก (กำลังจะไปดูอีกรอบ ^^)
ทำเรื่องเล่นให้เป็นเรื่องใหญ่
รีวิว – Along with the Gods
มนุษย์แต่ละชาตินั้นต่างก็มีความเชื่อเกี่ยวกับความตายแตกต่างกันไป และหลังจากที่เราได้เห็นโลกหลังความตายแบบ ‘เม็กซิกันสไตล์’ ไปแล้วใน Coco คราวนี้ก็มาถึงคิวของโลกหลังความตายแบบ ‘กังนัมสไตล์’ กันบ้างกับ Along with the Gods
หนังเรื่องนี้จะแบ่งเป็น 2 ภาค และนี่ก็คือภาคแรกที่มีชื่อว่า The Two Worlds กับเรื่องราวของ คิมจาฮง นักดับเพลิงหนุ่มที่เสียชีวิตและได้พบกับ 3 ยมฑูต คือ คังลิม เฮวอนเมก และ ดัคชุน ซึ่งมีหน้าที่พาเขาผ่าน ศาลแห่งบาปทั้ง 7 ภายใน 49 วัน เพื่อช่วยให้เขาได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง
บาปทั้ง 7 ในนรกประกอบไปด้วย การฆาตกรรม ความเกียจคร้าน ความหลอกลวง ความอยุติธรรม การทรยศ ความรุนแรง และ ความอกตัญญู โดยการว่าความในนรกนั้นก็จะคล้ายๆ กับที่โลกมนุษย์ โดยยมฑูตจะทำหน้าที่เป็นทนายที่ช่วยปกป้องความบริสุทธิ์จากบาปแต่ละอย่างให้กับมนุษย์
ถ้าหนังมีแค่การว่าความในนรกไปทีละศาล มันก็คงไม่สนุกเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ทำให้มันน่าสนใจมากขึ้นก็คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์หลังจากที่ คิมจาฮง ตายไป ซึ่งนำไปสู่ความวุ่นวายในนรกจนทำให้ คังลิม ต้องลงไปสืบหาความจริงบนโลกไปพร้อมๆ กัน และเหตุการณ์ทั้งสองฝั่งก็สะท้อนกันไปมาเพื่อสื่อให้เห็นถึงความดี-เลวของมนุษย์
Along with the Gods คือส่วนผสมที่น่าสนใจของ หนังผจญภัยแฟนตาซี และ หนังว่าความในศาลแบบ Courtroom Drama ด้วยวิธีการดำเนินเรื่องแบบสืบสวนสอบสวนที่เต็มไปด้วยความพลิกผัน เมื่อความจริงเกี่ยวกับ คิมจาฮง ค่อยๆ ถูกเปิดเผยออก
หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่พูดถึงความหมายของศีลธรรมในแง่มุมที่น่าสนใจ กับเส้นแบ่งของ ‘ความดี’ และ ‘ความเลว’ ซึ่งบางครั้งก็ยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า เพราะหลายครั้ง คนเราก็ทำสิ่งที่ดูเหมือนจะผิดด้วยเจตนาที่ดี แต่ก็มีอีกหลายครั้ง ที่คนเราทำสิ่งที่ดูเหมือนจะถูกต้อง ด้วยจุดประสงค์ที่เลวร้ายได้เหมือนกัน
ส่วนตัว เรารู้สึกว่าช่วงกลางเรื่อง หนังพยายามจะใส่อะไรเข้ามาเยอะไปหน่อย จนพระเอกของเรื่องอย่าง คิมจาฮง นั้นถูกแย่งซีนโดยตัวละครอื่นๆ จนหายไปจากเรื่องเลย แต่รวมๆ แล้ว มันก็เป็นหนังเรื่องหนึ่งที่ดูสนุก และแฝงเอาไว้ด้วยข้อคิดดีๆ หลายอย่าง
สิ่งสำคัญที่หนังเรื่องนี้บอกกับเราก็คือ สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าเราจะมีอะไรมากมายแค่ไหนในโลก สิ่งเดียวที่เรานำติดตัวไปได้ก็คือ คุณงามความดีของเรา และมันก็คือทรัพย์สมบัติเพียงอย่างเดียวของมนุษย์ที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง
เรื่องเล่น รีวิว – 8 เต็ม 10